“มันกลับเป็นเขา! เจ้าหมอนี่กลับไปเข้าร่วมกับเผ่าเลือดด้วย ดูท่าตระกูลวิญญาณนิพพานของเรานั้นมันจะมีแต่ศัตรูล้อมหน้าหลังจริงๆ!”
“เจ้ารู้จักเขา?”
“เขาเป็นเจ้าโลกชาวมนุษย์มีนามว่าโม่หยุน ฝีมือของเขานั้นไม่ได้อ่อนแอกว่าเจ้าโลกหลูที่ไล่ตามเราออกมาเลย! โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเต๋าค่ายกล เขานั้นเรียกได้ว่าบรรลุถึงระดับสมบูรณ์แบบแล้วก็ว่าได้”
“อ่า เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก หลังจากเจ้าบรรลุเจ้าโลกแล้วเจ้าคงรับมือเจ้าโลกนับสิบๆ ได้ด้วยตัวเอง เจ้าดูเถอะ! เรายืนอยู่หน้ามันแท้ๆ แต่ตัวมันกลับไม่อาจจะเห็นเราได้แม้แต่น้อย!”
…
ในห้วงความฝันนั้นหยุนหนีและเย่หยวนกำลังพูดคุยกันอยู่ตรงหน้าเจ้าโลกโม่หยุน
แต่ตัวเจ้าโลกโม่หยุนนั้นกลับยังนั่งหลับตาต่อไป
เจ้าโลกโม่หยุนคนนี้เก่งกาจอย่างมาก แต่ว่าหยุนหนีและเย่หยวนสองคนร่วมมือกันนั้นสามารถสังหารได้แม้แต่สองเจ้าโลกที่ระวังตัวมาก่อน
ทำให้เรื่องแค่นี้มันย่อมจะไม่เกินมือ
แน่นอนว่าหากพวกเขาคิดอยากสังหารเจ้าโลกโม่หยุนแล้วมันคงมิใช่เรื่องง่ายดายแน่
ห้วงความฝันนั้นมันเกิดขึ้นจากใจคน
การที่หยุนหนีสามารถขังหวู่เจียและหลูให้สู้กันจนปางตายได้นั้น…
เพราะคนทั้งสองคิดจะสังหารพวกเขาอยู่แล้ว ซึ่งนางก็แค่เปลี่ยนเป้าหมายสังหารเป็นกันและกันแทน
แต่หากจะสังหารคนด้วยห้วงความฝัน มันคงยากเกินทำได้สำหรับตัวนางในตอนนี้
หากเจ้าโลกมันฆ่าลงได้ง่ายๆ เช่นนั้นมันก็คงไม่ถูกเรียกเป็นเจ้าโลกแล้ว
แต่ก็เพราะเช่นนี้ที่ทำให้พวกเฉียชางที่ได้เห็นสองเจ้าโลกตายลงต้องตกตะลึงอย่างหนักหน่วง
“เอาล่ะ ลงไปกันเถอะ เจ้าโลกบู๋เมี่ยน่าจะเข้าห้วงมิติอื่นและทางเข้ามันคงอยู่ใต้บึงนี้แน่นอน” เย่หยวนกล่าวขึ้น
หยุนหนีพยักหน้ารับก่อนจะทิ้งร่างลงไปในบึงน้ำพร้อมๆ กันเย่หยวน
บึงนี้มันอาจจะดูเล็กแต่ว่ามันกลับลึกอย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากคนทั้งสองทิ้งตัวลงมาได้พักใหญ่ๆ พวกเขาก็มาพบเข้ากับก้อนแสงสีเหลืองที่สะดุดตา
ดูท่าแล้วนี่คงเป็นเส้นทางเข้าสู่ห้วงมิติอื่นแน่
เมื่อเข้าเส้นทางห้วงมิติมาแล้วภาพตรงหน้าคนทั้งสองมันก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
คลื่นพลังดุร้ายนั้นมันเข้ากระแทกร่างของคนทั้งสองทันที
หยุนหนีและเย่หยวนได้แต่ต้องทำหน้าเหยเก เพราะทั้งสองสัมผัสได้ว่าร่างวิญญาณของพวกเขาแทบจะฉีกออกเป็นชิ้นๆ ด้วยลมของที่แห่งนี้
“ช่างเป็นสถานที่ที่น่ากลัวยิ่งนัก ที่แห่งนี้มันคงเป็นสนามรบมาก่อนแน่นอน ที่สำคัญไปกว่านั้นยอดฝีมือคลื่นกำเนิดที่ตายลงในที่นี้มันคงมีมากกว่าล้านคน!” เย่หยวนได้แต่ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างตกตะลึง
เพราะที่แห่งนี้มันคือสนามรบที่มีแต่คลื่นกำเนิดทุกหนแห่ง!
ในสนามรบนั้นมันมีคลื่นกำเนิดลอยไปมาทั่วทุกทิศอย่างไร้การควบคุมใดๆ ราวกับว่าพวกเขานั้นยังคงต่อสู้กันอยู่
หากคนธรรมดาได้มายืนอยู่ตรงนี้แค่คลื่นกำเนิดแสนยุ่งเหยิงนี้มันก็คงมากพอที่จะฉีกร่างของพวกเขาออก
โชคยังดีที่เย่หยวนและหยุนหนีนั้นมีร่างวิญญาณที่พิเศษกว่าใครๆ ทำให้ยังพอทนทานรับมันได้
หยุนหนีหน้าเปลี่ยนสีร้องขึ้นมา “เย่หยวน เหมือนว่าข้า…จะเข้าใจแล้ว”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องผงะไปเช่นกันก่อนจะหันมาพบว่าร่างของหยุนหนีนั้นมันค่อยๆ แตกสลายออก
เขาอดไม่ได้ที่จะต้องเบิกตากว้างอย่างเข้าใจในความหมายขึ้นมา
ร่างวิญญาณฝันเมฆาและร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันเป็นสิ่งวิเศษที่สร้างปาฏิหาริย์ได้
ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นเป็นร่างวิญญาณที่เกิดขึ้นจากความโกลาหลและสามารถเป็นทุกเต๋าได้
ส่วนร่างวิญญาณฝันเมฆานั้นมันเป็นร่างวิญญาณที่ไร้กำเนิด
มันจึงสามารถบ่มเพาะเต๋ามากมายได้อย่างไม่ถ้วนในห้วงแห่งฝันของตน
มันทำให้สองร่างวิญญาณนี้มีข้อได้เปรียบมากล้ำเมื่อคิดศึกษาคลื่นกำเนิด
และด้วยคลื่นกำเนิดอันยุ่งเหยิงในที่แห่งนี้แล้ว ก็ย่อมจะเหมือนสรวงสวรรค์ของผู้ครอบครองสองร่างวิญญาณนี้!
หยุนหนีนั้นมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ยอดสุดของมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดมานานแสนนาน
นางย่อมจะสามารถเรียนรู้คลื่นกำเนิดในที่แห่งได้อย่างรวดเร็วมากล้ำกว่าปกติ
ตอนนี้มันเป็นโอกาสที่จะบรรลุแล้ว!
แต่ว่าเย่หยวนเองก็รู้ดีว่าแม้มันจะเป็นโอกาสทองแต่มันก็เป็นหายนะเช่นกัน
เพราะว่าคลื่นกำเนิดนับล้านๆ ในที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันหรือว่ามีรูปแบบตายตัวใดๆ
ซึ่งคลื่นกำเนิดหลายอย่างนั้นต้องใช้การศึกษาที่แตกต่างกันออกไป
และถ้าพลาดไปเพียงนิดก็อาจจะถึงขั้นเสียสติได้
สภาพมันนั้นเทียบได้กับป่าสุวิมล
เพียงแค่ว่าเต๋าในที่นี้มันมีแต่ระดับคลื่นกำเนิดทั้งสิ้น!
เทียบกับป่าสุวิมลแล้วมันย่อมจะเหนือล้ำกว่าหลายขุม
ที่สำคัญไปกว่านั้นป่าสุวิมลยังถูกกำหนดดูแลไว้ด้วยผู้คน
แต่ว่าที่แห่งนี้มันไม่มีใครดูแล มีแต่ความยุ่งเหยิงไร้กฎเกณฑ์เท่านั้น
หยุนหนีนั้นเข้าสู่สภาวะไร้ตัวตนอย่างไม่ต้องพยายามใดๆ
เย่หยวนหยุดคิดไปพักหนึ่งแต่สุดท้ายก็เลือกจะไม่ปลุกหยุนหนีขึ้น
เพราะนี่มันคือโอกาสของนาง
ดังนั้นจะเป็นหรือตายนั้นก็อยู่ที่นาง เขาไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวด้วย
เย่หยวนจึงได้แต่ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกก้าวเดินต่อไป
ยิ่งเขาเดินไปเท่าไหร่เย่หยวนก็ยิ่งพบว่าร่างกายของเขาหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น
คลื่นกำเนิดแล้วคลื่นกำเนิดเล่ามันค่อยๆ มุดเข้ามาในร่างวิญญาณของเขา
นี่มันคือการตีหลอมที่ดีอย่างไร้ที่เปรียบได้
หากผ่านไปได้มันย่อมจะกลายเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริงได้แน่นอน!
หากสามารถบรรลุเต๋าในที่แห่งนี้ได้แล้ว
เขาย่อมจะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นยอดเจ้าโลกที่แข็งแกร่งล้ำสวรรค์ได้แน่นอน!
เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นอาจจะไม่ได้เก่งกาจไปกว่าเขาด้วยซ้ำ!
เย่หยวนนั้นเริ่มสติเลือนรางไปเรื่อยๆ
ร่างวิญญาณของเขานั้นมันเปลี่ยนกลายเป็นร่างหมอกอย่างที่เขาไม่อาจควบคุม
ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันหลุดจากการควบคุมของเขาไปและค่อยๆ กลืนเอาคลื่นกำเนิดทั้งหลายเข้ามา!
ภายใต้สภาพเช่นนี้มันย่อมจะเรียกได้ว่าเป็นหายนะของร่างวิญญาณหมอกหุ้ม
เย่หยวนพบว่าสติของตัวเองนั้นมันค่อยๆ เลือนจางหายไป
“ให้ตายสิ! ร่างวิญญาณของข้านั้นยังไม่แข็งแกร่งพอ ที่แห่งนี้มันอาจจะเป็นสวรรค์ของร่างวิญญาณหมอกหุ้ม
แต่มิใช่ของข้า! เป็นเช่นนี้ต่อไปข้าคงสูญสิ้นสติไปแน่นอนกลายเป็นแค่คลื่นกำเนิดที่ลอยวนอยู่ในที่แห่งนี้!”
เย่หยวนนั้นร้อนใจอย่างมาก เขานั้นมั่นใจว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่อันตรายถึงชีวิต
แต่เขานั้นกลับไม่มีอะไรจะกู้สถานการณ์ได้เลย
ร่างวิญญาณของเขามันเริ่มเสียการควบคุมไปเรื่อยๆ!
เย่หยวนเองก็ไม่นึกว่าเขานั้นกลับจะต้องมาเจออันตรายหนักหน่วงเช่นนี้
นี่มันคือสภาพที่ร่างกายอ่อนแอไม่อาจจะรับยาแรงได้
พลังบ่มเพาะและร่างวิญญาณของเขานั้นมันยังไม่ถึงขั้นที่จะเข้ามารับคลื่นกำเนิดมากมายนี้ไว้ได้
แต่ว่าร่างวิญญาณของเขามันกลับกลืนคลื่นกำเนิดมาอย่างไม่อาจควบคุม!
…
ในส่วนลึกของสนามรบโบราณนี้มันมีสี่ขุมพลังกำลังนั่งกดพลังของกันและกันอยู่
คนทั้งสี่นั้นมาถึงจุดที่เรียกได้ว่าสมดุล ไม่มีคลื่นพลังใดๆ เล็ดลอดออกไปสู่ภายนอก
คนทั้งสี่นี้ย่อมจะเป็นสี่ยอดเจ้าโลกแล้ว
“เฮอะๆ เด็กน้อยสองคนที่ยังไม่บรรลุเจ้าโลกกลับกล้าบุกเข้ามาในสนามรบเทพฉงน! เจ้าโม่หยุนมันช่างไร้ฝีมือแท้ๆ! ที่สำคัญพวกมันยังเป็นผู้มีร่างวิญญาณฝันเมฆาและร่างวิญญาณหมอกหุ้ม! ผีเฒ่าบู๋เมี่ยเท่านี้เจ้าก็คงมีผู้สืบทอดแล้ว!” เสียงหัวเราะหนึ่งดังลั่นขึ้นมา
เสียงนี้มันย่อมจะเป็นของเจ้าโลกเชียหลงแห่งมิตินรก
“เฮอะ!” เจ้าโลกบู๋เมี่ยไม่คิดจะตอบอะไรกลับไป
เขานั้นรู้ดีว่าเชียหลงคิดจะพูดจาเย้ยหยันเขา
แต่ว่าเขาเองก็ตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน
ในระหว่างที่เขาไม่อยู่นั้นตระกูลวิญญาณนิพพานกลับให้กำเนิดผู้มีร่างวิญญาณหมอกหุ้มคนที่สองขึ้นมา!
ที่สำคัญมันยังเป็นร่างวิญญาณหมอกหุ้มของจริงแท้แน่นอน!
ยอดเจ้าโลกอย่างเขานั้นย่อมจะมองออกในพริบตา
“นังเด็กที่มีร่างวิญญาณฝันเมฆานั้นยังพอว่า นางอาจจะยังพอมีโอกาสรอดบ้างแต่เจ้าเด็กร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันคงไม่ทันได้ประเมินตัวเองล่ะมั้ง? ฮ่าๆๆ เจ้าดูมันเถอะ แทบจะสิ้นสติไปแล้ว! ที่แห่งนี้มันคือสนามรบที่ทุกสวรรค์ร่วมมือกันเข้ากำจัดวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต ยอดฝีมือคลื่นกำเนิดที่ตายลงในศึกครั้งนั้นมันมีนับล้านคน! และคนอย่างมันก็เป็นแค่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ตัวน้อยมีหรือที่จะรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้!” เจ้าโลกเทียนเหวินกล่าวขึ้นมาตาม
“ผีเฒ่าบู๋เมี่ย เด็กน้อยทั้งสองมันมาเพื่อช่วยเจ้า ดูท่าคงทำได้เพราะร่างวิญญาณหมอกหุ้มมันสัมผัสถึงคลื่นพลังที่เจ้าทิ้งไว้แน่ เพียงแค่ว่าตระกูลวิญญาณนิพพานกลับส่งคนออกมาได้แค่นี้ ข้าว่าพวกยู่เทียนทั้งหลายมันคงตายลงสิ้นแน่แล้ว เจ้ายังจะคิดทนยื้ออีกหรือ?” คนที่พูดขึ้นมานั้นคือเจ้าโลกเฉียเกอ
เจ้าโลกบู๋เมี่ยหัวเราะตอบกลับไป “พวกเจ้าสามคนเองก็ทุ่มกันสุดกำลังแล้ว แต่ทำอะไรข้าได้หรือ? อย่างมากพวกเราสี่คนก็แค่ต้องตายไปด้วยกันเท่านั้น! เจ้าคิดว่าฉายานามผู้อมตะของข้ามันได้มาเล่นๆ หรืออย่างไร?”
………………………….