ตอนที่ 2845 ขับไล่ไปยังเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์!
ไม่นานจากนั้นมันก็เกิดข่าวหนึ่งแพร่กระจายไปทั่วทิศ
ศิษย์ของใหม่ของอาจารย์จั่วเฉิน นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้านามเย่หยวนกลับบอกว่าจะขับไล่ศิษย์นับร้อยๆ ไปยังเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์
เมื่อข่าวนี้มันแพร่ออกไปมันย่อมจะทำให้เกิดเสียงเย้ยหยันทั่วไป
“มันคิดว่ามันเป็นใคร? มันไปเอาความมั่นใจผิดๆ เช่นนี้มาจากที่ไหนกัน?”
“หึๆ เขาได้อาจารย์ดีมันก็ต้องเข้าใจกันหน่อย!”
“พระเจ้าช่วย หากพวกเขาต้องออกไปจริงๆ แล้ววันหน้าเราจะทำอย่างไรกันดี? นี่เราควรไปกราบอาจารย์ปู่ท่านนี้ที่ยอดประกาศตะวันหรือไม่?”
“ผู้อาวุโสจั่วเฉินท่านคิดอย่างไร? ทำไมถึงได้ไปรับเด็กหัวร้อนเช่นนี้เป็นศิษย์กัน?”
…
ในเวลาในไม่ถึงครึ่งวันนั้นข่าวนี้มันก็ได้แพร่กระจายไปทั้งนิกายยาสุดล้ำแล้ว
ไม่ว่านิกายยาสุดล้ำนั้นจะใหญ่แค่ไหนแต่การแพร่กระจายของข่าวสารมันก็ไปได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
ในนิกายยาสุดล้ำนั้นการไปยังเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นั้นถือเป็นเรื่องต้องห้าม
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียคนเบื้องบนทั้งหลายก็ไม่มีใครอยากจะส่งลูกหลานหรือศิษย์ของตัวเองออกไปรนหาที่ตายในสงคราม
แน่นอนว่าตอนนี้ศิษย์กว่าครึ่งของนิกายยาสุดล้ำต่างก็ได้ออกแนวรบด่านหน้าต่อสู้กับเผ่าเลือดอยู่
เพียงแค่ว่าเหล่าศิษย์ทั้งหลายที่อยู่ในสนามรบตอนนี้ต่างก็มีตระกูลและอาจารย์ที่มีแนวคิดสมัยใหม่เห็นถึงปัญหาหากแพ้สงคราม ส่วนคนที่ยังเหลืออยู่ในนิกายจนถึงวันนี้นั้นมันก็มีแต่คนที่มีความคิดล้าหลังไม่สนใจใคร
เหมือนดั่งจั่วเฉินนั้นที่เรียกได้ว่าเป็นแกนนำของคนหัวสมัยใหม่
เขาและศิษย์กว่าเจ็ดในสิบนั้นได้เดินทางไปต่อสู้ยังเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์กันสิ้น
เพราะฉะนั้นแม้ว่ายอดประกาศตะวันมันจะยิ่งใหญ่แค่ไหนแต่ตอนนี้มันก็ช่างดูรกร้างไร้ผู้คน
ฝ่ายหัวโบราณนั้นไม่มีความคิดที่จะลงสนามรบและเอาทรัพยากรทั้งหมดมาใช้ในการบ่มเพาะสร้างยอดฝีมือมากขึ้นในทุกวันส่วนฝ่ายหัวสมัยใหม่นั้นต้องแลกชีวิตในสงครามจนจำนวนลดน้อยลงเรื่อยๆ
เป็นเช่นนี้ไปหลายปีเข้าสุดท้ายแล้วกำลังของนิกายยาสุดล้ำ จึงได้เพิ่มพูนมีมหาจักรพรรดิใหม่ๆ เกิดขึ้นมามากมายและเพราะเช่นนี้มันก็ยิ่งทำให้ฝ่ายหัวโบราณนั้นมีกำลังที่เข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นการที่เย่หยวนคิดอยากจะไล่คนทั้งหลายไปยังสนามรบนั้นมันย่อมจะไปสะกิดเหล่าคนหัวโบราณทั้งหลายและย่อมจะไม่ปล่อยให้เย่หยวนได้ทำตามใจชอบ
ทำให้จักรพรรดิหลายคนนั้นต่างหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยินเรื่องนี้
เด็กน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั้นมันกลับคิดว่าฝ่ามือของมันนั้นปิดฟ้าดินลงได้?
น่าขันนัก!
ทำไมจั่วเฉินถึงไปรับคนโง่ๆ เช่นนี้มาเป็นศิษย์กัน?
ข่าวนี้มันแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความช่วยเหลือจากหวู่เจียงและโจวชุน
“อาจารย์ลุงโจวช่างเก่งกาจสมชื่อจริง! นี่ผ่านไปแค่ครึ่งวันอาจารย์ปู่คนนั้นของเรามันก็กลายเป็นที่หัวเราะของคนทั้งนิกายไปแล้ว!” เฉียนหนานกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางสะใจ
โจวชุนนั้นยิ้มขึ้นมาอย่างภาคภูมิ “เรื่องเล็กน้อยน่า! แต่ข่าวนี้มันก็ไปเร็วกว่าที่ข้าคาดไว้มาก! ดูท่ามันคงมีใครคอยช่วยสุมไฟให้แน่นอน!”
หวู่เจียงนั้นหัวเราะขึ้นพร้อมพยักหน้า “ผีเฒ่าจั่วเฉินมันพูดกล่าวอยู่ทุกวันอยากให้ศิษย์นิกายไปตายในสงคราม มันช่างหัวรั้นนัก! ดูท่าไอ้เด็กนี่จะได้นิสัยมันมาเต็มๆ! แต่มันก็ต้องขอบคุณไอ้เด็กนี่นะ เท่านี้ผีเฒ่าจั่วเฉินมันก็คงเสียหน้ากู่ไม่กลับแล้ว!”
พูดไปหวู่เจียงนั้นก็ยิ้มหัวเราะลั่นขึ้น
คำพูดของคนทั้งหลายนั้นมันไม่มีความเคารพต่อจั่วเฉินเลยแม้แต่น้อย
หากให้พูดจริงๆ แล้วพวกเขาเองก็เกลียดชังจั่วเฉินอยู่มาตั้งแต่ต้น
ลับหลังนั้นพวกเขาย่อมจะหาเรื่องนินทาพวกหัวสมัยใหม่กันไม่ขาดปาก
ที่สำคัญไปกว่านั้นข่าวนี้ที่แพร่ออกไปได้รวดเร็วปานนี้ย่อมจะเกินมือโจวชุนคนเดียว ดูอย่างไรก็ต้องมีมหาจักรพรรดิมาร่วมวงด้วยแน่
คนที่ไม่ชอบหน้าจั่วเฉินนั้นไม่ได้มีน้อยๆ
“สมน้ำหน้ามัน! ผีเฒ่าจั่วเฉินนั้นมันเอาแต่บอกให้เราไปตายที่เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์กันทุกวัน คนมากมายแค่ไหนแล้วที่หลงเชื่อมันจนไปตายลงที่เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์! ครั้งนี้แหละมันเป็นการแก้แค้นที่เหมาะสมนัก!” โจวชุนนั้นกล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยัน
หวู่เจียงนั้นยิ้มตอบกลับไป “ที่น่าขันคือไอ้เด็กคนนั้นมันคิดว่าแค่มีอาวุโสสูงส่งแล้วตัวเองจะเก่งกาจเหนือล้ำฟ้าดิน! คนที่เหนือกว่าจั่วเฉินในนิกายยาสุดล้ำนี้มันไม่ได้มีแค่คนสองคน! จริงด้วยสิ โจวชุนเจ้าคิดว่าใครกันที่ช่วยเหลือเราในเรื่องนี้?”
โจวชุนยิ้มกว้างขึ้น “ถามข้านี้เจ้าจะทำเป็นไม่รู้? นอกจากท่านผู้นั้นแล้วจะมีใครได้?”
หวู่เจียงนั้นยิ้มกว้างขึ้นตอบ “ผีเฒ่าจั่วเฉินนั้นมันคิดจะลากมหาจักรพรรดิฉินชานลงตำแหน่งมาหลายที มหาจักรพรรดิฉินชานท่านเองก็คงเกลียดชังมันสุดใจเช่นกัน! นอกจากท่านแล้วมันก็คงไม่มีใครจริงๆ!”
“หลังจากเรื่องครั้งนี้แล้วเย่หยวนมันก็คงไม่มีที่จะอยู่ในนิกายได้อีกต่อไป บางทีหลังจากนี้มหาจักรพรรดิฉินชานอาจจะหาเรื่องส่งมันไปยังเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์เองเสียก็ได้”
ตึง!
คนทั้งหลายนั้นกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานแต่จู่ๆ มันก็มีคนถีบประตูห้องส่วนตัวเข้ามาอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
หวู่เจียงนั้นหันกลับไปอย่างไม่พอใจแต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครนั้นเขาก็ต้องยั้งปากลงทันที
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ดีขึ้นในใจ
“ศ…ศิษย์พี่หลิงมาหาเรานี้มีคำสั่งอะไรให้เรารับใช้หรือไม่?” หวู่เจียงกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเหยเก
คนที่มาถึงนั้นคือหลิงเจียง ศิษย์จากโถงบังคับกฎ
ศิษย์ของโถงบังคับกฎนั้นมีอำนาจเหนือกว่าศิษย์ทั่วไปในระดับเดียวกันมาก หลิงเจียงคนนี้เป็นคนที่ดูแลจักรพรรดิเที่ยงและจักรพรรดิเซียนทั้งหลายในบริเวณ
หลิงเจียงนั้นบุกเข้ามาด้วยท่าทางเช่นนี้มันต้องไม่ได้มาดีแล้ว!
หรือว่าเจ้าเด็กเย่หยวนนั้นจะจนตรอกจนไปขอให้โถงบังคับกฎออกมาจัดการพวกเขา?
เพราะจนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เชื่อว่าเย่หยวนจะสามารถขับไล่พวกเขาทั้งร้อยกว่าคนไปยังเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ได้
จำนวนคนมากมายขนาดนี้มันย่อมจะเกี่ยวพันกับหลายตระกูล
เดิมทีแล้วฝ่ายหัวสมัยใหม่นั้นก็เคยคิดทำเรื่องเช่นนี้แต่สุดท้ายก็ถูกปัดตกไป
หลิงเจียงนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “หวู่เจียง เจ้าพาคนในหน่วยไปรวมทัพที่ยอดใจสงบและออกเดินทางไปเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ในทันที!”
สีหน้าของคนทั้งสามที่คุยกันอยู่นั้นซีดขาวลงอย่างไม่อยากเชื่อหู
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?
ไอ้เด็กนั่นมันทำได้จริง?
หรือว่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายนั้นจะไม่สนใจพวกเขาเลย?
หรือว่าฝ่ายอนุรักษ์ของพวกเขานั้นจะปล่อยให้ฝ่ายสมัยใหม่ทำอะไรตามใจชอบ?
“ข้า…ข้าขอพบอาจารย์ลุงหยุนไห่ก่อน!” หวู่เจียงนั้นกัดฟันร้องตอบกลับไป
มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์เจิ้งหยุนไห่นั้นคือคนที่หนุนหลังหวู่เจียงอยู่
เขาย่อมจะไม่ปล่อยให้หวู่เจียงต้องไปเสี่ยงตายง่ายๆ เช่นนี้!
แต่ว่าหลิงเจียงนั้นกลับไม่คิดสนใจ “ไม่ต้อง เจ้าไม่มีหวังจะเปลี่ยนเรื่องนี้ได้แล้ว คำสั่งนี้มันมาจากท่านเจ้านิกายเอง ไม่มีใครจะปกป้องเจ้าได้!”
“หือ?! ท…ท่านเจ้านิกาย?” หวู่เจียงนั้นแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
ทำไมเจ้านิกายผู้สูงส่งถึงได้มาสนใจเรื่องระหว่างจักรพรรดิเที่ยงกัน?
นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย!
แต่หวู่เจียงนั้นรู้ดีว่าหลิงเจียงมิใช่คนที่จะล้อเล่นในหน้าที่
ไม่มีใครกล้าเอาเรื่องนี้มาล้อเล่น!
แม้ว่าเจ้านิกายนั้นจะไม่ได้มีอำนาจเด็ดขาดในนิกายแต่ว่าเหล่าเจ้าโลกและผู้อาวุโสในหอสุดแสงนั้นต่างก็ไม่คิดสนใจเรื่องภายในนิกายมากมาย
หากไม่ได้เป็นเรื่องระหว่างนิกายยาสุดล้ำและนิกายภายนอกแล้ว คนที่มีอำนาจภายในนิกายสูงสุดมันก็ยังเป็นเจ้านิกาย!
ไม่มีกล้าขัดนายท่านผู้นี้!
หลิงเจียงนั้นกล่าวขึ้นเสริม “หวู่เจียง รีบๆ หน่อยก็ดี คำสั่งนั้นมีเวลาให้เจ้าแค่ชั่วโมง! หากช้าไปกว่านั้นเจ้าก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแล้ว!”
พูดจบหลิงเจียงก็เดินหายไป
เขานั้นไม่ต้องคอยควบคุมหวู่เจียงใดๆ เพราะมันไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งจากโถงบังคับกฎอยู่แล้ว
ไม่เช่นนั้นแล้วผลลัพธ์ที่ตามมามันจะยิ่งเสียกว่าไปเสี่ยงตายที่เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์
หวู่เจียงนั้นแทบลืมหายใจ อีกฝ่ายนั้นไม่เปิดโอกาสใดๆ ให้เขาเลย!
แต่ทำไมมันถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้?
“มัน…มันกลับทำได้จริง? ทำไมท่านเจ้านิกายถึงได้ทำเช่นนี้?” หวู่เจียงนั้นกล่าวขึ้นด้วยหน้าซีดขาวเป็นกระดาษ
เขานั้นบอกเล่าเรื่องราวนี้แก่ทุกคนด้วยตัวเองเพื่อหวังว่าจะเป็นการตบหน้าเย่หยวนและจั่วเฉิน
การตบหน้ามหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์นั้นมันย่อมจะเป็นอะไรที่น่าภาคภูมิ
แต่ตอนนี้เรื่องราวใหญ่โตขึ้นปานนั้นแล้ว ใครกันเล่าที่ถูกตบแทน?
โจวชุนที่ด้านข้างนั้นเองก็ต้องทำหน้าเหยเกขึ้นมาเช่นกัน
ขนทั้งร่างของเขาลุกตั้ง เพราะดูท่าเขาจะหาเรื่องผิดคนแล้ว
การที่เขาไม่ถูกเรียกไปด้วยนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะรอดจากหายนะ
เพราะข่าวนี้มันถูกปล่อยออกไปจากปากของเขา หากมีใครคิดตามสืบมันก็คงสาวถึงเจตนาของเขาได้ในเวลาแค่พริบตา
ตอนนี้เขาอยากจะหนีหายออกจากนิกายไปให้พ้นๆ!
……………………………………..