“รู้สึก! บรรพบุรุษบู๋เมี่ยท่านนั้นผ่านเข้าประตูนรกไปจริงๆ!” หวางเฉียนนั้นกล่าวขึ้นมา
เจ้าโลกยู่เทียนนั้นกล่าวขึ้นตาม “เช่นนั้นมันก็คงไม่ผิดแล้ว! พวกเจ้าทั้งสองนำทางเข้าประตูนรกไปด้วยกัน! ในประตูนรกนั้นมันมีตัวตนทรงพลังมากมาย แม้แต่เจ้าโลกเองก็ยังรับมือได้ยาก ระวังตัวด้วย!”
ในตอนนี้ยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ของตระกูลวิญญาณนิพพานนั้นได้มารวมตัวกันหน้าประตูนรก
แค่นับยอดฝีมือคลื่นกำเนิดมันก็มีถึงสามสี่สิบคนแล้ว
เจ้าโลกเองก็มากันถึงสิบคน!
เพื่อที่จะช่วยเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นแล้วตระกูลวิญญาณนิพพานได้ส่งกำลังออกมาถึงหนึ่งในสิบจากที่มีอยู่
ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังถูกรุกรานจากเผ่าเลือดเช่นนี้แล้ว
การส่งคนออกมาได้ถึงขนาดนี้ มันก็เรียกได้ว่าเป็นการเทหมดหน้าตักทีเดียว
เจ้าโลกอีกคนกล่าวขึ้นมา “เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ เข้าไปกัน! หากข้าเดาไม่ผิดเจ้าโลกบู๋เมี่ยท่านคงอยู่ในนรกแน่และถูกยอดฝีมือบางคนตรึงไว้ไม่ให้ไปไหนได้”
คนทั้งหลายพยักหน้ารับออกมา
เจ้าโลกยู่เทียนนั้นหันกลับมามองเย่หยวนด้วยสายตาดูถูก “เสียเวลาไปเป็นวัน สุดท้ายคลื่นกำเนิดของเจ้ามันก็ดีแค่รูป ไม่อาจจะเทียบกับหวางเฉียนได้!”
เย่หยวนนั้นยืนนิ่งไม่คิดปฏิเสธใดๆ
ประตูนรกนั้นมันคือรอยแยกห้วงมิติที่เชื่อมระหว่างสวรรค์โมฆะเกินดุลและสวรรค์อื่น
ภายในนั้นมันมีตัวตนชั่วร้ายมากมายจนแม้แต่เจ้าโลกเองก็ยังหวาดกลัว
จะบอกว่ามันคือแดนแห่งความตายก็คงไม่ผิดนัก
“เย่หยวน เจ้าว่าอย่างไร?” หยุนหนีนั้นกล่าวขึ้นถาม
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่มีอะไรจะว่า”
หยุนหนีขมวดคิ้วแน่นและกล่าวขึ้น “ไม่มีก็ตาย!”
เย่หยวนได้แต่ต้องส่ายหัวออกมาอย่างหมดแรง หญิงนางนี้มันไม่มีคำว่าเหตุผลอยู่ในสมองจริงๆ
“ก็ได้ๆ ข้าสัมผัสได้ว่ามีร่องรอยของร่างวิญญาณหมอกหุ้มอยู่ตรงนี้จริง แต่ข้าคิดว่ามันคงเป็นกับดักมากกว่า
เจ้าโลกบู๋เมี่ยท่านไม่ได้เข้าไปในห้วงมิตินี้แต่มุ่งหน้าไปทางนั้น”
เย่หยวนชี้มือไปยังอีกทิศหนึ่ง
หยุนหนีขมวดคิ้วแน่นขึ้น “ทำไมถึงคิดเช่นนั้น?”
เย่หยวนตอบกลับไป “มันมีคลื่นกำเนิดหมอกหุ้มอยู่ตรงนี้ เพียงแค่ว่ามันเบาบางอย่างมาก หากไม่ลองสัมผัสดูดีๆ แล้วมันก็ไม่อาจจะเจอได้เลย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหวางเฉียนก็รีบกล่าวขึ้นขัดทันที “เจ้าหมายความว่าคลื่นกำเนิดของเจ้านั้นมันเหนือล้ำกว่าคลื่นกำเนิดของท่านบรรพบุรุษบู๋เมี่ยหรือ! ข้ายังค้นหาไม่เจอแต่เจ้ากลับเจอมันแค่คนเดียว?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าไม่รู้หรอกว่าคลื่นกำเนิดของข้านั้นเหนือกว่าท่านบู๋เมี่ยหรือไม่ แต่ข้ารู้ว่ามันเหนือกว่าเจ้าแน่นอน”
หวางเฉียนนั้นได้แต่ต้องกัดฟันแน่น เพราะคำพูดนี้มันเหมือนการตบหน้าเขาอย่างแรง
เขานั้นไม่รู้ว่าระดับคลื่นกำเนิดมันสูงต่ำอย่างไร
แต่ว่าเย่หยวนที่บรรลุมหาจักรพรรดิมาพร้อมคลื่นกำเนิดนั้น ย่อมสามารถสังหารเขาลงได้เหมือนบี้มดตัวหนึ่ง
ยู่เทียนกล่าวขึ้นมา “เจ้าหมายความว่ามีคนจงใจที่จะบิดเบือนร่องรอยของท่านบรรพบุรุษและล่อเราเข้านรกไป?”
เย่หยวนพยักหน้า “ข้าคิดเช่นนั้น!”
ยู่เทียนหัวเราะลั่นขึ้นมา “เช่นนั้นก็โง่แล้ว! คำพูดของเจ้ามันโง่เง่าและไม่มีหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น! ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันมีแค่หนึ่งเดียวบนโลก หากจะมีใครสร้างรอยใหม่ขึ้นมาได้มันก็คงมีแต่เจ้าใช่หรือไม่? เรื่องนี้อย่าว่าแต่ในสวรรค์โมฆะเกินดุลต่อให้สวรรค์อื่นๆ จะรู้เรื่องด้วยว่าท่านบู๋เมี่ยหายไปแต่ใครเล่าที่จะรู้ว่ามันเป็นที่นี่? หรือว่าคนผู้นั้นรู้อนาคตว่าเราจะมา?”
เจ้าโลกอีกคนกล่าวขึ้นมา “ข้าเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของพี่ยู่เทียน เจ้าบอกว่ามีรอยคลื่นกำเนิดหมอกหุ้มทางนั้น แต่เจ้ามีวิธีพิสูจน์หรือไม่?”
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจและหันไปยักไหล่ให้หยุนหนี “ข้าก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรจะพูด แต่ท่านก็บังคับให้ข้าพูด”
หยุนหนีกล่าว “เจ้าไม่มีวิธีพิสูจน์?”
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “คลื่นนั้นอ่อนแออย่างมาก แม้แต่ข้าเองก็ยังแทบจะมองข้ามมันไป หากเราคิดอยากจะตามรอยมันไปจริงๆ มันก็ไม่แน่ว่าจะตามไปจนสุดได้ ดูท่าอีกฝ่ายเองก็คงมากฝีมือไม่น้อย”
ยู่เทียนนั้นยิ้มกว้างขึ้นมา “ข้าว่าเจ้ามากกว่าที่มากฝีมือไม่น้อย! เจ้าเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเจ้านั้นมีแผนใดอยู่ในใจกันแน่! เจ้าคิดจะให้พวกเราค้นหาท่านบู๋เมี่ยไม่เจอและหวังให้เผ่าเลือดหรือตระกูลวิญญาณฉีบุกเข้ามาใช่ไหม?”
เย่หยวนที่ได้ยินต้องผงะไป ชายคนนี้ช่างมากจินตนาการดีแท้!
เจ้าโลกทั้งหลายนั้นมิใช่คนโง่ พวกเขานั้นย่อมจะเห็นได้ว่าท่าทางของหยุนหนีต่อเย่หยวนนั้นมันไม่ปกติ
ที่นางยังไม่สังหารเขาลงนั้นมันก็เพียงแค่เพราะว่าคลื่นกำเนิดเท่านั้น
เพราะหวางเฉียนนั้นเทียบกับเย่หยวนไม่ได้ในเรื่องนี้จริงๆ
แน่นอนว่าคนอื่นๆ เองก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหยุนหนีเองก็ปกป้องเขาไว้
เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไป “เอาเถอะๆ ถือเสียว่าข้าไม่ได้พูดแล้วกัน พวกเราก็เข้าประตูนรกไปด้วยกันนี่แหละ! แต่หากไปเจออะไรเข้าภายในก็อย่าได้หาว่าข้าไม่เตือน!”
ยู่เทียนหัวเราะตอบกลับไป “เชื่อคำพูดของเจ้านะสิ มันถึงจะเป็นอันตราย! ไปกันเถอะ!”
คนทั้งหลายนั้นเดินลงประตูนรกไป
ภายในนั้นมันมีความมืดมิดไร้แสงใดรอพวกเขาอยู่พร้อมด้วยสิ่งชั่วร้ายอันทรงพลังมากมาย
แต่ว่าเมื่อมีสิบเจ้าโลกนำทางให้แล้วมันย่อมจะไม่มีอันตรายใดๆ เข้ามาใกล้ได้
ระหว่างทางนั้นหวางเฉียนสัมผัสได้ถึงคลื่นกำเนิดของเจ้าโลกบู๋เมี่ยและรับหน้าที่นำทางไป
…
ครึ่งเดือนต่อมาคนทั้งหลายก็เดินทางมาถึงม่านหมอกสีดำ
“เบื้องหน้าเรานี้มันคือทะเลมาร! ภายในนี้มันมีสิ่งชั่วร้ายระดับเจ้าโลกอยู่ไม่น้อย!” ว่างหนิงผู้นำแห่งแดนวิญญาณตะวันออกกล่าวขึ้นมา
ยู่เทียนตอบไป “มาถึงขนาดนี้แล้วเราเองก็ไม่มีทางจะถอยแล้วเช่นกัน! ที่สำคัญไปกว่านั้นหากมันมิใช่สถานที่สุดแสนอันตรายเช่นนี้แล้วมีหรือที่ท่านบู๋เมี่ยจะกลับออกมาไม่ได้ ในทะเลมารนี้เจ้ามังกรร้ายนั้นเองมันก็คงมีพลังไม่ด้อยกว่าท่านบู๋เมี่ยเลย!”
คนทั้งหลายนั้นพยักหน้าออกมาเพราะวิธีการธรรมดาทั่วไปมันย่อมจะกักขังเจ้าโลกบู๋เมี่ยไว้ไม่ได้
แต่ยู่เทียนเองก็มิใช่คนบ้าบิ่น เขาย่อมจะทำการอย่างระมัดระวัง
เขาหันไปสั่งหวางเฉียน “หวางเฉียน เจ้าลองไปตรวจดูในทะเลมารหน่อยว่ามันมีอะไรผิดปกติหรือไม่! ที่แห่งนี้มันไม่ธรรมดา แค่พลาดไปเพียงนิดแล้วพวกเราคงได้ตายลงสิ้นแน่นอน!”
หวางเฉียนนั้นเดินออกไปด้วยใบหน้าเครียดรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน
เขานั้นเป็นคนฉลาดและย่อมรู้ถึงความอันตรายในที่นี้
เพราะฉะนั้นเขาจึงค่อยๆ ก้าวเดินออกไปอย่างระมัดระวัง
หยุนหนีกล่าวขึ้น “เย่หยวน เจ้าก็ไปด้วย!”
เย่หยวนตอบกลับไป “ไม่ต้องหรอก เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นเคยมาที่นี่จริงๆ และเข้าทะเลมารไปจากจุดนั้น!”
หยุนหนีขมวดคิ้วแน่น “เจ้ามั่นใจ?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้านั้นมีต้นกำเนิดพลังเดียวกับท่านบรรพบุรุษบู๋เมี่ย ย่อมจะสามารถสัมผัสถึงได้คลื่นกำเนิดหมอกหุ้มได้ไม่ยาก ที่นั่นไม่ผิดแน่”
แต่ยู่เทียนนั้นกลับหัวเราะขึ้นมาเย้ย “ไม่ว่าเจ้าจะมีรากเดียวกับท่านหรือไม่เจ้าก็ไม่มีทางเอาคลื่นกำเนิดของตัวเองในตอนนี้ไปเทียบท่านได้หรอกใช่ไหมเล่า? ไอ้หนู หากข้าเห็นว่าเจ้านั้นพูดจาไร้สาระอีกข้าจะสังหารเจ้าลงเดี๋ยวนี้แล้ว!”
สองชั่วโมงต่อมาหวางเฉียนก็กลับมาหากลุ่มคนทั้งหลาย
“บรรพบุรุษท่านข้าได้สำรวจทะเลมารแล้วถึงสามครั้งและพบว่าจุดที่ท่านบรรพบุรุษบู๋เมี่ยเข้าไปนั้นคือจุดนั้น!”
จุดที่หวางเฉียนนั้นชี้ไปมันคือจุดเดียวกับที่เย่หยวนบอกเมื่อสองชั่วโมงก่อน
เท่านี้มันก็ทำให้คนทั้งหลายเกิดหวั่นไหวขึ้นมา
หรือว่าความสามารถในการตรวจจับของเย่หยวนนั้นมันจะเหนือกว่าหวางเฉียนมากจริงๆ?
หากเป็นเช่นนั้นจริงมันก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว!
หวางเฉียนนั้นเสียเวลาเป็นชั่วโมงๆ แต่กลับได้คำตอบเดียวกับเย่หยวนที่กวาดตามองแค่ครั้งเดียว!
เจ้าโลกทั้งหลายนั้นต่างต้องหันมามองเย่หยวนเป็นตาเดียว
หวางเฉียนได้แต่ต้องยืนงงเพราะคนที่ตรวจเจอทางเข้านั้นคือเขา ทำไมคนทั้งหลายถึงหันไปมองเย่หยวนกัน?
แต่ว่าเจ้าโลกหลายๆ คนก็เริ่มไม่มั่นใจขึ้นมาแล้ว
หรือว่าสิ่งที่เย่หยวนพูดก่อนเข้าประตูนรกมามันจะเป็นเรื่องจริง?
หากเป็นเรื่องจริงและนี่คือกับดักแล้ว เช่นนั้นพวกเขาทั้งหลายคงกำลังอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง!
“พี่ยู่เทียนท่านว่าอย่างไร?” ว่างหนิงถามขึ้นมา
ยู่เทียนเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะส่ายหัวออกมา “ไม่ว่าจะอย่างไรท่านบู๋เมี่ยก็ผ่านทะเลมารนี้มาจริงๆ มิใช่หรือ?”
………………………