เฟิ่งชิงซวนนั้นผงาดขึ้นด้วยพลังสุดเหนือล้ำราวกับเป็นดวงตะวันที่ลอยขึ้นฟ้า
และตอนนี้พลังบ่มเพาะของนางนั้นก็พัฒนาไปถึงมหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์ครึ่งก้าวแล้ว!
การจุติครั้งนี้มันทำให้นางพัฒนาไปมากกว่าที่คาดคิดนัก!
เพียงแค่ว่าคนทั้งหลายที่ได้เห็นนั้นต้องยิ้มแห้งๆ
ดูท่าแล้วนางคงยังไม่รู้สถานการณ์ตรงหน้านี้
แน่นอนว่าไม่นานนางก็ต้องร้องถามขึ้นมาอย่างมึนงง “หือ? ทำไมพวกเจ้าถึงได้บาดเจ็บกันเช่นนี้?”
จากนั้นสายตาของนางก็กวาดไปเห็นเย่หยวนที่นั่งอยู่และร้องขึ้น “เจ้า…กลับยังไม่ตาย!”
ในความคิดของนาง เย่หยวนที่เผชิญหน้ายอดฝีมือเผ่าหงส์แดงนับสิบย่อมจะไม่มีทางรอดชีวิตไปได้!
ต่อให้จะรอดตอนนี้ก็คงมีสภาพปางตาย
ถึงเขานั้นจะผสานเลือดหงส์แดงเข้าร่างไป มันก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้!
เพราะนางนั้นรู้ดีว่าเฟิ่งจิ่วเกอนั้นเก่งแค่ไหน!
แต่นอกจากว่าเย่หยวนจะไม่ตายแล้วเขายังนั่งสบายใจไม่มีแม้แต่แผลสักแผล
เฟิ่งจิ่วเกอได้แต่ต้องส่ายหัวร้องขึ้นตอบไป “เลิกวางท่าเสียทีเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้านั้นเก่งขึ้นแค่ไหน! แต่ตอนนี้เราเป็นนักโทษของท่านเย่หยวนสิ้นแล้ว เจ้าลงมาไม่ต้องไปบินเล่นแสดงพลังแล้ว!”
น…นักโทษ?
เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบจะร่วงลงมาจากท้องฟ้า
เย่หยวนคนเดียวนั้นกลับจับมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ชาวหงส์แดงได้นับสิบ?
นางจ้องมองดูและพบว่าสายตาของคนทั้งหลายนั้นมันมีความกลัวต่อเย่หยวนอยู่จริงๆ
มันกลับเป็นความจริง!
ไม่เช่นนั้นแล้วคนทั้งหลายย่อมจะไม่มีทางอยู่ร่วมกันอย่างสงบเช่นนี้ได้แน่
เฟิ่งชิงซวนนั้นร่อนลงมาพร้อมกลายร่างคนเผยให้เห็นใบหน้าของหญิงงามสะท้านแผ่นดิน
หากให้เทียบแล้วมันอาจจะดูงามกว่าเฟิ่งจิ่วเกอผู้นี้ไปด้วยซ้ำ
เฟิ่งชิงซวนมองดูเย่หยวนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่เข้าใจ
ผลลัพธ์เช่นนี้มันเกินกว่าที่นางคาดคิดไปมาก
คนนับสิบมาตามล่านาง หากมิได้เย่หยวนแล้วตัวนางย่อมจะไม่มีทางจุติได้สำเร็จแน่
แต่ว่าเรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกันทีหลัง
นางหันไปมองหน้าเฟิ่งจิ่วเกอและกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “จิ่วเกอ เจ้าใส่ร้ายข้าโดยวางแผนช่วยเฟิงชิงหยู่ครองบัลลังก์! เจ้าคงไม่คิดสิว่าวันนี้มันจะมาถึง? เจ้าหลอกลวงนายและล้างสมองบ่าว แถมยังใส่ร้ายว่าข้าคิดร้ายต่อเผ่า วันนี้ข้าจะขอส่งเจ้าลงนรกแล้ว!”
พูดจบหลังของเฟิ่งชิงซวนก็ปะทุขึ้นมาและกำลังจะลงมือ
แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับลุกขึ้นมาหยุดนางไว้ก่อน “ขออภัยด้วยแต่ข้านั้นสัญญากับพวกเขาว่าจะปล่อยพวกเขาไป พวกเจ้าเองก็ไปได้แล้ว”
เฟิ่งจิ่วเกอนั้นรู้สึกโล่งเหมือนได้ยกเขาใหญ่ออกจากอกและเตรียมตัวที่จะออกเดินทางทันที
เฟิ่งชิงซวนนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาด้วยใบหน้าดำมืด “ก็บ้าแล้ว! นี่มันใช่เรื่องที่เจ้าต้องมายุ่งหรือ?
พวกเจ้าหยุดลงเดี๋ยวนี้ วันนี้จะไม่มีใครรอดชีวิตไปได้ทั้งนั้น!”
เพราะต่อให้เย่หยวนจะจับตัวเฟิ่งจิ่วเกอและพรรคพวกไว้ได้
แต่ในความคิดของเฟิ่งชิงซวนนั้นเย่หยวนก็ยังเป็นแค่มดปลวกคนหนึ่ง
นางนั้นเป็นผู้มียศสูงส่งและยังมีสายเลือดระดับสวรรค์แห้งย่อมจะมีนิสัยดูถูกโลกหล้าเป็นธรรมดา!
นางกระแทกฝ่ามือออกมาคิดอยากจะผลักเย่หยวนให้พ้นทาง
แต่เย่หยวนกลับไม่คิดขยับและยกมือขึ้นมาใช้หงส์แดงเก้าตระการสวนกลับออกไป
ตูม!
คนทั้งสองกระเด็นกลับออกมาหลายพันก้าวกว่าที่จะยืนหยัดได้อีกครั้ง
เย่หยวนกล่าวขึ้น “ขออภัยด้วย แต่สัญญาระหว่างเจ้าและข้านั้นถือว่าจบสิ้นกัน ตอนนี้ข้าได้สัญญากับพวกเขาไว้ว่าจะปล่อยไป หากเจ้ายังไม่คิดฟังก็อย่าได้หาว่าเย่ผู้นี้ไม่เกรงใจ”
เฟิ่งชิงซวนนั้นตกตะลึงสุดหัวใจ
เพราะตอนที่เย่หยวนสวนกลับออกมานั้นมันกลับเป็นพลังของสายเลือดระดับสวรรค์แห้ง
ที่สำคัญเขายังสวนกลับมาด้วยวิชาลับอย่างหงส์แดงเก้าตระการ!
เจ้าหมอนี่มันทำได้อย่างไรกัน?
เฟิ่งชิงซวนเริ่มเข้าใจขึ้นมาว่าทำไมเฟิ่งจิ่วเกอและพวกถึงได้กลายเป็นนักโทษของเย่หยวนไป
เมื่อเฟิ่งจิ่วเกอได้เห็นเช่นนั้นนางก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างสะใจ
‘ไอ้เด็กสัตว์ประหลาดที่เจ้าเจอนี้ เจ้าจัดการมันเองเถอะ!’
แต่ว่าเฟิ่งชิงซวนนั้นก็มีศักดิ์ศรีของตนเอง!
มีหรือที่นางจะยอมแพ้เพราะคำพูดเดียวจากเย่หยวน?
ที่สำคัญพลังบ่มเพาะของนางนั้นยังเหนือล้ำเย่หยวนไปสิ้นเชิง!
“หึ! สายเลือดระดับสวรรค์แห้งนี่หรือคือความภาคภูมิของเจ้า? เจ้าคิดว่าข้า เฟิ่งชิงซวนคนนี้เป็นขยะที่มีแค่พลังสายเลือดหรือ? ไอ้หนู เจ้ารีบๆ หลบไปเสีย ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้หาว่าข้าเป็นคนไม่รู้จักคุณ!” เฟิ่งชิงซวนนั้นกล่าวตอบไป
“เฟิ่งชิงซวน จะอย่างไรนายท่านนั้นก็เป็นผู้ช่วยชีวิตเจ้าไว้! เห็นท่านหมดประโยชน์เจ้าก็จะสังหารทิ้งหรือ?
ท่านเย่นั้นเป็นคนที่ยึดมั่นในคำพูดสัญญาใดที่ท่านให้ไว้ท่านจะต้องทำตามมันอย่างแน่นอน! เดิมทีแล้วที่ท่านยอมอยู่ปกป้องเจ้ามันก็เพราะเช่นนี้ ตอนนี้ท่านเองก็ย่อมจะไม่มีทางปล่อยให้เจ้าได้ทำอันตรายใดๆ พวกเราแน่นอน!”
เฟิ่งจิ่วเกอร้องลั่นข้ามาจากด้านหลัง
แม้ว่านางนั้นจะบาดเจ็บสาหัสเพราะเย่หยวนแต่ตอนนี้เฟิ่งจิ่วเกอก็นับถือเย่หยวนอย่างมาก
ชายผู้นี้พูดคำไหนเป็นคำนั้น!
คนเช่นนี้ไม่อาจจะหาเจอได้ง่ายๆ
เฟิ่งชิงซวนนั้นหัวเราะขึ้นในใจเพราะนางรู้ดีว่าเฟิ่งจิ่วเกอพูดความจริง
แก่นเลือดนางก็ให้ไปแล้ว หากเย่หยวนเป็นคนร้ายไม่รักษาคำพูดเขาจะยังอยู่ตรงนี้หรือ?
เรื่องราวที่ไม่รู้ใครถูกผิดเช่นนี้เย่หยวนกลับยังคิดปกป้องการจุติของนาง
แม้ว่าจะมีแก่นเลือดเป็นรางวัลแต่เย่หยวนนั้นก็ได้ช่วยชีวิตของนางไว้จริงๆ
เทียบกับชีวิตแล้วแค่เลือดไม่กี่หยดมันจะมีค่าใด?
เพียงแค่ว่าตัวนางนั้นก็ไม่อาจจะทำใจปล่อยพวกเฟิ่งจิ่วเกอไปเช่นนี้
เพราะพวกเฟิ่งจิ่วเกอนั้นไล่ล่านางมาตลอดทางทำให้นางเกือบตายไปหลายครั้ง
โอกาสดีๆ เช่นนี้หากนางไม่ได้แก้แค้นแล้ววันหน้ามันคงไม่มีโอกาสอีกแน่
เพราะฉะนั้นเฟิ่งชิงซวนนั้นจึงได้ตัดสินใจกล่าวขึ้น “ก็ได้ ในเมื่อคำพูดของเขานั้นมันหนักแน่นดั่งขุนเขาข้าก็จะขอเผาขุนเขานั้นให้มอดไหม้ไปพร้อมพวกเจ้าแล้วกัน!”
เสียงหงส์ร้องขึ้น!
เฟิ่งชิงซวนนั้นแปลงร่างกลับเป็นหงส์และบินขึ้นฟ้าไป
หงส์แดงเก้าตระการ ตระการที่ห้า!
หงส์แดงเก้าตระการนั้นแต่ละกระบวนท่าที่สูงขึ้นไปมันจะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น
และเฟิ่งชิงซวนนั้นยังมีพลังสายเลือดสวรรค์แห้งช่วยเสริมพลังของกระบวนท่าที่ห้านี้ด้วย
ที่สำคัญไปกว่านั้นกระบวนท่าที่ห้านี้ของเฟิ่งชิงซวนมันยังดูสมบูรณ์กว่ากระบวนท่าใดๆ ที่เฟิ่งจิ่วเกอใช้ออกมา!
นางนั้นเก่งกาจกว่าเฟิ่งจิ่วเกอมากจริงๆ
เมื่อได้เห็นกระบวนท่านี้สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเกอก็ต้องเปลี่ยนสีไปทันที
“กระบวนท่าที่ห้าของนางนั้นกลับถูกฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ! พลังเช่นนี้แม้จะเป็นท่านเย่เองก็คงไม่อาจจะรับไว้ได้สิ้นแน่! เฟิ่งหนิง เจ้าพาพวกเราหนีไปก่อน! หากยังไม่รีบไปตอนนี้มันจะสายไปแล้ว!” เฟิ่งจิ่วเกอสั่งขึ้น
ตอนนี้นางนั้นบาดเจ็บสาหัสและต้องขี่หลังเฟิ่งหนิง
หากเย่หยวนรับกระบวนท่านี้ไว้ไม่ได้จริงๆ พลังของมันคงสังหารนางลงแน่
เฟิ่งชิงซวนนั้นมีสถานะและพลังที่สูงส่งอย่างมากในเผ่า
เฟิ่งชิงซวนนั้นคือยอดอัจฉริยะตัวจริง!
แต่เฟิ่งหนิงกลับปฏิเสธออกมา “ท่านจิ่วเกอตายลงที่ใดข้าก็จะขอตายกับท่านด้วย!”
เย่หยวนที่ได้ยินนั้นถึงกับต้องหันไปมองเพราะตอนนี้ชาวหงส์แดงทั้งหลายกลับไม่มีใครคิดหนีไปก่อน
นี่มันทำให้เขาพึงพอใจอย่างมาก
แค่เห็นเช่นนี้เย่หยวนก็ไม่มีทางปล่อยให้คนทั้งหลายได้รับอันตรายแล้ว
ตูม!
ตูม!
สองคลื่นพลังปะทุขึ้นฟ้าออกมาจากร่างของเย่หยวน
เงาของมังกรและหงส์สองร่างปรากฏขึ้นเบื้องหลังของเย่หยวน!
แต่ว่าคลื่นพลังทั้งสองนั้นมันกลับปรากฏขึ้นมาอย่างกลมเกลียวในร่างของเย่หยวนทำให้พลังสายเลือดของเขานั้นพัฒนาขึ้นไปได้อีกขั้นทันที!
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องอ้าปากค้าง
“ท่านเย่กลับมีสายเลือดมังกรในร่างด้วย! ที่สำคัญมันยังเป็นถึงระดับขยายปฐพี!”
“ไม่ มังกรและหงส์นั้นมันเป็นสองสุดยอดสายเลือด แต่กลับปรากฏขึ้นมาอย่างกลมเกลียวจึงทำให้พลังของเขานั้นพุ่งทะยาน! ตอนนี้หากวัดแล้วพลังสายเลือดมังกรของเขามันก็คงถึงระดับสวรรค์แห้งเช่นกัน!”
“มังกรและหงส์สองเผ่านั้นเป็นเผ่าจากความโกลาหล ไม่เข้ากันดั่งน้ำกับไฟ! แต่ทำไมสองสายเลือดนั้นถึงได้ปรากฏขึ้นอย่างกลมเกลียวในร่างของมนุษย์คนหนึ่งกัน? นี่มัน…จะบ้าเกินไปแล้ว!”
…
พลังสายเลือดยิ่งทรงพลังแค่ไหนมันก็ยิ่งสูงส่งเท่านั้น
มังกรฟ้าและหงส์แดงนั้นถือเป็นสายเลือดที่สูงส่งที่สุดในหมู่ภูตแท้แล้วก็ว่าได้
และสองสายเลือดอันสูงส่งนี้มันไม่มีทางจะเข้ากันได้แน่!
แต่ว่าตอนนี้พลังทั้งสองสายเลือดนั้นมันกลับปรากฏขึ้นบนร่างของเย่หยวนอย่างกลมเกลียว
ยอดฝีมือชาวหงส์แดงทั้งหลายต้องอ้าปากค้างขึ้นมาตามๆ กัน
เย่หยวนมองหน้าเฟิ่งชิงซวนและกล่าวขึ้น “นี่มันคือวิชาที่ข้าเพิ่งสร้างขึ้นมา ในเมื่อเจ้าดื้อด้านนักก็เป็นหนูทดลองให้ข้าเถอะ! มังกรเคียงหงส์!”