“เย่หยวน ร่างวิญญาณของเจ้านั้นมันยังไม่แน่หรอกว่าจะเป็นร่างวิญญาณหมอกหุ้มแต่นี่กลับมาเย้ยหยันข้าเสียก่อนแล้วหรือ? ระวังจะได้ตบหน้าตัวเองแล้วกัน!”
ฉินซื่อเถียนนั้นรู้สึกได้ถึงความอับอายและรีบตอบสวนไปอย่างไม่ทันคิด
เขานั้นไม่ยอมเชื่อว่าเย่หยวนนั้นจะปลุกร่างวิญญาณหมอกหุ้มขึ้นมาได้!
เย่หยวนนั้นผงะไปเมื่อได้ยิน “ร่างวิญญาณหมอกหุ้ม? เจ้าจะบอกว่าร่างวิญญาณพิเศษที่ข้าปลุกขึ้นมานี้มันคือร่างวิญญาณหมอกหุ้ม?”
ฉินซื่อเถียนยิ้มเย้ยตอบกลับไป “ยังไม่แน่หรอก! เพียงแค่ว่ามองผ่านๆ แล้วมันดูเหมือนก็เท่านั้น! ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันคือร่างวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด มีหรือที่คนอย่างเจ้าจะปลุกมันขึ้นมาได้?”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องยิ้มกว้างตอบกลับไปทันที “อ่า ที่แท้เป็นเพราะเช่นนั้น! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงได้ร้องลั่นสุดเสียงเช่นนี้ ที่แท้เจ้าทำเป็นโกรธกลบเกลื่อนความอับอาย!”
“เจ้า!”
ฉินซื่อเถียนนั้นแทบจะต้องสำลักกระอักเลือดออกมา
เห็นแล้วก็อย่าพูดสิวะ! เจ้าบ้านี่มันน่าชังจริงๆ!
ที่ด้านข้างกันนั้นโจวหยูและเหอเฉินที่ได้เห็นต่างก็ต้องอมยิ้มขึ้นมา
เพราะตอนนี้พวกเขาเองก็เกลียดขี้หน้าฉินซื่อเถียนไม่น้อยแล้วเช่นกัน
ตั้งแต่คิดเดินทางมายังดินแดนเผ่าวิญญาณนั้นเย่หยวนย่อมจะได้ยินจากทั้งหยุนซานและหมี่เทียนพูดถึงร่างวิญญาณอันดับหนึ่งอย่างร่างวิญญาณหมอกหุ้มนี้
เพียงแค่ว่าตัวเขาเองก็ไม่คิดฝันเช่นกันว่าตัวเขานั้นกลับจะปลุกร่างวิญญาณหมอกหุ้มขึ้นมาได้!
จะบอกว่าร่างวิญญาณครึ่งๆ กลางๆ ของเขานี้มีโอกาสที่จะพัฒนาไปจนถึงระดับของเจ้าโลกบู๋เมี่ยหรือ?
“ไม่ว่าร่างวิญญาณของเย่หยวนนั้นจะเป็นร่างวิญญาณหมอกหุ้มจริงหรือไม่มันก็ยังเหนือล้ำกว่าสิบรูปไปสิ้นเชิง! ซื่อเถียน เจ้ากล้าพูดกับท่านเจ้าโลกหนุ่มด้วยคำพูดเช่นนั้นหรือ? ทำไมยังไม่คิดขอโทษอีก?!” ตอนนั้นเองที่มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นกล่าวลั่นขึ้นมาว่าฉินซื่อเถียนจนแก้วหูสั่น
ฉินซื่อเถียนนั้นอับอายจนหน้าแดงก่ำขึ้น
เขานั้นไม่นึกฝันว่าคนที่ตบหน้าเขามันกลับจะกลายเป็นอาจารย์ของเขาเอง!
ท่าทางของเขานั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างรวดเร็ว!
แต่ว่าในสายตาของมหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นแค่หน้าของศิษย์มันย่อมจะไม่สำคัญมากมาย
เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคืออนาคตของโถงวิญญาณนิพพานกล้วยไม้สงบ!
เดิมทีแล้วเจ้าโถงทั้งสามนั้นเห็นสิบรูปและย่อมจะคิดฝากอนาคตไว้กับยอดอัจฉริยะคนนี้
แต่ตอนนี้เทียบกับเย่หยวนแล้ว ฉินซื่อเถียนมันเป็นได้แค่เจ้าเด็กโง่โอหังไร้ค่าใด
จักรพรรดิหนุ่มและเจ้าโลกหนุ่มนั้นมันแตกต่างกันอย่างมากล้ำจนเกินกว่าจะมาเทียบ!
เจ้าโลกหนุ่มนั้นมันคือตัวตนที่วันหน้าจะได้กลายเป็นเจ้าโลก!
ตัวตนของเขานั้นมันสูงล้ำกว่าจักรพรรดิหนุ่มไปลิบลับ!
โจวหยูและเหอเฉินนั้นต่างสะใจกับภาพตรงหน้านี้อย่างมาก
เวรกรรมมันมีจริง!
เมื่อวันก่อนฉินซื่อเถียนนั้นตบหน้าพวกเขาด้วยตำแหน่งจักรพรรดิหนุ่ม
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับทำให้ฉินซื่อเถียนต้องก้มหัวด้วยตำแหน่งเจ้าโลกหนุ่ม!
ที่สำคัญไปกว่านั้นฉินซื่อเถียนยังอวดอ้างพลังอำนาจด้วยตัวเอง
แต่ว่าสำหรับเย่หยวนนั้น…
เขาไม่ต้องพูดอวดอ้างตนใดๆ เพราะว่าอาจารย์ของฉินซื่อเถียนเป็นคนช่วยตบหน้าให้แทน!
“ขอรับ! ฉินซื่อเถียนลบหลู่ท่านเจ้าโลกหนุ่มไป โปรดให้อภัยข้าด้วย!” ฉินซื่อเถียนนั้นกัดฟันกล่าวขึ้น
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ฉินซื่อเถียน ตั้งแต่ที่เราเริ่มต้นสอบครั้งนี้กันมาเจ้าก็คิดแต่จะหาเรื่องข้าเสมอ ทำไมหรือ? ตอนนี้คิดจะให้มันจบไปด้วยคำพูดสั้นๆ แค่นี้แล้ว?”
ฉินซื่อเถียนนั้นกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าดำมืด คิดอยากจะมุดดินหนีลงไปให้พ้นๆ
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เขาอวดอ้างตัวต่อหน้าเย่หยวนไว้อย่างมาก
เดิมทีแล้วเขาคิดว่าตัวเองย่อมจะชนะเย่หยวนในด่านแรกได้ง่ายๆ
ใครจะไปคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับผ่านป่ามาได้ด้วยเวลาห้าอึดใจ!
จากนั้นด่านที่สอง เขาก็คิดว่าเป็นด่านประลองฝีมือของจริง
ซึ่งตัวเองที่เกือบไปถึงระดับเจ็ดย่อมจะเหนือล้ำกว่าใครๆ แต่สุดท้ายเย่หยวนกลับสามารถผ่านด่านได้สิ้น!
เดิมทีแล้วเขาคิดว่าด่านที่สามนี้เขาที่ขึ้นมาถึงสิบรูปได้ย่อมจะเป็นผู้ชนะ
ใครจะไปคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับปลุกร่างวิญญาณพิเศษขึ้นมา?
ที่สำคัญกว่านั้นมันยังอาจจะเป็นร่างวิญญาณหมอกหุ้มที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าวิญญาณด้วย!
ตั้งแต่ต้นจนจบนั้น มันมีแค่เขาที่เป็นตัวตลก!
“จ…เจ้าต้องการอะไร?” ฉินซื่อเถียนกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเหยเก
แต่เย่หยวนนั้นกลับไปมองหน้ามหาจักรพรรดิล้ำตงหยางด้วยรอยยิ้ม “ท่านเจ้าโถง ข้าสงสัยว่าหากข้าคิดสังหารมันลงจะมีปัญหาใดหรือไม่?”
มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นได้แต่ต้องตอบมาด้วยใบหน้าเหยเก “ท่านเจ้าโลกหนุ่ม ซื่อเถียนนั้นจะอย่างไรก็ศิษย์ของข้าคนหนึ่ง ท่านจะปล่อยมันไปได้หรือไม่?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ท่านเจ้าโถง เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? พวกท่านนั้นยังไม่แน่ใจใช่หรือไม่ว่าร่างวิญญาณของข้านี้มันเป็นร่างวิญญาณหมอกหุ้มจริงๆ หรือไม่? ข้าว่าตัวฉินซื่อเถียนเขาเองก็คงยังไม่ยอมรับเช่นกันว่าข้าคนนี้จะเป็นเจ้าโลกหนุ่ม ทำไมไม่ให้เขากับข้ามาประลองเดิมพันชีวิตกันอย่างยุติธรรมเล่า? ท่านว่าอย่างไร?”
ตงหยางนั้นยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “ท่านเจ้าโลกหนุ่มนั้นปลุกร่างวิญญาณพิเศษขึ้นมาได้แล้ว ต่อให้จะมิใช่ร่างวิญญาณหมอกหุ้มมันก็ไม่มีทางที่ซื่อเถียนจะเอาชนะท่านได้แน่”
เย่หยวนยิ้มกล่าวขึ้น “ใช่ ข้าถึงได้บอกว่าเป็นการประลองอย่างยุติธรรม! ภายในสิบกระบวนท่านั้นเขาสามารถโจมตีออกมาได้สุดตัว ข้าจะไม่ป้องกันใดๆ เลย! หากเขาสังหารข้าลงได้ข้าก็คงไม่มีทางใช่ร่างวิญญาณหมอกหุ้มแน่แล้วใช่หรือไม่? แต่หลังจากสิบกระบวนท่าหากเขายังสังหารข้าไม่ได้อีกข้าก็จะลงมือบ้าง ท่านว่าอย่างไร?”
“เรื่องนั้น…”
“ได้สิ! ข้ารับ!”
ระหว่างที่ตงหยางยังลังเลนั้นฉินซื่อเถียนก็กล่าวขึ้นมารับแทน
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เชื่อว่าเย่หยวนนั้นจะปลุกร่างวิญญาณหมอกหุ้มขึ้นมาได้จริงๆ
เช่นนี้มันก็ไม่มีใครห้ามได้แล้ว
มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นเองก็ไม่อาจจะห้ามได้เช่นกัน
คนทั้งหลายนั้นต่างแหวกออกมาปล่อยให้ตรงกลางลานมีแค่ตัวเย่หยวนและฉินซื่อเถียนยืนเผชิญหน้ากัน
การปะทะกับระหว่างร่างวิญญาณสิบรูปและร่างวิญญาณที่ต้องสงสัยว่าเป็นร่างวิญญาณหมอกหุ้มมันย่อมจะกลายเป็นที่สนใจของทุกผู้คน
การประลองเช่นนี้ล้านปีจะได้เห็นสักครั้ง!
“หากเย่หยวนนั้นไม่ใช่ร่างวิญญาณหมอกหุ้มแล้วฉินซื่อเถียนที่มีร่างวิญญาณสิบรูปก็อาจจะสังหารเขาลงได้จริงๆ! ข้าว่าเย่หยวนมันมั่นใจเกินไป มีหรือที่ร่างวิญญาณหมอกหุ้มจะปรากฏขึ้นมาได้ง่ายๆ?”
“ข้าได้ยินมาว่าฉินซื่อเถียนนั้นฝึกวรยุทธสังหารไว้มากมายจากสนามรบเจาะชาด! ตอนนี้เขามีร่างวิญญาณสิบรูปแล้ว พลังของเขานั้นต่อให้จะเป็นมหาจักรพรรดิก็ไม่แน่ว่าจะหลบรอดออกไปได้!”
“แต่ว่าหากเย่หยวนเป็นร่างวิญญาณหมอกหุ้มจริง! มันคงได้ทำให้ทั้งเผ่าวิญญาณสั่นสะเทือนแน่!”
…
เรื่องร่างวิญญาณของเย่หยวนนั้นมันย่อมจะกลายเป็นที่สนใจ
เพราะว่าร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันคือตำนานที่ไม่เคยปรากฏซ้ำขึ้นมาก่อน
ตั้งแต่บรรพกาลมานั้นมันมียอดอัจฉริยะมากมายแค่ไหนที่คิดอยากปลุกร่างวิญญาณหมอกหุ้มนี้แล้วพลาดลง?
เพราะฉะนั้นคนทั้งหลายก็ยังไม่ปักใจว่าเย่หยวนจะทำได้
ไม่ขยับป้องกันถึงสิบกระบวนท่านั้นมันย่อมจะไม่ยากหากฉินซื่อเถียนคิดสังหารเย่หยวน
เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่ได้มั่นใจอย่างโง่เง่าใดๆ เพราะแท้จริงแล้วในจิตใจส่วนลึกของเขานั้นก็สัมผัสได้ว่าวิญญาณของตนตอนนี้มันแตกต่างไปสิ้นเชิง
ก่อนหน้าตอนอยู่ในเตาหลอมวิญญาณที่เขากลายเป็นหมอกนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ยากอธิบาย
เหมือนว่าเขานั้นเป็นอมตะอย่างแท้จริง
ความมั่นใจนั้นมันจึงงอกขึ้นมาในจิตใจของเย่หยวน!
ฉินซื่อเถียนมองหน้าเย่หยวนและยิ้มกว้างขึ้นมา “เย่หยวน เจ้าภาวนาไว้เถอะว่าให้ร่างวิญญาณของเจ้ามันเป็นร่างวิญญาณหมอกหุ้มของจริง! ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าจะได้ตายอย่างไร้ที่กลบฝัง!”
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ลงมือเสียทีเถอะ พูดมากปากเหม็นจริงๆ!”
ฉินซื่อเถียนนั้นหรี่ตาลงพร้อมด้วยคลื่นพลังวิญญาณรุนแรงปะทุขึ้น
สิบรูปนั้นมันทำให้พลังวิญญาณของเขาแทบเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
ดวงดาวสีดำมืดมากมายพุ่งเข้าปะทะร่างเย่หยวน!
โจวหยูนั้นเบิกตากว้างร้องขึ้นทันที “ระเบิดวิญญาณดารา! นี่มันไม้ตายที่ฉินซื่อเถียนคิดขึ้นมาเองมีพลังเหนือล้ำ! ตอนที่เขาเป็นแค่จักรพรรดิเที่ยงขั้นกลางนั้นเขาเคยใช้วิชานี้ลอบโจมตีมหาจักรพรรดิครึ่งก้าวชาวมนุษย์ตายลงมาก่อน! ตอนนี้เมื่อมีพลังของสิบรูปด้วยแล้ว เย่หยวนอาจจะทนรับไว้ไม่ได้จริงๆ เว้นเสียแต่…”
เว้นเสียแต่ว่าเย่หยวนนั้นจะมีร่างวิญญาณหมอกหุ้มจริงๆ หากมิใช่แล้วเขาต้องตายลงแน่!
ต่อให้จะเป็นร่างวิญญาณที่พิเศษแค่ไหนมันก็ต้องตายลงแน่!
โจวหยูนั้นเข้าใจฉินซื่อเถียนดี เขาจึงไม่นึกว่าฉินซื่อเถียนนั้นจะใช้ไม้ตายออกมาในการโจมตีกระบวนท่าแรกเช่นนี้
ที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังไม่ได้ออมมือเลยแม้แต่น้อยด้วย!
ปัง! ปัง! ปัง!
ดวงดาวรอบตัวเย่หยวนระเบิดออกมาปล่อยคลื่นพลังวิญญาณแรงล้ำ
ร่างกายของเย่หยวนที่ถูกระเบิดนั้นมันบิดเบี้ยวไปมาอย่างไม่อาจจะห้ามได้!
………………………