“หาตัวเขา? เลิกหวังเถอะ! เจ้าเฒ่านั่นมันลึกลับอย่างไร้เงาให้จับ เว้นเสียแต่ว่าเขานั้นจะตั้งใจออกมาเองแล้วมันย่อมจะไม่มีใครตามหาตัวเขาได้! แต่ว่าเจ้าเฒ่านี่ก็เก่งกาจจริงๆ ตอนนั้นว่ากันว่าหากวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตไม่ไปยุ่งตอนเขาเก็บตัวบ่มเพาะแล้วพวกเขาคงสามารถจะปกครองทุกสวรรค์ได้สำเร็จจริง!” หลงเจี้ยนกล่าวขึ้นมาขัดความหวังของเย่หยวนอย่างไม่ปรานี
เจ้าโลกหลุนฮวยนั้นเป็นเจ้าโลกที่ลึกลับที่สุดบนสามสิบสามสวรรค์ก็ว่าได้!
พร้อมๆ กันนั้นเขาก็เป็นเจ้าโลกที่ไม่ควรไปหาเรื่องที่สุด!
ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเขานั้นเก่งกาจทรงพลังถึงระดับไหน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพลังของเขานั้นมันสามารถสยบทุกสิ่งอย่างบนฟ้าดินนี้ได้
หากจะถามว่าใครเล่าบนสวรรค์นี้ที่จะต่อต้านพลังของศิลาโลหิตโกลาหลได้ มันก็คงมีแต่เขาผู้เดียว แต่น่าเสียดายที่ตัวเขานั้นลึกลับอย่างยิ่ง หากไม่คิดปรากฏตัวขึ้นมาเองแล้วต่อให้จะพลิกสวรรค์หาอย่างไรมันก็ไม่มีทางจะเจอตัวเขาได้
เย่หยวนหันไปมองหน้าเจ้าโลกหวนยี่จนทำให้อีกฝ่ายต้องยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป
“ไม่มีใครหาตัวบรรพบุรุษหลุนฮวยท่านเจอได้แน่นอน แม้แต่ท่านเทียนเหวินเองก็ไม่อาจจะหาตัวท่านเจอได้!”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องถอนหายใจยาวออกมา “ตอนนี้เราสร้างบาดแผลใหญ่ให้แก่เฉียเนียนซานมันไปแล้ว เป็นโอกาสดีที่จะไล่ล่าสังหารมันลง เพราะตอนนี้ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันได้รับสายเลือดของสี่ภูตแท้จตุรทิศไปแล้ว หากมันมีเวลาได้ศึกษาสายเลือดทั้งสี่นั้นพลังของมันคงพัฒนาไปอย่างเหนือล้ำจินตนาการแน่ หลังจากที่เฉียเนียนซานมันฟื้นฟูพลังกลับไปถึงล้ำสวรรค์แล้วศิลาโลหิตโกลาหลมันก็อาจจะก้าวผ่านล้ำสวรรค์ไปได้จริงๆ! เสียหายโอกาสเสียจริงๆ!”
เย่หยวนนั้นได้ยินจากหลงเจี้ยนว่าศิลาโลหิตโกลาหลบนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนี้มีนามว่าเฉียเนียนซาน
คนทั้งหลายที่ได้ยินเช่นนั้นจึงคาดเดาได้ทันทีว่าชื่อร่างแยกของศิลาโลหิตโกลาหลบนสวรรค์ต่างๆ นั้นมันคงถูกตั้งขึ้นด้วยตัวเลขเป็นแน่ เหมือนอย่างตัวเฉียเอ้อจากสวรรค์ศาลโมฆะส่องสว่างนั้น สภาพเช่นนี้มันทำให้คนทั้งหลายรู้สึกเสียดายสุดใจ แต่เจ้าโลกหลุนฮวยนั้นก็เป็นตัวตนที่อยู่ในความคิดแต่ไม่อาจจะเข้าถึงได้ พวกเขาได้แต่ต้องรอให้ชะตากรรมมันดำเนินต่อไป
เมื่อจบการประชุมลงนั้นสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้แต่ต้องตัดสินใจแยกย้ายกันกลับสวรรค์ใครสวรรค์มัน เพราะตอนนี้สงครามเองก็สิ้นสุดลงแล้ว พวกหลงเจี้ยนนั้นไม่มีเหตุผลใดจะต้องอยู่บนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดอีกต่อไป
สวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นมีตัวโฉปู้ฉุนคอยดูแลอยู่แล้ว มันย่อมจะไม่เป็นปัญหาใดๆ ในระยะเวลาสั้นๆ แน่นอน
เย่หยวนเองก็มิใช่คนที่หวังจะพึ่งแต่คนอื่น เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาจึงทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการบ่มเพาะ เพราะหากพลาดโอกาสนี้ไปแล้วเย่หยวนรู้สึกว่าวันหน้าเมื่อศิลาโลหิตโกลาหลนั้นรวมร่างกันแล้ว พลังของมันคงเหนือล้ำอาณาจักรใดๆ มันอาจจะพัฒนาไปจนถึงระดับที่แม้แต่เจ้าโลกหลุนฮวยไม่อาจต้านทาน!
แน่นอนว่าตอนนี้เขายังไม่อาจจะเข้าใจพลังในระดับนั้นได้ มันเป็นแค่ความรู้สึกลึกๆ ในใจเท่านั้น เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องพึ่งตัวเอง
หลังจากต่อสู้สงครามมานานหลายพันปีในที่สุดสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดก็ได้เข้าสู่สภาวะสงบสุขเป็นครั้งแรก
แน่นอนว่าตอนนี้มันมีเรื่องให้ต้องจัดการเป็นภูเขาเลากา
นิกายยาสุดล้ำนั้นได้กลายเป็นนิกายอันดับหนึ่งผู้ปกครองสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดไปโดยไม่มีใครขัด
ไม่นานจากนั้นเย่หยวนและโฉปู้ฉุนก็ได้เริ่มแผนการกลับเข้าไปยึดครองดินแดนที่เคยเสียให้แก่เผ่าเลือด
นิกายยาสุดล้ำรวมไปถึงนิกายใหญ่ต่างๆ นั้นจับมือกันเปิดทรัพยากรให้ประชาชนคนทั่วไปเข้าถึงได้
สิบปีต่อจากนั้นสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นก็ค่อยๆ กลับเข้าที่เข้าทางได้ในที่สุด และในช่วงเวลาสิบปีนี้เย่หยวนก็ได้ติดต่อสื่อสารกับสวรรค์อื่นๆ อยู่เรื่อยๆ
เขานั้นพบว่าตอนนี้เผ่าเลือดได้หยุดเคลื่อนไหวในทุกสวรรค์ไปสิ้นเชิง ข่าวนี้มันทำให้เย่หยวนกังวลสุดใจ เพราะเขารู้ได้เลยว่านี่มันคือคลื่นลมสงบก่อนพายุใหญ่จะมาถึง!
หลังจากที่ศิลาโลหิตโกลาหลจุติขึ้นมาแล้วมันคงได้กลายเป็นหายนะทำให้ทุกสวรรค์ต้องปั่นป่วน!
โชคยังดีที่เย่หยวนและพวกนั้นได้ทำร้ายเฉียเนียนซานจนบาดเจ็บสาหัสไป
หากศิลาโลหิตโกลาหลมันคิดจะก้าวข้ามล้ำสวรรค์ไปแล้วมันก็คงต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย
สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้เย่หยวนตั้งหน้าวิจัยเรื่องพลังของสายเลือดและบ่มเพาะพลัง
เจียงเจิ้นหนานนั้นแทบจะกลับเป็นคนปกติได้แล้ว และร่างกายของเขาตอนนี้แทบจะไม่ดูเป็นสัตว์ประหลาดอีกต่อไป
เพื่อพี่น้องที่ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันนั้นตัวเจียงเจิ้นหนานได้ยอมเป็นหนูทดลองให้เย่หยวนอย่างไม่คิดชีวิต
แต่ว่าผลการทดลองนั้นมันกลับทำให้เขายิ่งคืนกลับร่างเป็นคนเข้าไปเรื่อยๆ
เขานั้นได้เห็นความหวัง!
แน่นอนว่าสภาพของจ้าวเยว่นั้นมันซับซ้อนกว่าตัวเขาไปมากนัก
เย่หยวนเองก็ยังไม่อาจจะทำอะไรกับจ้าวเยว่ได้ในตอนนี้
แต่เพราะว่าเช่นนี้เจียงเจิ้นหนานจึงยิ่งเคารพนับถือเย่หยวนเป็นเหมือนเทพ
สภาพอันสงบสุขเช่นนี้มันดำเนินไปได้สิบเจ็ดปีหลังจบสงคราม
เพราะว่าในปีที่สิบเจ็ดนั้นมันได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอีกครั้ง!
บนท้องฟ้านั้นมันปรากฏเงาของวังใหญ่ขึ้น!
มันเป็นเงาที่ดูเลือนราง
วังใหญ่นั้นมันสูงเสียดฟ้าทำให้คนทั้งหลายรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของมัน
“นี่มันอะไรกัน? ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนมันจะเป็นวันสิ้นโลกกัน? หรือว่าสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดจะต้องเผชิญหายนะเข้าอีกครั้งแล้ว?”
“ช่างเป็นวังที่ดูลึกลับนัก! ทำไมข้าถึงรู้สึกหายใจไม่ค่อยออกกัน?”
“พวกเจ้าดูสิ! มันมีเส้นทางเชื่อมขึ้นไปบนวังนั้นด้วย!”
…
บนท้องฟ้านั้นมันมีบันไดทอดยาวขึ้นไปจนถึงเงานั้น
เพียงแค่ว่าคนที่ได้เห็นมันนั้นต่างยืนตัวสั่นไม่มีใครกล้าเดินขึ้นไปบนเส้นทางนี้
วินาทีต่อมามันก็มีเงาร่างหลายเงาพุ่งตัวออกมาจากห้วงมิติ
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นใบหน้าของคนทั้งหลายนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะว่าคนที่มาถึงกลุ่มนี้มันคือพวกโฉปู้ฉุนและเย่หยวนนั่นเอง
เย่หยวนมองดูเงาวังใหญ่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกอันแสนคุ้นเคย
“นี่มัน…วังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต?” เย่หยวนร้องขึ้น
“วังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต?” โฉปู้ฉุนนั้นหันกลับมามองเย่หยวนอย่างมึนงง ดูแล้วเขาคงไม่เคยได้ยินนามนี้แน่นอน
วังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนั้นคือนิกายใหญ่ที่กลืนกินสวรรค์ในยุคสมัยก่อน มันทำให้เกิดความเสียหายมากมายใหญ่หลวง และช่องว่างระหว่างรุ่นขึ้นมาหลายรุ่นในตอนนั้น หากมิใช่คนเฒ่าคนแก่ทั้งหลายที่อยู่มาตั้งแต่ท้องฟ้าเริ่มก่อตัวมันก็มีคนรู้จักวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตเพียงแค่หยิบมือ
สวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นเองก็เคยอยู่ใต้การปกครองของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต แม้จะเป็นยอดฝีมือเฒ่ารุ่นเก่าแก่ของสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดอย่างหยุนซานเองเขาก็เกิดขึ้นมาหลังยุคสมัยการล่มสลายของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตเช่นกัน
เย่หยวนพยักหน้ารับกลับไป “มันคือวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต ไม่ผิดแน่นอน! นี่มันคือวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตของจริง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา!”
รูปแบบสถาปัตยกรรมของเงาตรงหน้านี้ตรงกับของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตที่เย่หยวนเคยเข้าไปอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
นอกจากนั้นแล้วมันยังปล่อยคลื่นพลังที่ใกล้เคียงกับวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตที่เย่หยวนเคยไป
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงตัดสินได้ทันทีว่านี่มันคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต!
เพียงแค่ว่าทำไมวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตถึงปรากฏขึ้นมาเช่นนี้?
เขานั้นค่อยๆ เล่าเรื่องราวตำนานของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตออกมาจนเจ้าโลกทั้งหลายที่ได้ยินต้องอ้าปากค้าง
เจ้าโลกคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยหน้าเครียด “เจ้าจะบอกว่าหลังจบสงครามวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตแล้ว
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแต่กลับปรากฏขึ้นมาตอนนี้? หรือว่าพวกเขานั้นจะผงาดกลับขึ้นมาอีกครั้ง?”
เย่หยวนส่ายหัวตอบกลับไป “วังตรงหน้าเรานี้มันดูเลือนรางอย่างมาก วังจริงๆ คงไม่ได้อยู่บนสวรรค์เราอย่างแน่นอน! แต่การทำให้เกิดเงาใหญ่ปกคลุมทั้งสวรรค์เช่นนี้ได้มันคงจะต้องทรงพลังไม่น้อยเช่นกัน! เพียงแค่ว่าเงานี้มันช่างดูรกร้างไร้ผู้คน มันคงถูกทิ้งร้างไม่มีใครดูแลมานาน คงไม่มีทางผงาดกลับมาได้แน่”
เจ้าโลกอีกคนกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางหวาดกลัว
“แต่แม้แต่ข้า เจ้าโลกคนนี้เองก็ยังสัมผัสได้ถึงหายนะที่กำลังจะมาถึง!”
วังตรงหน้านี้มันทำให้เขารู้สึกอันตรายอย่างมาก
ในโลกใบนี้มันมีแค่ไม่กี่อย่างที่จะทำให้เจ้าโลกรู้สึกถึงความอันตรายได้
โฉปู้ฉุนเสนอขึ้นมา “ให้ข้าไปลองสำรวจดูก่อนไหม?”
เย่หยวนส่ายหัวตอบกลับไป “ข้ารู้ว่าเต๋าดาบของพี่โฉนั้นไม่รู้จักกลัว แต่ความน่ากลัวของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่ท่านจินตนาการไว้มากนัก! แม้ว่าตัวท่านจะเป็นยอดเจ้าโลกแต่หากมันเป็นอันตรายในวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตแล้วท่านเองก็อาจจะไม่รอดชีวิตกลับมา! ตอนนี้เราอย่าเพิ่งทำอะไรอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังดีกว่า”
เย่หยวนพูดยังไม่ทันขาดคำมันก็ปรากฏรอยแยกขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนเงาร่างของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวออกมา
เมื่อชายคนนี้ก้าวออกมาเขาก็เงยหน้าขึ้นมองวังบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เย่หยวนที่ได้เห็นเขานั้นต้องเบิกตากว้างร้องขึ้น “ผู้อาวุโสหมี่เทียน ข้ากำลังจะไปหาท่านพอดี ไม่นึกเลยว่าท่านจะมาหาข้าได้เวลาเช่นนี้!”
หมี่เทียนพยักหน้ารับ “สวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดเองก็มีมันสินะ!”
เย่หยวนที่ได้ยินต้องผงะไปทันที “ทำไมหรือ? หรือว่าเงาของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนี้มันก็จะปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าของสวรรค์ศาลโมฆะส่องสว่างเช่นกัน?”