ตอนที่ 2859 ยากที่สุดในประวัติศาสตร์!
“ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้วหรือ? นี่มันแต้มความดีไม่จำกัดเชียวนะ!”
“หากมีทรัพยากรไม่จำกัดแล้วความเร็วการบ่มเพาะมันก็ย่อมจะรวดเร็วขึ้นมากล้น อีกทั้งยังสามารถเอาสมบัติทั้งหลายมาใช้ได้ตามใจชอบ แต่เขา…กลับไม่อยากได้มัน?”
“บริจาคสมบัติมากมายปานนี้มันก็แค่จะชดใช้แต้มความดีที่ติดค้างห้องสมุดคัมภีร์ไว้? น่าเสียดายแท้! แต่ว่าพวกหวังหลินนั้นก็คงโดนตบจนหน้าชาไปแล้ว!”
…
พูดอีกก็ถูกอีก
เพราะตอนนี้พวกหวังหลินนั้นแทบอยากจะมุดดินหนีไปให้มันพ้นๆ
ไหนบอกว่าห้าหมื่นแต้มความดีนั้นมันเยอะมาก?
‘ข้าหาได้ห้าแสน ห้าล้าน ห้าสิบห้าร้อยล้านก็ยังได้ แต่ข้าไม่เอา!’
‘ข้าแค่จะคืนให้เจ้าห้าหมื่นตามตกลง!’
‘แล้วเป็นอย่างไรเล่า? รู้สึกหน้าชาขึ้นมาหรือไม่?’
ซ่งชิงหยางนั้นได้แต่อ้าปากค้างเพราะอาจารย์ลุงของเขานี้จะอวดเบ่งได้เก่งเกินไปแล้ว!
แต่ว่าเขานั้นก็ส่ายหัวออกมาในที่สุด “ไม่ได้ หากทำเช่นนั้นนิกายมันคงติดค้างเจ้ามากเกินไป! สมบัตินี้มันล้ำค่าเกินไป!”
หากมันเป็นศิษย์ทั่วๆ ไปนั้นยังพอว่า
แต่เย่หยวนคือใคร? เขานั้นคืออาจารย์ลุง!
ต่อให้จะเอาให้ซ่งชิงหยางก็ไม่กล้ารับมันไว้!
เย่หยวนย่อมเข้าใจความคิดของซ่งชิงหยางจึงยิ้มตอบกลับไป “หากท่านเจ้านิกายคิดว่ามันมากเกินไป ข้าก็มีข้อเสนอหนึ่งให้ ท่านเจ้านิกายจะช่วยรับฟังได้หรือไม่?”
ซ่งชิงหยางตอบกลับทันที “ว่ามาเถอะ!”
เย่หยวนกล่าวขึ้นต่อ “ตอนนี้ศัตรูร้ายมันมาระรานถึงหน้าบ้านพวกเรา หากพวกเรายังเอาแต่เก็บตัวเห็นถึงแค่ประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้าแล้วมันก็เท่ากับการฆ่าตัวตายโดยแท้ ในเมื่อนิกายยาสุดล้ำเรานั้นคือผู้ปกครองด้านการโอสถเราก็ต้องทำตัวให้เหมือนเจ้าคนนายคนหน่อย ข้าว่าทรัพยากรบางอย่างของนิกายเรานั้นมันสามารถเปิดให้คนทวีปสวรรค์แรกเข้ามาใช้ได้! อย่างเช่นห้องสมุดคัมภีร์นี้หรือลานฝึกหลายๆ ลานของเราที่มักว่างอยู่เสมอ”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมามันก็ย่อมจะเกิดเสียงฮือฮาขึ้นตาม
เพราะนี่มันคือเรื่องใหญ่!
สิ่งที่นิกายมีเหนือล้ำกว่าคนอื่นนั้นมันก็คือความรู้และทรัพยากรนี้
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นนิกายใดพวกเขาก็ล้วนปกปิดไม่เปิดเผยวิชาต่อกัน
เย่หยวนนั้นเข้าห้องสมุดคัมภีร์ไปได้ง่ายๆ แต่ก็เพราะว่าเขานั้นมีสถานะที่สูงพอ
สำหรับศิษย์ทั่วๆ ไปแล้วนั้นแค่การเข้าห้องสมุดคัมภีร์ไปแค่วันเดียวมันก็ถือว่าเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยเกินตัวแล้ว ไม่ต้องพูดถึงคนนอกเลย
ตอนนี้เย่หยวนนั้นกลับเสนอออกมาว่าจะให้เปิดห้องสมุดคัมภีร์ให้คนนอกในทวีปสวรรค์แรกได้เข้าใช้ มันจะบ้าเกินไปแล้ว!
ศิษย์ทั้งหลายนั้นหันมามองหน้าเย่หยวนราวกับเป็นคนโง่ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?
มันใช่หน้าที่เจ้าหรือที่จะมาบอกว่านิกายต้องทำอะไรอย่างไร?
วินาทีเดียวกันนั้นมันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งชี้หน้าด่าว่าเย่หยวนขึ้น “โอหังนัก! เย่หยวน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน? นิกายเรามีวิธีการอย่างไรนั้นมันใช่หน้าที่เจ้าหรือที่จะมาบอก? ทรัพยากรทั้งหลายนั้นมันคือรากฐานของนิกายยาสุดล้ำ เปิดมันให้คนทวีปสวรรค์แรกเข้าดูมันย่อมเท่ากับทำลายรากฐานของนิกาย! เจ้ามีแผนร้ายต่อนิกายแล้ว!”
คนผู้นี้ย่อมจะมิใช่ใครอื่นนอกจากฉินชาน!
มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์นั้นออกโรงเองแล้ว
แต่ว่าเย่หยวนย่อมจะไม่รู้จักอีกฝ่ายและต้องถามกลับไปด้วยใบหน้ามึนงง “เจ้าบ่มเพาะจนสมองเน่าไปแล้ว? หากข้าคิดทำลายรากฐานนิกายข้าจะเอาแผ่นหยกพวกนี้ออกมาให้เพื่ออะไร?”
ฉินชานนั้นหน้าดำตอบกลับมาทันที “ไอ้เด็กโอหัง! ไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโสพูดจาสามหาว คนอย่างเจ้ามันต้องโดนลงโทษ!”
ในตอนนั้นเองที่มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์คนหนึ่งก็ได้กล่าวขึ้นมาเสริม “เจ้านิกาย ไอ้เด็กคนนี้มันโอหัง! ไม่สนใจไว้หน้าผู้เฒ่าผู้แก่ สมควรถูกสังหาร!”
เขานั้นคือเจียงเหยียนเตาหนึ่งในกระดูกสันหลังของฝ่ายอนุรักษ์
คำพูดของเย่หยวนนั้นย่อมจะทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
และมิใช่แค่เขาเท่านั้นคำพูดของเย่หยวนมันได้ทำให้ฝ่ายอนุรักษ์แทบทุกคนไม่พอใจตามๆ กัน
ตอนนี้เหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายนั้นจึงเริ่มด่าว่าเย่หยวนออกมาอย่างไม่ขาดปาก
ตอนนี้คนที่เหลืออยู่ในนิกายยาสุดล้ำส่วนมากมันจะเป็นคนจากฝ่ายอนุรักษ์
เพราะฉะนั้นคำพูดเดียวของเย่หยวนนี้มันจึงทำให้เกิดการด่าว่าอย่างไม่มีใครขึ้นมาห้ามได้!
ออกมาจากปากพวกเขานั้นเย่หยวนกลายเป็นคนร้ายหมายทำลายบ้านเมืองคิดทำลายขายนิกายให้คนภายนอกและเรียกร้องให้ใช้โทษประหารเท่านั้น
คนทั้งหลายนั้นต่างมองว่าเย่หยวนคงจบสิ้นลงตรงนี้แล้ว!
กลายเป็นเป้าหมายของคนมากขนาดนี้ต่อให้จะเป็นจั่วเฉินเองก็คงปกป้องไม่ได้แล้ว!
แม้ว่าซ่งชิงหยางและคนเบื้องบนทั้งหลายนั้นจะวางหน้านิ่งได้แต่ในใจของพวกเขานั้นกลับด่าทอกลับไปด้วยใบหน้าเหยเก
ไม่เคารพผู้อาวุโส?
พ่อเจ้านั้นยังไม่กล้าจะเงยหน้ามองอาจารย์ลุงท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้ามันช่างเก่งกาจกันเสียจริง!
แต่ว่าคำพูดของเย่หยวนนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ใหญ่เกินไปจริงๆ
เพียงแค่ว่าด้วยตัวตนของเย่หยวนนี้ หรือว่าท่านทั้งหลายนั้นเองก็จะมีความต้องการไปในทางนี้ด้วย?
“พวกเจ้าหุบปาก!” ซ่งชิงหยางนั้นตวาดกล่าวขึ้นมาจนคนทั้งหลายต้องเงียบปากลง
ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “เย่หยวน เรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าจะตัดสินใจได้ทันที เรื่องนี้เจ้านิกายคนเดียวคงไม่อาจตัดสิน! แต่ข้าจะเอาข้อเสนอของเจ้านี้กลับไปรายงานในหอสุดแสงเพื่อให้ผู้อาวุโสทั้งหลายท่านนั้นช่วยตัดสินใจ!”
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะ “เช่นนั้นคงต้องรบกวนท่านเจ้านิกายแล้ว!”
คนทั้งหลายนั้นต่างแตกตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยิน! นี่ลมจะเปลี่ยนทิศแล้วหรือ? ข้อเสนอจากปากจักรพรรดิเซียนคนหนึ่งนั้นกลับจะไปถึงหูผู้อาวุโสหอสุดแสงได้? จะบ้าไปใหญ่แล้ว!
ตอนนี้คนทั้งหลายเหมือนตัวเองถูกตบหน้าเข้าด้วยมือที่มองไม่เห็น
พวกเจียงเหยียนเตาและฉินชานทั้งหลายนั้นต่างอ้าปากค้างขึ้นมา
เจ้านิกายและเหล่าคนเบื้องบนนั้นกลับสนใจความคิดของเด็กน้อยคนหนึ่ง?
ต่อให้จะมอบสมบัติล้ำค่าให้แค่ไหนมันก็มีสิทธิ์ถึงขั้นก้าวก่ายนิกายได้?
แต่ไม่นานนักพวกเขาก็เริ่มสงบใจลงได้
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการมอบสมบัติขนาดนี้ให้นิกายมันก็ทำให้เย่หยวนเป็นคนมากคุณ ตอนนี้เจ้านิกายจึงคิดไว้หน้าเย่หยวนไปก่อน
ส่วนเรื่องการรายงานหอสุดแสง?
มันย่อมไม่มีทาง!
“เย่หยวน โอกาสดีๆ เช่นนั้นเจ้าคงสามารถแลกโอสถสุดจักรวรรดิออกมาได้ไม่ยาก! แต่เพื่อจะอวดเบ่งเจ้านั้นกลับลืมพี่เจ้าไปแล้วหรือ?” หยางชิงถามขึ้นมา
เย่หยวนหันมามองก่อนจะกล่าวขึ้น “โอสถสุดจักรวรรดิเพื่อ? โอสถสวรรค์ของนิกายนั้นมันก็ได้แค่เท่านั้น! ข้าจะหลอมโอสถสวรรค์ที่ดีกว่านั้นให้เจ้าได้ไปตบหน้าคนให้สาใจเลย!”
หยางชิงเบิกตากว้างขึ้นมา “นี่เรื่องจริง?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “แน่นอน!”
เจิ้งเฉียนกล่าวขึ้นมาขัดเมื่อได้ยิน “หึๆ พูดจาอวดดีเสียจริงๆ! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าดูถูกโอสถสวรรค์ของนิกาย? อย่าได้ลืมว่าเจ้านั้นแค่ระดับห้า! บรรลุระดับลึกล้ำแล้วทำไม? เจ้าหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับลึกล้ำได้หรือ? น่าหัวเราะนัก!”
หวังหลินกล่าวขึ้นมาตาม “หึๆ ในนิกายยาสุดล้ำนี้มันไม่ได้มีแค่เจ้าที่บรรลุระดับลึกล้ำมาได้นะ! ยอดฝีมือระดับลึกล้ำนั้นมันมีอยู่มากมาย!”
เย่หยวนหันมามองหน้าหวังหลินก่อนจะยิ้มถามขึ้น “ศิษย์พี่หวัง หน้าท่านหายชาหรือยัง?”
หวังหลินที่ได้ยินนั้นต้องกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าแดงก่ำทันที
เขานั้นเสียท่าจริงๆ!
คิดเล่นงานเย่หยวนกี่ครั้งสุดท้ายก็ถูกตบหน้ากลับมาทุกครั้ง!
น่าอับอายนัก!
“พวกเจ้าพูดอะไรก็พูดไปเถอะ แต่คำที่ออกมาแล้วเจ้าต้องรับผิดชอบมันด้วยเล่า!” เย่หยวนยิ้มเย็นเยือกตอบกลับไป
คำพูดของเขานี้มันช่างโอหัง เป็นการข่มขู่โดยแท้!
เข้านิกายมาสิบปีนี้เย่หยวนทำเรื่องใหญ่โตไปแล้วกี่ครั้ง?
ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงนั้นเย่หยวนก็ได้ทำให้นิกายต้องสั่นคลอนและเรื่องใหม่แต่ละครั้งนั้นมันก็ยิ่งใหญ่กว่าครั้งก่อนๆ ไปอย่างสิ้นเชิง
จนถึงวันนี้นิกายยาสุดล้ำนั้นเหมือนกำลังหมุนรอบตัวเย่หยวนก็ไม่ปาน
ขยะผู้บ่มเพาะนอกรีตคนนี้มันมีดีอะไรกันแน่?
…
“มันเอาสมุนไพรสวรรค์ใดไปบ้าง?” ฉินชานถามขึ้น
“ชาลึกล้ำเข็มกระเรียน ฝนศักดิ์สิทธิ์ห้าทิศ…” หวังหลินค่อยๆ รายงานชื่อของสมุนไพรสวรรค์ที่เย่หยวนเอากลับไปด้วยท่าทางเย้ยหยัน
ฉินชานนั้นอดเบิกตากว้างขึ้นไม่ได้ “โอสถวงจรอนันต์?!”
หวังหลินยิ้มตอบกลับอาจารย์ไป “ใช่แล้ว! ไอ้เด็กคนนี้มันคงไม่รู้จักฟ้าดิน! เพิ่งบรรลุระดับลึกล้ำมาได้สิบปีมันก็คิดว่าจะหลอมโอสถวงจรอนันต์ได้แล้ว นี่มันคือโอสถสวรรค์ที่ยากที่สุดในประวัติศาสตร์! ฮ่าๆๆ…หยางชิงมันคงได้ตายห่าเพราะความโอหังของเย่หยวนมันแล้ว!”
ฉินชานนั้นเองก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ไอ้เด็กนี่ มัน…โอสถวงจรอนันต์ ต่อให้จะเป็นข้า ข้าก็คงพอหลอมได้แค่ถึงระดับแท้เท่านั้น! มันคิดว่ามันเป็นใครถึงกล้าเลือกหลอมโอสถสวรรค์นี้?”
………………………………………………