“ไอ้หนู เจ้ามันแค่มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์แท้ๆ แต่กลับกล้าใช้งานให้ข้าไปนั่นไปนี่ทั่วสวรรค์ ช่างกล้าเสียจริงๆ เชียว!” หลงเจี้ยนในชุดคลุมยาวสีฟ้านั้นเดินออกมาเป็นคนแรกด้วยคลื่นพลังรุนแรงล้ำ
เบื้องหลังของเขานั้นมันติดตามมาด้วยเจ้าโลกเผ่ามังกรอีกสามคน
หนึ่งในนั้นคือหลงหราน
“ยอดเจ้าโลก! ยอดเจ้าโลกเผ่ามังกร!” เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นร้องขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตาและหันมามองหน้า เย่หยวนอย่างตกตะลึง
เผ่ามังกรนั้นคือเผ่าที่อยู่สูงสุดของสามสิบสามสวรรค์!
เผ่านี้คือเผ่าที่เย่อหยิ่งไม่คิดสนใจไว้หน้าใครๆ
แต่ดูจากคำพูดของหลงเจี้ยนแล้วความสัมพันธ์ของเขากับเย่หยวนมันคงไม่ธรรมดา!
เย่หยวนยิ้มขึ้นพร้อมยกมือคารวะตอบกลับไป “ลำบากผู้อาวุโสหลงเจี้ยนท่านแล้ว! วันหน้าหากท่านต้องการให้ เย่หยวนผู้นี้ช่วยเหลืออะไรโปรดบอกได้เสมอ!”
หลงเจี้ยนตอบกลับมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “สัญญาเปล่าๆ เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบ?”
จากนั้นมันก็มีอีกหลายเงาร่างเดินออกมาจากห้วงมิติ ครั้งนี้พวกเขาทั้งหลายเป็นหญิงงามสิ้น
หญิงงามที่นำหน้ามานั้นมองหน้าเย่หยวนอย่างไม่พอใจและกล่าวขึ้น “ปกติเจ้าไม่คิดสนใจ เมินข้าตลอดเวลา
พอถึงคราววิกฤตเจ้ากลับมีหน้ามาสั่งข้านั่นนี่ เจ้าคิดว่าข้าติดค้างบุญคุณเจ้ามากหรือ?”
หญิงงามคนนี้ย่อมจะเป็นเฟิ่งชิงซวนแล้ว!
และคนที่ตามหลังนางมานั้นมันก็คือหลวนชิงเหอ!
เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นต้องเบิกตาค้าง เพราะนี่มันคือยอดเจ้าโลกคนที่สอง!
ยอดเจ้าโลกจากเผ่าหงส์แดง!
จากนั้นก็เป็นฝ่ายหลวนชิงเหอที่กล่าวขึ้น “เจ้าหนู อย่าได้ลืมสัญญาเล่า! เจ้านั้นคิดค้างเผ่าหงส์แดงเราอยู่นะ!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ผู้อาวุโสท่านโปรดวางใจ เฟิ่งชิงซวนและตัวข้านั้นเป็นสหายสนิทกัน ตราบเท่าที่เย่ผู้นี้ทำสำเร็จข้าย่อมจะไม่ลืมนางแน่นอน!”
หลวนชิงเหอพยักหน้ารับตอบกลับไป
ไม่นานห้วงมิติก็สั่นไหวขึ้นมาอีกครั้งพร้อมเงาร่างของผู้คนที่ค่อยๆ ก้าวออกมา
แต่ว่าเงาร่างของคนทั้งหลายนั้นมันโปร่งแสงไม่น้อย
ทว่าแค่มองคราเดียวเฟิงเสี่ยวเถียนก็เข้าใจได้ว่านี่คือเผ่าวิญญาณแล้ว!
แต่ว่าคนที่มาถึงนั้นมันกลับเป็นถึงเจ้าโลกหยุนหนีและเจ้าโลกบู๋เมี่ยแห่งตระกูลวิญญาณนิพพาน!
เจ้าโลกบู๋เมี่ยกลับออกมาเอง!
นอกจากสองคนนี้แล้วมันยังมีชายวัยกลางคนอีกผู้หนึ่งที่ตามทั้งสองคนออกมาด้วย ดูท่าแล้วเขาคนนี้คงเป็นคนจากตระกูลวิญญาณฉีอย่างไม่ต้องสงสัย
และยอดฝีมือจากตระกูลวิญญาณฉีคนนี้เองก็เป็นถึงเจ้าโลกระดับสูงเช่นกัน!
ดูท่าแล้วตระกูลวิญญาณฉีและตระกูลวิญญาณนิพพานจะสงบศึกกันชั่วคราวแล้ว
แต่ว่าเย่หยวนนั้นก็ไม่นึกฝันว่าเจ้าโลกเทียนเหวินนั้นจะส่งยอดฝีมือมาช่วยด้วย
“ผู้อาวุโสบู๋เมี่ยท่านมาเองเช่นนี้ เย่หยวนรู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก!”
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะเจ้าโลกบู๋เมี่ยพร้อมกล่าวขึ้น
เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นยกมือขึ้นมาโบกปัดปฏิเสธ “ข้าแค่ได้ยินว่ามันมีโอกาสจะได้ลองมือกับศิลาโลหิตโกลาหลเท่านั้น ข้าจึงตัดสินใจเดินทางออกมา!”
เย่หยวนยิ้มและไม่ได้เถียงอะไรกลับไป
เขาเข้าใจว่าเจ้าโลกบู๋เมี่ยคิดทดแทนคุณที่ติดค้างไว้
เพราะไม่ว่าจะอย่างไรเสียเย่หยวนนั้นก็คือคนที่ช่วยตระกูลวิญญาณนิพพานไว้และยังช่วยเจ้าโลกบู๋เมี่ยไว้!
จากนั้นเย่หยวนก็หันไปคารวะเจ้าโลกจากตระกูลวิญญาณฉี “ขอบพระคุณผู้อาวุโสที่มาช่วยเหลือ!”
ชายคนนั้นส่ายหน้าตอบกลับมา “ข้านั้นมีนามว่าหวนยี่ ท่านเทียนเหวินแค่สั่งให้ข้ามาบอกเจ้าว่าท่านจดจำความแค้นได้ครบถ้วน!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เช่นนั้นวันหลังเย่ผู้นี้จะไปกราบขออภัยให้ถึงที่แน่นอน!”
เทียนเหวินนั้นเป็นคนมากศักดิ์ศรีแต่ก็เป็นคนตรงๆ เขาย่อมจะไม่มีทางปล่อยเรื่องผ่านไปเปล่าๆ ได้
แต่ว่าเมื่อเจ้าโลกหวนยี่คนนี้มา มันก็ถือว่าเขานั้นไม่ได้คิดแค้นติดใจใดๆ แล้ว
เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นได้แต่ยืนอ้าปากค้าง หัวใจของเขาตอนนี้มันเต้นรัวจนไม่อาจจะควบคุมได้!
เพียงแค่ไม่กี่นาทีนี้ มันก็มีเจ้าโลกมาถึงเก้าคน!
นอกจากนั้นแล้วเจ้าโลกทั้งหลายยังมิใช่เจ้าโลกธรรมดาทั่วไป พวกเขาแต่ละคนนั้นแข็งแกร่งมากล้ำ
อย่างน้อยๆ ก็เป็นกันถึงเจ้าโลกระดับสูง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลงเจี้ยน หลวนชิงเหอและเจ้าโลกบู๋เมี่ยที่ต่างแล้วแต่เป็นยอดเจ้าโลกทั้งสิ้น!
หากนับจ้าวเยว่ที่มีพลังต่อสู้เทียบเคียงยอดเจ้าโลกได้เข้าไปด้วย มันก็เท่ากับว่าพวกเขานั้นมียอดเจ้าโลกถึงสี่คน!
นี่มันคือกองกำลังอันยิ่งใหญ่เกินจินตนาการ!
เพราะต่อให้จะเป็นเผ่าวิญญาณอันยิ่งใหญ่นั้นมันก็ยังมียอดเจ้าโลกอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น!
แต่เย่หยวนนั้นไปทำอะไรมาในช่วงเวลาร้อยปีที่ผ่านมานี้?
ยอดคนมากมายนั้นกลับมายังสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดเพื่อเขา มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์ตัวน้อยคนนี้!
หากไม่ได้เห็นกับตาแล้วตัวเขาเองก็คงไม่มีทางเชื่อได้แน่นอน!
มันมิใช่ว่าเย่หยวนนั้นเป็นผู้รู้อนาคตคาดเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ แต่เขานั้นสัมผัสได้ว่าศิลาโลหิตโกลาหลนั้นคงแข็งแกร่งขึ้นมากล้นแน่แล้ว เพราะฉะนั้นเผ่าเลือดเองก็คงแข็งแกร่งขึ้นตามด้วยเช่นกัน!
เย่หยวนที่กังวลใจนั้นจึงได้ขอร้องให้หลงเจี้ยนเดินทางไปยังเผ่าหงส์แดงและสวรรค์โมฆะเกินดุลเพื่อขอเจ้าโลกมาเป็นกำลังเสริม
จริงๆ แล้วเย่หยวนนั้นแค่คิดจะยืมกำลังเจ้าโลกและไม่ได้จงใจเชิญหลวนชิงเหอหรือเจ้าโลกบู๋เมี่ยออกมาเช่นนี้
ทว่าคนทั้งหลายนั้นเลือกที่จะเดินทางออกมาเอง มันเป็นผลลัพธ์ที่เกินคาดของเขาไปมากเช่นกัน
แต่สภาพของสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดในตอนนี้ ยิ่งกำลังเสริมทรงพลังเท่าใดมันก็ยิ่งดี
หยางชิง จิงเฟย ต้าหวงนั้นต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมาอย่างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ
เจ้าโลกทั้งหลายนั้นมันทรงพลังอย่างมาก!
เพราะในสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นพวกเขาไม่มีโอกาสจะได้เห็นแม้แต่ยอดเจ้าโลกมาก่อน
ฉินชานนั้นรู้สึกว่าชีวิตมันช่างไร้ความยุติธรรม
ทำไมมันไปรู้จักยอดเจ้าโลกได้ง่ายๆ เช่นนี้?
ออกเดินทางร้อยกว่าปีมันเป็นเวลาแค่พริบตาสำหรับยอดฝีมือระดับพวกเขา แต่นอกจากว่าเย่หยวนจะพัฒนาตัวเองไปอย่างไม่หยุดยั้งแล้วเขายังไปรู้จักยอดเจ้าโลกทั้งหลายด้วย
ชีวิตมันช่างไร้ความยุติธรรม!
“เย่หยวน นี่…นี่มัน…” เฟิงเสี่ยวเถียนไม่รู้จะต้องถามอะไร
เจ้าโลกนั้นต่อให้จะเป็นเจ้าโลกที่อ่อนแอที่สุดก็ยังอยู่เหนือโลกหล้าบนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนี้
แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองช่างตัวเล็กจ้อย!
เย่หยวนนั้นรู้ดีว่าเขากำลังตกตะลึงจนไม่อาจพูดเป็นภาษาจึงได้กล่าวขึ้นแนะนำ
“ผู้อาวุโสทั้งหลาย นี่คือพี่ชายที่ข้านับถือเจ้าโลกจ้านเทียน! หลายพันปีมานี้เขาได้ต่อสู้กับเผ่าเลือดอย่างไม่รักชีวิต เป็นพี่ชายที่เย่คนนี้นับถืออย่างสุดหัวใจ!”
“อ่า ที่แท้เป็นน้องจ้านเทียน หลังจากจัดการเผ่าเลือดลงแล้วเจ้าไปเที่ยวเผ่ามังกรข้าบ้างนะ”
หลงเจี้ยนยิ้มขึ้นกล่าว
เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นรู้สึกหนักจนแทบไม่อาจจะเงยหน้าขึ้นมองได้
“น้องจ้านเทียน” หลวนชิงเหอเองก็กล่าวขึ้นทักทาย
“น้องจ้านเทียน เจ้ามาเที่ยวเล่นที่ตระกูลวิญญาณฉีข้าก็ได้นะถ้ามีเวลาว่าง” เจ้าโลกหวนยี่กล่าวขึ้น
เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นต้องค่อยๆ รวบรวมสติตอบกลับคนทั้งหลายไปอย่างเป็นเกียรติยิ่ง
แม้เขาจะรู้ดีว่าที่คนทั้งหลายพูดกล่าวนั้นมันเพราะเห็นแก่หน้าเย่หยวนแต่อีกฝ่ายก็ยังลดตัวมาทักทายเขาเช่นนี้
เจ้าโลกนั้นแข็งแกร่งอย่างมากล้นแต่ว่าตัวเขากลับรู้สึกไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนกลุ่มนี้
“เอาล่ะ ในเมื่อมากันครบแล้วก็อย่าได้รอช้าเลย! เผ่าเลือดและเจ้าโลกของสวรรค์แรกนั้นกำลังปะทะกันอยู่ในตอนที่เราพูดคุยกันนี้ ผู้อาวุโสทั้งหลายท่านโปรดช่วยเหลือด้วย!” เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะ
“ให้น้องจ้านเทียนนำไปเถอะ เจ้าอยู่เฝ้าเมืองไป” หลงเจี้ยนกล่าว
เย่หยวนส่ายหัวตอบกลับไป “ข้านั้นสัมผัสได้ว่าร่างแรกของศิลาโลหิตโกลาหลมันใกล้จะจุติเต็มที!
หากข้าไม่อยู่ด้วยแล้วลำพังแค่พวกท่านอาจจะไม่พอมือมัน!”
คำพูดนี้มันช่างดูโอหังไม่ประเมินตัวเองแต่ว่าสีหน้าของหลงเจี้ยนที่ได้ยินต้องเปลี่ยนสีไป
เพราะร่างแยกของศิลาโลหิตโกลาหลจุติขึ้นมานั้นมันย่อมจะจุติเป็นยอดฝีมือล้ำสวรรค์แน่แล้ว
พวกเขาทั้งหลายไม่มั่นใจจริงๆ ว่าจะจัดการยอดฝีมือล้ำสวรรค์ได้จริงๆ
หลงเจี้ยนนั้นต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นถาม “หากมันจุติขึ้นมาแล้ว มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์อย่างเจ้าจะทำอะไรได้?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้านั้นมีวิธีอยู่ บางทีมันอาจจะพอได้ผลบ้าง!”
หลงเจี้ยนได้แต่ต้องเลิกคิ้วเมื่อได้ยินแต่ก็ยังพยักหน้ารับไป “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ!”
จากนั้นเจ้าโลกทั้งสิบกว่าคนนั้นก็ได้ตามเย่หยวนพุ่งขึ้นฟ้าไป
คนทั้งเมืองตะวันประจิมต่างอ้าปากค้างกันจนถึงตอนนี้
หลังจากผ่านไปได้อีกนานสองนานหยางชิงก็เดินเข้ามาหาฉินชานและกล่าวขึ้น “เจ้าว่าเย่หยวนเป็นคนทรยศ?”
ฉินชานนั้นแทบจะกัดลิ้นตัวเองเมื่อได้ยิน
เขาหันกลับไปร้องด่าอย่างไม่พอใจ
“ไร้สาระ! ข้าไปพูดตอนไหน? หยางชิง เจ้าคิดว่าแค่ตัวเองเก่งกาจแล้วจะใส่ร้ายใครก็ได้หรือ?!”
‘คนทรยศ?’
‘ก็บ้าแล้ว!’
‘หากเย่หยวนคิดทรยศจริงแค่คนที่เขาพามานี้มันก็คงทำลายได้ทั้งสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิด!’