“ได้ยินมาหรือไม่? เจ้าคนใหม่นั้นมันท้าขุนเขาไปทั่วแผ่นดินจนตอนนี้เอาชนะยอดฝีมือร้อยอันดับแรกได้เกือบครบแล้ว!”
“ข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน เจ้าบ้านี่มันคลั่ง! ชีหยูแห่งเผ่ากรุงมังกรนั้นเริ่มท้าขุนเขาเมื่อราวสองร้อยปีก่อนและไม่เคยพ่ายแพ้ให้แก่ใครแต่สุดท้ายแล้วก็ยังพ่ายให้แก่มันคนนี้ มันจะบ้าเกินไปแล้ว!”
“เป้าหมายแรกที่มันเริ่มท้าขุนเขานั้นคือเผ่ากรุงมังกรและเอาชนะยอดฝีมือติดอันดับสามคนไปต่อเนื่อง! หลังจากเอาชนะชีหยูได้แล้วมันก็เดินทางออกไปท้าทายพวกที่ติดสิบอันดับและสุดท้ายก็เอาชนะมาได้สิ้น! เจ้าบ้านี่มันโผล่ขึ้นมาจากนรกขุมไหนกัน?”
“เจ้าหมอนี่มันเป็นสัตว์ประหลาด ดูอย่างไรก็เป็นมนุษย์แต่กลับมีสายเลือดถึงระดับสวรรค์แห้ง น่ากลัวเกิน!”
“ข้าได้ยินมาว่าเป้าหมายต่อไปของมันคือเผ่ามังกรนรกของเรา!”
“เฮอะ ไม่ว่ามันจะเก่งมาจากไหนมันก็ไม่มีทางเอาชนะหลงยี่ได้หรอก! หลายปีที่ผ่านมานั้นมันมีดาวรุ่งกี่คนคิดท้าทายเขา? แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้กลับไปสิ้น! ท่านหลงยี่นั้นคือตัวตนที่ไร้พ่ายในอาณาจักรมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์แล้ว!”
“เรื่องนั้นมันแน่นอน! แค่ไอ้เด็กนี่คนเดียวมันก็กล้ามาท้าทายตำแหน่งท่านหลงยี่ ดูอย่างไรก็เรื่องไร้สาระ!”
…
สองปีได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่ที่เย่หยวนเอาชนะชีหยูมาได้
สองปีที่ผ่านมานี้เย่หยวนได้ไปท้าขุนเขาทุกที่ทางในหลายๆ เผ่าที่ทรงพลังทั่วทั้งแดนตรังค์ตะวันออกโดยไม่รู้จักคำว่าพ่ายแพ้!
ชื่อเสียงของเย่หยวนนั้นมันดังลั่นไปทั่วทั้งแดนตรังค์ตะวันออกแล้วในตอนนี้
เขานั้นแตกต่างจากคนอื่นจึงทำให้กลายเป็นที่จับตามอง
เพราะเวลาคนอื่นเริ่มท้าขุนเขานั้นพวกเขาจะไปท้าจากเผ่าเล็กๆ ก่อนแล้วค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาสู้คนเก่งๆ
แต่เย่หยวนนั้นกลับไปท้าเผ่ากรุงมังกรเป็นแห่งแรก
จากนั้นเขาก็เดินทางออกไปท้าทายสิบสุดยอดเผ่า
บ้างนั้นมีถึงคนที่ติดอันดับท้าขุนเขาห้าอันดับแรกด้วยซ้ำ!
การท้าทายเช่นนี้มันย่อมจะกลายเป็นเป้าสายตาของคนทั้งหลายอย่างไม่แปลก
แน่นอนว่านั่นคือเป้าหมายของเย่หยวน
ขึ้นไปสูงยอดของอันดับท้าขุนเขาให้เร็วที่สุด!
คำพูดของคนรอบๆ นั้นมันดังมาเข้าหูของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินมาในเมือง
“ตอนนี้ในแดนตรังค์ตะวันออกมันมีแต่คนพูดถึงเรื่องของเจ้าไม่ขาดปาก เจ้าจะไม่วางท่าเสียหน่อยหรือ?
จะเย่อหยิ่งเกินไปแล้ว” เฟิ่งชิงซวนกล่าวขึ้น
เย่หยวนได้แต่ต้องขมวดคิ้วเพราะเขารำคาญหญิงนางนี้อย่างมาก
นางคนนี้ติดตามเขามาตลอดสองปีที่ผ่านและเขาก็ไม่อาจจะสลัดนางได้หลุด
เพราะว่าเรื่องราวของเขาเป็นที่จับตามองของคนทั้งแดนตรังค์ตะวันออกแน่นอนว่าถามไม่กี่คำนางก็รู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ใดหรือจะมุ่งหน้าไปไหน
หลังจากจบเรื่องวันนั้นไปแล้วนางคนนี้ยังสามารถบรรลุมหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์ขึ้นมาได้ด้วย
ตอนนี้นางจึงยิ่งสามารถตามติดเย่หยวนได้อย่างไม่ยากลำบากนัก
“ข้าได้ยินมาว่าหลงยี่นั้นมีสายเลือดระดับสวรรค์แห้ง พลังของเขานั้นเทียบเคียงกับมหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์ได้! เจ้าคิดว่าตัวเองจะยังชนะเขาได้หรือ?”
“ท้าขุนเขาฤดูกาลนี้มันจะออกในสองวันใช่หรือไม่? ด้วยผลลัพธ์ที่เจ้าทำมานี้มันคงติดห้าอันดับแรกได้ง่ายๆ แน่แล้ว!”
…
ตั้งแต่ต้นจนจบนั้นมันมีแต่เฟิ่งชิงซวนพูดอยู่คนเดียว
เผ่ามังกรนรกนั้นมันใหญ่โตอย่างมากและมีสมาชิกสุดแข็งแกร่ง พวกเขาทั้งสองนั้นเดินทางมานานกว่าจะมาถึงหน้าเผ่าจริงๆ
ตอนนี้ยอดฝีมือจากทั่วทิศต่างเดินทางมายังเผ่ามังกรนรกเพื่อที่จะรอดูการต่อสู้ระหว่างเย่หยวนและหลงยี่ทั้งสอง
เพราะฉะนั้นตอนนี้ทั้งมังกรและงูหลากหลายเผ่าพันธุ์นั้นต่างกำลังเลื้อยเข้าออกเผ่ามังกรนรกกันไม่ขาดสาย
การปรากฏตัวของเย่หยวนนั้นมันไม่ได้สร้างความแตกตื่นอะไรมากมายให้แก่คน
เพราะเป้าหมายที่เขาจะมาท้าขุนเขาที่นี่มันต่างเป็นที่รู้ดีของยอดฝีมือในเผ่ามังกรนรก
อันดับหนึ่งท้าขุนเขาอย่างหลงยี่และอันดับสองอย่างหวู่ฟานั้นต่างเป็นคนเผ่ามังกรนรกนี้!
ส่วนอันดับที่สามนั้นถูกเย่หยวนเล่นงานจนพ่ายแพ้ไปแล้ว!
เรื่องนี้มันไม่ได้แปลกอะไรมากมาย
เพราะสองปีก่อนตัวชีหยูที่ฝึกแปดรูปแบบห้วงมิติไปนั้นเองก็มีฝีมือเทียบเคียงกับยอดคนสามอันดับแรกได้แล้ว
เย่หยวนเอาชนะชีหยูลงได้มันย่อมจะเท่ากับเขานั้นมีฝีมือติดสามอันดับแรกได้เช่นกัน
แต่จู่ๆ มันก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในฝูงชนด้านหน้าพร้อมเสียงคนร้องประกาศ “อันดับท้าขุนเขาฤดูใหม่ออกแล้ว! อันดับท้าขุนเขาฤดูใหม่ออกแล้ว!”
ได้ยินเช่นนั้นคนทั้งหลายก็แตกตื่นกันขึ้นมาทันที
ตอนนี้แม้แต่เย่หยวนเองก็ยังต้องขมวดคิ้วแน่นเพราะว่าอันดับท้าขุนเขาอันใหม่นี้มันช่างถูกประกาศออกมาได้ถูกเวลาเหลือเกิน
การประกาศอันดับท้าขุนเขานั้นมันไม่ได้มีกฎที่ตายตัวใดๆ
และเรื่องที่ว่าใครเป็นคนประกาศออกมานั้นก็ไม่มีใครทราบ
แต่คนส่วนใหญ่นั้นเดาว่ามันคงเป็นทูตมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่ประกาศอันดับท้าขุนเขาออกมา
เพียงแค่ว่าเขาคนนั้นก็ไม่ได้ออกมายืนยันใดๆ
ทูตมังกรศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นตัวตนลึกลับที่มีคนเคยเห็นแค่หยิบมือเท่านั้น
ฮือ!
จากนั้นมันก็เกิดเสียงร่ำร้องไม่เป็นภาษาขึ้นมาจากกลุ่มคน
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? อันดับท้าขุนเขานี่ผิดพลาดแล้ว?”
“เย่หยวนและหลงยี่นั้นยังไม่ทันได้สู้กันเลย ทำไมมันถึงได้กลายเป็นที่หนึ่งไปเสียก่อนแล้ว?”
“ไม่ยุติธรรม! นี่มันไม่ยุติธรรมเลย! ข้าขอให้เย่หยวนประลองกับหลงยี่!”
…
เสียงคนแตกตื่นดังลั่นขึ้นมา
เพราะที่แห่งนี้มันคือเผ่ามังกรนรกทำให้คนส่วนมากนั้นเป็นแฟนๆ ของหลงยี่
ตอนนี้คนที่พวกเขาเคารพนับถือนั้นกลับถูกเบียดลงอันดับก่อนที่จะสู้กัน
มันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายไม่อยากยอมรับ
บ้างนั้นก็ถึงขั้นพูดท้าทายอำนาจของอันดับท้าขุนเขา
เย่หยวนและเฟิ่งชิงซวนได้แต่ต้องหันมามองหน้ากันและต่างฝ่ายต่างเห็นถึงความตกตะลึงในสายตาของอีกฝ่าย
เขานั้นกลับกลายเป็นอันดับหนึ่งของอันดับท้าขุนเขาไป?
เย่หยวนนั้นเดินเข้าไปซื้อเอาประกาศอันดับท้าขุนเขาออกมาดูบ้าง
เมื่อเขาก้มลงมองเขาก็ต้องเห็นชื่อของตัวเองอยู่บนสุดจริงๆ!
ส่วนนามของหลงยี่นั้นมันถูกเบียดลงไปที่สอง
แน่นอนว่านี่มันแค่ลำดับการจัดเรียงชื่อ มันไม่ได้มีตัวเลขเขียนกำกับไว้ว่าใครอันดับที่เท่าไหร่จริงๆ
ต้องมองลงไปจนถึงชื่อที่สิบเอ็ดมันถึงจะมีตัวเลขเขียนไว้
อันดับหนึ่ง หลงเล่ยแห่งเผ่ามังกรนรก!
เย่หยวนนั้นรู้จักคนผู้นี้ เขานั้นเดิมทีแล้วเป็นอันดับเก้าบนอันดับท้าขุนเขา
แต่ตอนนี้กลับถูกเบียดลงไปที่สิบเอ็ดเสียแล้ว!
เย่หยวนรู้ดีว่าชื่อที่ไม่มีตัวเลขเขียนกำกับไว้นั้นคือชื่อของคนที่ได้รับการยอมรับจากทูตมังกรศักดิ์สิทธิ์และจะถูกพาไปยังเกาะมังกรสวรรค์ในไม่ช้า!
หรือก็คือความพยายามตลอดสองปีที่ผ่านมาของเขานั้นมันได้เห็นผลลัพธ์เสียที
“ข้าไม่นึกเลยว่าอันดับท้าขุนเขานั้นกลับจะจัดให้ข้าอยู่เป็นอันดับแรกไป” เย่หยวนเองก็กล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง
“ไม่เห็นแปลกอะไร อันดับท้าขุนเขานั้นมันเป็นอันดับที่จัดโดยคนแต่หลายๆ ครั้งคนก็ไม่ได้มองแค่พลังฝีมือในตอนนั้นเท่านั้น เรื่องที่เจ้าได้เป็นอันดับหนึ่งนั้นมันคงเพราะว่าคนที่จัดอันดับนี้เห็นว่าเจ้ามีอนาคตที่สดใสกว่าคนอื่นๆ จึงได้จัดให้เจ้าอยู่ที่หนึ่ง” เฟิ่งชิงซวนกล่าวอธิบาย
“เป็นเช่นนั้นเอง!”
เย่หยวนคิดดูและก็เห็นว่ามันฟังดูสมเหตุสมผลเพราะบนอันดับท้าขุนเขานั้นในสามสิบอันดับแรกมันคงมีแค่เขาเท่านั้นที่ยังเป็นมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลาง
ที่สำคัญเขานั้นยังบรรลุสายเลือดขึ้นมาถึงระดับสวรรค์แห้งแล้ว
กอปรด้วยพลังกฎแห่งห้วงมิติเขาย่อมจะมีฝีมือที่สามารถพัฒนาได้เหนือล้ำใครๆ
การให้เขาอยู่ที่หนึ่งนั้นมันย่อมจะไม่เกินไปแม้แต่น้อย
เขานั้นมั่นใจว่าตราบเท่าที่เขาสามารถบรรลุมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นปลายได้เขาก็คงสามารถเอาชนะทุกผู้คนบนอันดับท้าขุนเขานี้ได้อย่างไม่ยากเย็น
ตอนนี้สายตาของคนรอบๆ ตัวนั้นมันเริ่มไม่เป็นมิตรขึ้นมาเย่หยวนจึงตัดสินใจเดินทางกลับออกมาจากเมือง
แต่จู่ๆ มันก็มีชายแก่เดินมาบังทางเขาไว้
เย่หยวนต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาเพราะชายคนตรงหน้านี้เหมือนจะเป็นนักยุทธสายเลือด?
แต่ว่าพลังของเขานั้นสูงส่งอย่างมาก!
“เจ้าคือเย่หยวน?” ชายแก่ถามขึ้นมาราวกับว่าเขากำลังพูดกับมดปลวก
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เป็นข้าเอง ผู้อาวุโสเป็นยอดฝีมือมาจากที่ใดหรือ?”
ชายแก่นั้นตอบกลับมา “ข้านั้นคือคนรับใช้ของท่านทูตมังกรศักดิ์สิทธิ์ ข้ามาเพื่อมอบเหรียญมังกรศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้า!”
พูดจบเขาก็โยนเหรียญให้เย่หยวนและกล่าว “อีกครึ่งเดือน เจ้าเอาเหรียญมังกรศักดิ์สิทธิ์ไปที่ชายฝั่งตะวันออก!
ที่นั่นมันจะมีเรือเหาะรอรับเจ้าอยู่ พวกเจ้าทั้งหลายนั้นจะต้องแสดงเหรียญมังกรศักดิ์สิทธิ์เพื่อขึ้นเรือและถึงตอนนั้นมันก็จะมีคนมานำทางเจ้าไปยังเกาะมังกรสวรรค์เอง”
เย่หยวนเก็บเหรียญไปและโค้งหัวลงกล่าว “ขอบพระคุณผู้อาวุโส!”
ชายแก่พยักหน้ารับเหมือนพอใจกับท่าทีของเย่หยวนอยู่ไม่น้อย
แต่จากนั้นเขาก็หันมาหาเฟิ่งชิงซวน “หากแม่นางชิงซวนสนใจเรื่องราวเจ้าจะตามเขามาก็ได้ เกาะมังกรสวรรค์นั้นพร้อมรับรองคุณหนูจากตระกูลหงส์แดง”
เฟิ่งชิงซวนนั้นยิ้มกว้างขึ้นมาเมื่อได้ยิน “ขอบพระคุณมากผู้อาวุโส! เฟิ่งชิงซวนจะไปแน่นอน”
ชายแก่นั้นพยักหน้ารับก่อนจะเดินหายไปกับฝูงชนอีกครั้ง
เมื่อชายแก่คนนั้นเดินหายไปแล้วเฟิ่งชิงซวนก็ยิ้มกว้างกล่าวขึ้น “เห็นไหม? แม้แต่เกาะมังกรสวรรค์ยังต้อนรับข้า
เจ้าจะหนีข้าไปไหนได้อีก? ฮี่ๆ!”
แต่เย่หยวนนั้นกลับขมวดคิ้วแน่นขึ้นพร้อมกล่าวถาม “เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกๆ บ้างหรืออย่างไร?”