“แม้แต่ยอดฝีมือระดับเจ้ายังหาเขาไม่พบ แล้วข้าจักรพรรดิเที่ยงคนหนึ่งจะไปหาเขาพบได้อย่างไรกัน?” ในเมื่อถูกเปิดโปงแล้วเย่หยวนก็ไม่คิดจะพูดเรียกบู๋เมี่ยเป็นท่านใดๆ อีกต่อไป
หยุนหนีกล่าวขึ้นตอบ “เจ้าเองก็ไม่ต้องหลงตัวเองไปก่อนหรอก แม้ว่าเจ้านั้นจะไม่ได้ด้อยไปกว่าเฟิงรุ่ยก็จริง
แต่ในสายตาของข้า เจ้าเองก็ยังเป็นแค่ร่างวิญญาณกึ่งอมตะอีกแบบหนึ่งเท่านั้น การจะหาท่านเจอหรือไม่ข้าเองก็ไม่มั่นใจแต่อย่างน้อยๆ พวกเจ้าเหล่าผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะก็ยังมีโอกาสมากกว่าพวกเรา”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที ดูท่าแล้วผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะที่แดนวิญญาณอมตะหามานั้นจะไม่ได้มีแค่เขา
หยุนหนีและเหล่าคนระดับสูงของเผ่าวิญญาณนั้นคงคิดจะหาร่องรอยของเจ้าโลกบู๋เมี่ยด้วยร่างวิญญาณอมตะ
และก็คาดหวังว่าจะเจอร่องรอยอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นหยุนหนียอดฝีมือพลังคลื่นกำเนิดนี้จึงได้ออกไปรับตัวเขาถึงโถงวิญญาณนิพพานกล้วยไม้สงบด้วยตัวเอง เขานั้นไม่นึกฝันว่าร่างวิญญาณหมอกหุ้มที่เขาปลุกมันขึ้นมาได้นี้กลับจะทำให้เกิดผลเช่นนี้ตามมา มันช่วยเขาได้มากล้น ไม่เช่นนั้นแล้วหากเขาไม่มีร่างวิญญาณพิเศษใดๆ กว่าที่เขาจะเข้ามาถึงความลับระดับนี้ของเผ่าวิญญาณได้ มันต้องใช้เวลาอีกแค่ไหน?
“ได้สิ แต่ข้ามีเงื่อนไข” เย่หยวนกล่าวขึ้น
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ยื่นเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น หากเจ้าไม่รับปากข้าก็จะสังหารเจ้าลงตรงนี้แหละ” หยุนหนีกล่าวขึ้นมาขัดทันที
เย่หยวนนั้นต้องผงะไปทันที นางช่างไม่คิดจะฟังคำพูดคนอื่นเสียจริงๆ!
คำพูดของนางนั้นชัดเจนมาก
ข้าจะใช้ประโยชน์จากเจ้า!
จงให้ข้าใช้ประโยชน์เสีย!
แต่ไม่ว่าหยุนหนีจะเก่งกาจแค่ไหนนางก็คงไม่อาจเดาได้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเย่หยวนนั้นมันก็คือเจ้าโลก บู๋เมี่ยเหมือนกัน
ตอนนี้เขาจึงได้แต่ต้องตามน้ำไป
วินาทีต่อมานั้นหยุนหนีก็ชี้นิ้วใส่ร่างเย่หยวนทำให้เขารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา
ร่างกายของเขานั้นมันแทบจะไม่อาจทนรับพลังได้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแต่สุดท้ายหยุนหนีก็ลดนิ้วลงและกล่าวบอก “ข้าผนึกบ่วงของเจ้าไว้แล้ว หากคนที่มาเห็นมิใช่บรรพบุรุษบู๋เมี่ยท่านแล้วมันก็คงไม่มีใครมองออกว่าเจ้าเป็นใคร เอาล่ะ! วันนี้เจ้าไปพักก่อนแล้วพรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไปยังแดนวิญญาณกลางกัน”
พูดจบนางก็เดินหายไป
แดนวิญญาณอมตะนั้นมันยิ่งใหญ่ล้ำแบ่งเป็นดินแดนเหนือ ใต้ ออก ตกและกลาง ห้าดินแดนด้วยกัน
ห้าดินแดนนี้มันจะมีหน้าที่ดูแลโลกภายนอกห้าทิศ
โถงวิญญาณนิพพานกล้วยไม้สงบนั้นอยู่ใต้การดูแลของแดนวิญญาณตะวันออก
ในห้าดินแดนวิญญาณนั้นมันย่อมจะมีเรื่องขัดแย้งกันอยู่เสมอๆ
แต่ตอนนี้เพื่อที่จะหาเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นดินแดนทั้งห้าได้ร่วมมือกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
…
ในห้วงมิติลึกลับอีกแห่งหนึ่งของแดนวิญญาณตะวันออกหยุนหนีผู้เย่อหยิ่งนั้นกำลังก้มหัวให้ชายร่างสูงคนหนึ่ง
“ท่านว่างหนิง!”
ว่างหนิงนั้นหันหน้ากลับมามองด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินว่าเจ้าออกไปครั้งนี้ไปรับผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะเข้ามาเป็นศิษย์หรือ?”
เรื่องเช่นนี้มันย่อมจะไม่ได้เป็นความลับใดๆ
หยุนหนีตอบกลับไป “ใช่แล้ว เด็กคนนี้มันมีพรสวรรค์เทียบเคียงกับเฟิงรุ่ยทีเดียว”
ว่างหนิงที่ได้ยินก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงทันที “ร่างวิญญาณกึ่งอมตะกลับจะเอามาเทียบกับเฟิงรุ่ยได้? เช่นนั้นครั้งนี้…”
หยุนหนีพยักหน้ารับ “มันมีความหวังแล้ว!”
ว่างหนิงนั้นยิ้มกว้างออกมาทันทีที่ได้ยิน “หากเจ้าว่าเช่นนั้นมันก็คงมีหวังจริงๆ! ก่อนหน้านี้มันเพราะว่ามีท่านบู๋เมี่ยดูแลพวกเผ่าเลือดจึงไม่กล้าทำอะไรมากมายแต่ตอนนี้พวกมันเตรียมพร้อมที่จะ ก่อปัญหาสุดตัว! หยุนหนี เจ้าคิดว่าบรรพบุรุษบู๋เมี่ยท่าน…”
หยุนหนีส่ายหัวตอบกลับไปทันที “บรรพบุรุษบู๋เมี่ยท่านนั้นต้องยังไม่ตายแน่ แต่ว่า…สภาพการณ์มันก็คงไม่ดีเช่นกัน ในโลกนี้มันคงยังไม่มีใครที่สามารถสังหารท่านบู๋เมี่ยลงได้หรอก!”
ว่างหนิงพยักหน้ารับ “ข้าก็คิดเช่นนั้น! แล้วเจ้าคิดว่าใครกันที่มันทำเช่นนี้กับท่านบู๋เมี่ย?”
หยุนหนีหยุดคิดและตอบกลับไป “มันอาจจะเป็นแผนของเผ่าเลือด หรือมันอาจจะเป็นฝีมือ…ตระกูลวิญญาณฉีหรือบางทีเลวร้ายที่สุดคือมันอาจจะเป็นการร่วมมือกัน! หากเป็นเช่นนั้นจริงแล้ว…เราคงต้องระวังตัวอย่างมากทีเดียว! แต่หากพวกมันคิดจะขังท่านบู๋เมี่ยไว้จริงๆ แล้วมันก็คงต้องเสียกำลังไปมากเช่นกัน! เพราะฉะนั้นในตอนนี้เราก็คงยังไม่ตกอยู่ในอันตรายในทันทีหรอก แต่ว่าเวลาก็ไม่คอยท่าเราอีกแล้ว!”
ว่างหนิงนั้นตอบกลับมาด้วยใบหน้าเครียด “เจ้าพูดถูก เรื่องนี้จะปล่อยให้เสียเวลาไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว! เราต้องออกไปหาท่านบู๋เมี่ยให้เจอไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!”
…
วันต่อมาหยุนหนีก็ได้พาคนทั้งหลายออกเดินทางไปยังแดนวิญญาณกลาง
เป็นตอนนี้เองที่เย่หยวนได้เข้าใจว่าทำไมหยุนหนีและเฟิงรุ่ยถึงได้ดูถูกเขานัก
เพราะตอนนี้รอบกายเขามันมีผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะอีกถึงสามสิบเจ็ดคน!
และนี่ยังนับแค่ในแดนวิญญาณตะวันออกเท่านั้น
เช่นนั้นแล้วจากทั้งห้าแดนวิญญาณ
ในแดนวิญญาณอมตะทั้งหมดมันคงมีร่างวิญญาณกึ่งอมตะเป็นร้อยคนได้แน่นอน
ร่างวิญญาณกึ่งอมตะมากมายขนาดนี้มันไม่แปลกที่ส่วนมากจะถูกมองว่าแค่เป็นร่างวิญญาณขยะ
ในเวลาปกติแล้วพวกเขาคงไม่มีทางได้รับความสนใจจากคนเบื้องบนแน่
แต่ตอนนี้มันถึงเวลาต้องเอาออกมาใช้งาน
ข้างๆ ตัวเย่หยวนนั้นมันมีชายหนุ่มในชุดขาวกล่าวขึ้นถาม “หึๆ น้องชาย เจ้าเองก็เป็นร่างวิญญาณกึ่งอมตะเช่นกัน?”
เย่หยวนคิดไปพักหนึ่งก่อนจะตอบไป “ข้ามิใช่ ข้า…”
“เจ้าเป็นร่างวิญญาณอมตะ?” ชายหนุ่มนั้นอมยิ้มกล่าวขึ้นขัด
เย่หยวนผงะไปเล็กน้อย “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะพูดอะไร?”
ชายหนุ่มคนนั้นหัวเราะลั่นขึ้นทันที “เพราะทุกคนมันก็พูดเหมือนกันหมดว่าตัวเองเป็นร่างวิญญาณอมตะที่แท้จริง!”
คนอื่นที่ได้ยินก็ต้องหัวเราะขึ้นตาม
เย่หยวนได้แต่ยืนนิ่งและเริ่มสงสัยในตัวเองขึ้นมา
หรือว่าจริงๆ แล้วเขาจะเป็นร่างวิญญาณกึ่งอมตะเหมือนกัน?
ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวขึ้นมาพร้อมเชิดหน้า “แต่ว่าข้านั้นแตกต่างจากพวกเจ้า! เพราะสมบัติสืบทอดอมตะในครั้งนี้มันเปิดขึ้นเพื่อข้า ไป๋ชุยซานคนนี้! พวกเจ้าทั้งหลายที่มาในวันนี้คงเป็นได้แค่ตัวประกอบแล้ว!”
“โอ้? แล้วเจ้าแตกต่างจากพวกเราอย่างไรหรือ?” เย่หยวนยิ้มขึ้นถาม
ไป๋ชุยซานตอบกลับมาทันที “เพราะว่าข้านั้นเคยได้พบท่านบรรพบุรุษบู๋เมี่ยมาก่อนและได้รับการสอนจากท่านโดยตรง! สมบัติสืบทอดอมตะนี้มันเป็นท่านเองที่เปิดขึ้นเพื่อให้ข้าเข้าไป! หลังจากที่ข้ากลายเป็นศิษย์ของท่านบรรพบุรุษบู๋เมี่ยแล้ว ข้าย่อมจะบรรลุเจ้าโลกได้ไม่ยากเย็นนัก!”
เท่านี้คนทั้งหลายก็ไม่อาจจะทำใจสงบได้อีกแล้ว
เย่หยวนเองก็อดหันไปมองหน้าหยุนหนีที่เดินนำกลุ่มอยู่ไม่ได้
แต่เขากลับพบว่าหยุนหนีนั้นไม่ได้แสดงออกอะไรออกมา ดูท่าแล้วนางคงรู้เรื่องนี้มาก่อนแน่นอน
เพียงแค่ว่าเรื่องที่เย่หยวนติดใจนั้นคือคนทั้งหลายไม่ได้รู้เลยถึงเป้าหมายที่แท้จริงของการเปิดสมบัติสืบทอด อมตะนี้ขึ้นมา
เย่หยวนนั้นรู้ว่าการหายตัวไปของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นมันต้องเป็นเรื่องใหญ่ หากข่าวรั่วออกไปแล้วมันอาจจะทำให้ทั้งแดนวิญญาณอมตะแตกตื่นได้ แต่เช่นนั้นทำไมหยุนหนีถึงได้มาบอกเขา? หรือว่าในความคิดของหยุนหนีนั้นเขามีโอกาสที่จะผ่านได้มากกว่าไป๋ชุยซานคนนี้?
ไป๋ชุยซานนั้นกล่าวพูดด้วยความยิ่งใหญ่ ทว่าแท้จริงแล้ว…
เขานั้นเป็นทายาทของยอดฝีมือจากแดนวิญญาณตะวันออก
ซึ่งหลายร้อยปีก่อนนั้นเจ้าโลกบู๋เมี่ยได้เดินทางไปยังตระกูลของเขาและเห็นไป๋ชุยซานเข้าพอดี
ได้เห็นว่าเด็กหนุ่มนั้นมีร่างวิญญาณกึ่งอมตะเจ้าโลกบู๋เมี่ยจึงได้ชี้แนะสั่งสอนไปเล็กน้อย
การได้รับคำสั่งสอนโดยตรงจากเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นมันย่อมแสดงให้เห็นว่าไป๋ชุยซานนั้นไม่ธรรมดา
หากเป็นร่างวิญญาณกึ่งอมตะขยะๆ หนึ่งมันคงไม่มีทางดึงดูดความสนใจเจ้าโลกบู๋เมี่ยได้แน่นอน เพราะต่อให้สอนไปมันก็ไร้ค่า
แน่นอนว่าด้วยการสั่งสอนของเจ้าโลกบู๋เมี่ยในครั้งนั้น
ไป๋ชุยซานจึงได้ผงาดล้ำขึ้นมาจนตอนนี้เป็นถึงมหาจักรพรรดิคนหนึ่งแล้ว
การเปิดขึ้นของสมบัติสืบทอดอมตะในครั้งนี้สำหรับเหล่าผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะทั้งหลายนั้น มันย่อมจะมีเป้าหมายเพื่อต้านทานเผ่าเลือดและช่วยเจ้าโลกบู๋เมี่ยหาศิษย์คนใหม่
เรื่องอื่นๆ นั้นคนส่วนมากไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย
พอไป๋ชุยซานพูดจบเย่หยวนก็รีบยกมือขึ้นคารวะกล่าวตอบไป “ที่แท้มันเป็นเช่นนั้น! พี่ไป๋นั้นเก่งกาจจริงๆ! ดูท่าครั้งนี้พวกเราทั้งหลายคงได้เป็นแค่ตัวประกอบแล้วจริงๆ!”