ด้านนอกเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นั้นมันมีเสียงโห่ร้องดังลั่นของเผ่าเลือดดังมาเป็นระยะๆ
ส่วนภายในเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ตอนนี้มันมีแต่ความมืดมนและอึดอัด
เผ่าเลือดนั้นได้แต่งตั้งบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์เรื่องราวที่ใหญ่โตเช่นนั้นต่อให้จะเป็นพันธมิตรสวรรค์แรกที่ไม่มีแหล่งข่าวในเผ่าเลือดเองก็ยังต้องได้ยินทหารเผ่าเลือดที่มาบุกนครต่างๆ พูดกล่าวถึง
เรื่องนี้มันย่อมจะเป็นข่าวร้ายอย่างมากมายมหาศาลต่อพันธมิตรสวรรค์แรกที่กำลังต่อต้านกำลังการรุกรานอยู่
“สหายทุกท่าน ความตายของสหายเต๋าหวู่เฟิงนั้นมันเป็นเรื่องที่เลวร้ายกับเราอย่างมาก! เรื่องนี้มันทำให้รูของเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ขยายตัวขึ้นอย่างมาก! เดิมทีข้านั้นคิดอยากให้ค่ายนิกายทั้งหลายนั้นฝึกฝนดูแลศิษย์ไปเรื่อยๆ หวังว่าจะได้เจ้าโลกมาเพิ่มสักคนสองคนแต่ตอนนี้…ดูท่ามันคงไม่อาจจะทำได้อีกแล้ว!”
เสียงของเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นดังลั่นไปทั้งเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ ผลลัพธ์ที่ตามมาจากความตายของหวู่เฟิงนั้นมันยิ่งใหญ่จนเกินกว่าที่พวกเขาในตอนนี้จะรับได้
ความตายของหวู่เฟิงนั้นไม่ได้ส่งผลแค่กับมหานครฉีใต้แต่มันส่งผลถึงพลังของเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ ในภาพรวม
การเสียเจ้าโลกไปนั้นมันย่อมจะเท่ากับว่าเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นั้นเสียพลังงานไปอย่างมหาศาล
เรื่องนี้มันย่อมจะทำให้ช่องว่างของแต่ละนครนั้นกว้างมากขึ้นทำให้พวกเขาต้องรับมือการบุกของเผ่าเลือด ที่ดุเดือดขึ้นด้วย นั่นทำให้ตอนนี้ในทุกนครต่างประสบปัญหาขาดแคลนทหาร
แต่ละนครนั้นต่างมียอดฝีมือดูแลอยู่และย่อมจะยังไม่ปล่อยให้เมืองตกอยู่ในมือของเผ่าเลือดง่ายๆ
แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ทวีปสวรรค์แรกก็ได้สูญเสียกำลังไปอย่างมากเช่นกัน
ยี่สิบวันที่ผ่านมาทางพันธมิตรสวรรค์แรกนั้นได้บังคับนักยุทธจรไร้สังกัดทั้งหลายให้เข้าสังกัดมารับใช้นครต่างๆ
“พวกเผ่าเลือดนี้มันช่างดื้อด้านเสียจริง! หึ! จะยังกลัวอะไรมันอีก? อย่างมากก็แค่ต้องสู้เท่านั้น! หากมันบังคับมือพ่อเจ้าจริงๆ แล้วต่อให้พ่อเจ้านี้จะต้องตายข้าก็จะลากเผ่าเลือดมันลงนรกไปด้วยแน่นอน!” เจ้าโลกหยุนซานนั้นร้องลั่นขึ้นมา
“ตาเฒ่าหยุนซาน เลิกพูดจาไร้สาระเสียทีเถอะ! เรื่องสำคัญของเราตอนนี้คือจะทำอย่างไรกับมหานครฉีใต้นั้นต่างหาก!” เจ้าโลกเฮยหยางกล่าวขึ้นมา
“จะยังทำอะไรได้อีก? ในตอนนี้ศิษย์นิกายใหญ่ทั้งหลายนั้นต่างออกไปฝึกฝนนอกนิกาย การจะรวมกำลังมันต้องใช้เวลา! ซึ่งข้าคิดว่าอย่างน้อยๆ คงอีกต้องสิบวัน! ตราบเท่าที่พวกเขาทนได้อีกสิบวันมันก็ย่อมจะแก้ไขกันได้แน่นอน แต่หากพวกเขาทนไม่ได้แล้ว…มันก็คงได้แต่ต้องภาวนา!” เจ้าโลกหยุนซานนั้นตอบกลับไปด้วยหน้าเครียด
ดูสภาพตอนนี้แล้วมันคงไม่อาจจะเลวร้ายไปได้กว่านี้อีก
“ครั้งนี้ข้าเกรงว่า…มันคงยาก! เผ่าเลือดนั้นได้เลือกบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์คนใหม่มา มันคนนี้คือยอดฝีมือที่จะเปลี่ยนแปลงยุคสมัยอย่างแท้จริง! ข้าได้ยินพวกทหารมันพูดกันว่ากองกำลังร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนและร้อยบุตรจักรพรรดิเที่ยงได้เดินทางมาถึงเมืองข่ายยักษ์แล้ว! ตอนนี้คนทั้งสองร้อยนั้นคงกำลังเข้าร่วมกองทัพเป็นแน่!” เทพศักดิ์สิทธิ์กล่าวขึ้นอย่างหมดหวัง
คนอื่นๆ เองก็ต้องเงียบปากไป
เจ้าโลกหยุนซานนั้นนั่งเครียดอยู่นานก่อนจะกล่าวขึ้นมา “นี่พวกเจ้าว่าเย่หยวนจะเป็นหนึ่งในร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนที่กลับมาไหม? หากเป็นเขาแล้วมันอาจจะยังพอมีหวังอยู่!”
เจ้าโลกเฮยหยางส่ายหัวตอบกลับมาทันที “หยุนซาน เจ้าหลงศิษย์คนนี้มากไปหรือไม่? ร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนนั้นมันคือเผ่าเลือดที่แต่งตั้งโดยวิหารโลหิตเทวา เผ่าเลือดนั้นเก่งกาจแค่ไหนมีวิชาอะไรบ้าง แม้แต่เจ้าหรือข้าก็ยังไม่รู้! เจ้าคิดว่าเขาที่เป็นแค่จักรพรรดิเซียนน้อยๆ คนหนึ่งจะหลอกลวงเจ้าโลกเผ่าเลือดทั้งหลายได้? หากมันคิดไปร่วมงานคัดเลือกร้อยบุตรจริงๆ ข้าว่าป่านนี้มันคงตายไปแล้วด้วยซ้ำ!”
เมื่อหยุนซานได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องถอนหายใจยาวออกมาเช่นกัน
เพราะแม้ว่าเย่หยวนจะมีโอสถเลียนโลหิตแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเผ่าเลือดจะโง่เง่า ไม่มีใครยืนยันได้ว่ามันจะไม่ถูกมองออก
“เช่นนั้นคงได้แต่ต้องฝากความหวังไว้กับเฟิงเสี่ยวเถียนเท่านั้นแล้ว!” เทพศักดิ์สิทธิ์กล่าวขึ้นสรุป
…
“คุกเข่า!”
“ท่านบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์…”
“ข้าบอกว่าให้เจ้าคุกเข่า ไม่ได้ยินหรือ?”
เฉียเจียนได้แต่ต้องคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ
เพราะตอนนี้เขาไม่อาจจะทำอะไรได้!
เจ้าเมืองซู่มู่นั้นได้พาคนทั้งหลายมาทักทายต้อนรับเย่หยวน เพราะเรื่องนี้เป็นงานใหญ่ที่คนทั้งเมืองให้ความสนใจ
ตัวตนของเย่หยวนในตอนนี้มันแตกต่างจากตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง
เขานั้นเทียบเคียงได้กับเจ้าโลก!
เพราะฉะนั้นการต้อนรับมันจึงต้องทำอย่างเต็มที่ไม่อาจขาดตกไปได้
แต่พวกเขาก็ไม่นึกฝันว่าพอได้เจอหน้ากันเย่หยวนกลับจะใช้อำนาจบาตรใหญ่สั่งให้เฉียเจียนคุกเข่าลงต่อหน้า
เฉียเจียนนั้นเป็นถึงมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ รองเจ้าเมืองข่ายยักษ์!
ยอดฝีมือระดับนี้เขาย่อมจะมีตำแหน่งในวิหารโลหิตเทวาไม่น้อยเช่นกัน
แต่ตอนนี้เขากลับต้องมาคุกเข่าต่อหน้าคนทั้งเมือง!
แท้จริงแล้วทั้งซู่มู่และเฉียเจียนนั้นต่างเฝ้าดูการคัดเลือกร้อยบุตรรอบนี้อย่างมากกว่าครั้งใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเฉียเจียนนั้นที่เขาเฝ้ามองดูเย่หยวนแสดงความโง่เง่าออกมา
เก่งมากมิใช่หรือ?
แต่คนเก่งๆ ในเผ่าเลือดนั้นมันมีเท่าไหร่?!
แต่ยิ่งเฝ้าดูเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกหน้าชาขึ้นเท่านั้น
เพราะแท้จริงแล้วตอนที่อยู่ในเมืองข่ายยักษ์นั้นเย่หยวนแทบไม่ได้ใช้ฝีมือออกมาเลย!
เมื่อไปถึงเมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์ เย่หยวนก็ยังเอาชนะทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้าได้!
จนสุดท้ายเขานั้นก็ได้ทำให้งานคัดเลือกร้อยบุตรเป็นแค่เรื่องน่าหัวเราะ เล่นงานทุกคนจนไม่มีใครทันได้ยอมแพ้!
ได้ยินเช่นนั้นตัวเฉียเจียนนั้นก็แทบจะอกแตกตาย
มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!
สวรรค์ไม่มีตาเลยหรือ?
แต่ไม่นานจากนั้นมันก็ได้มีข่าวหนึ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าแพร่ออกมาทำให้เขาขนลุกตั้ง
เย่หยวนนั้นกลับได้กลายเป็นบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์!
ต่อให้เขาจะเป็นร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนอันดับหนึ่งมันก็ยังมิใช่เรื่องจะทำให้เฉียเจียนกลัวเกรงเย่หยวน
แต่บุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์นั้นมันแตกต่างกันไปสิ้นเชิง!
เพราะว่านี่มันคือว่าที่ราชา!
ได้ยินข่าวนั้นเฉียเจียนก็แทบดื่มเลือดไม่ลงนอนไม่หลับ
แน่นอนว่าเมื่อได้มาเจอกันวันนี้เย่หยวนก็ย่อมคิดจะล้างแค้นเขาแล้ว!
เย่หยวนมองหน้าเฉียเจียนก่อนจะยิ้มขึ้นอย่างเย็นเยือก “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์แล้วเก่งมาก?”
เฉียเจียนนั้นร้องขึ้นมาด้วยเหงื่อท่วมกาย “ม…มิกล้า!”
เย่หยวนถามขึ้นต่อ “ข้าบอกเจ้าไว้แล้ว มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์นั้นมันไม่มีค่าในสายตาของข้า! ตอนนั้นเจ้าหัวเราะเย้ยข้า คงไม่นึกล่ะสิว่าเวรกรรมมันจะตามมาได้เร็วปานนี้?”
เฉียเจียนกล่าวขึ้นปฏิเสธด้วยใบหน้าซีดขาว “ม…มิกล้า!”
เย่หยวนหรี่ตาลงกล่าวอย่างดุดัน “นักรบเผ่าเลือดเรานั้นอยู่โดยสงคราม! การตายลงนั้นมันมีแต่ต้องโทษฝีมือตัวเองที่อ่อนแอ! สังหารทายาทเจ้าแล้วเจ้าก็คิดจะแก้แค้นกับข้าผู้นี้หรือ? เช่นนั้นแล้วหากข้าอยากสังหารเจ้าลงตรงนี้มันจะต่างอะไรจากการบี้มดปลวก?”
เฉียเจียนนั้นได้แต่ต้องหายใจรุนแรงร้องตอบกลับมาด้วยน้ำตาที่เอ่อหน้า “ท่านบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ ไว้ชีวิตน้อยๆ ของข้าด้วยเถอะ!”
เฉียนั้วที่อยู่ข้างๆ นั้นทนดูไม่ได้อีกต่อไปต้องรีบกล่าวขึ้นมาแทรก “ท่านบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ เฉียเจียนแค่ไม่ทันยั้งคิดและรักทายาทของตัวเองมากเกินไป ไม่ได้มีความคิดจะลบหลู่ท่านหรอก โปรด…”
“หุบปากเดี๋ยวนี้! ไอ้เจ้าโง่ นำกองทัพสามแสนไปตีเป็นสิบๆ วันจนตอนนี้ก็ยังตีมหานครฉีใต้มันไม่แตก เจ้ายังมีหน้ามาพูดปกป้องมันอีกหรือ? ข้านั้นยังไม่ได้ชำระเรื่องราวนั้นกับเจ้านะ!” เย่หยวนหันไปมองด้วยสายตาที่เย็นเยือก
สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันบ้าเลือดอย่างมาก ราวกับจะสังหารเทพลงได้!
หยางชิงที่อยู่ไม่ไกลนั้นต้องมองดูเรื่องราวด้วยความอิจฉา
เจ้าที่เป็นมนุษย์กลับมาอวดอ้างลงโทษยอดคนของเผ่าเลือด มันช่างสะใจดีนัก!
ตำแหน่งบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์มันช่างมีประโยชน์!
ดูหน้าเหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายนี้มันมีใครบ้างที่มิใช่ยอดฝีมือ?
แต่พวกเขานั้นกลับทำหน้าเหมือนเป็นแค่เด็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวน ไม่กล้าแม้แต่จะเถียงคำใด
สุดยอด!
สะใจ!
แน่นอนว่าเฉียนั้วนั้นต้องผงะไปเมื่อได้ยินก่อนจะรีบหุบปากกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไป
เย่หยวนย่อมจะไม่คิดกลัวที่จะสร้างศัตรูใดๆ เพราะเขานั้นเป็นศัตรูกับคนทั้งหลายอยู่แต่แรก
หากไม่ใช้อำนาจเมื่อตอนยังมี หากหมดอำนาจไปแล้วมันจะต้องมาเสียใจภายหลัง!
ตอนนี้เขาต้องวางอำนาจบาตรใหญ่ให้ถึงที่สุด!
“ทำไมเล่า? ดูหน้าเจ้าเหมือนเจ้าจะไม่ยอมรับมันหรือ? หากอีกไม่กี่วันนี้ทางมหานครฉีใต้มันได้กำลังเสริมจากพันธมิตรสวรรค์แรกมาแล้วต่อให้ข้าจะเอากำลังให้เจ้าอีกสามแสนเจ้าจะตีมันลงได้หรือไม่?” เย่หยวนจ้องมองเฉียนั้วอย่างรุนแรงจนทำให้อีกฝ่ายขนลุกตั้ง
เพราะเขานั้นไม่มั่นใจว่าจะทำได้จริงๆ!
ได้เห็นเย่หยวนร้องลั่นขึ้นมาเช่นนั้นเขากลับไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงเถียงกลับไป
“เจ้าโลกโหยวจิน เฉียเจียนมันเคยคิดทำร้ายข้าคนนี้ ข้าจะสังหารมันลงแล้ว ท่านคงไม่คิดขัดใช่หรือไม่?” เย่หยวนหันไปถามเจ้าโลกโหยวจินที่นั่งดูเรื่องราวอยู่ไม่ไกล