“หยุนเซียง ไม่ต้องไปพูดกับมันให้เสียเวลาแล้ว! มาคิดหาวิธีเอาสมบัติออกมาดีกว่า!” ข้างๆ ตัวนางนั้นชายแก่ คนหนึ่งได้กล่าวขึ้นห้าม
ชายแก่คนนี้คือเจ้าโลกจางเหอชินแห่งนิกายสวรรค์ทำนองอเวจี
ที่เจ้าโลกทั้งหลายไม่คิดลงมือตั้งแต่แรกนั้นมันเป็นเพราะว่าพวกเขากลัวเกรงหวูเทียน
แต่สมบัติเบื้องหน้านี้มันทรงพลังและล้ำค่าเกินกว่าที่จะปล่อยผ่านไป พวกเขาจึงต้องเผยตัวออกมา
หยุนเซียงหรี่ตาลงกล่าวขึ้น “พวกเราลองเปลี่ยนตำแหน่งดู!”
คนทั้งห้านั้นหรี่ตาลงก่อนจะพยักหน้ารับ
พวกเขาเห็นด้วยกันแผนนี้อย่างเต็มอก
เจ้าโลกทั้งหลายนั้นเริ่มเปลี่ยนตำแหน่งของตัวเองไป
จางเหอชินกล่าวให้สัญญาณขึ้นมา “ไป!”
เงาร่างทั้งเจ็ดนั้นพุ่งตัวออกไปอย่างรุนแรงทรงพลัง
แต่ว่าพวกเขานั้นกลับดูทรงพลังได้ไม่ถึงสามวินาที เพราะจากนั้นมันก็เกิดเสียงระเบิดส่งร่างของคนทั้งเจ็ดนั้นปลิวกลับออกมา
เมื่อถูกพลังระเบิดกระแทกใส่ถึงสองครั้งนี้พวกเขาก็ย่อมจะได้รับบาดเจ็บกันไปไม่น้อย
ต่อหน้าศิษย์รุ่นลูกหลานทั้งหลายนั้นพวกเขาย่อมจะรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก
แต่ว่าต่อหน้าสมบัติล้ำค่าเช่นนี้เจ้าโลกทั้งหลายย่อมจะไม่คิดยอมแพ้ง่ายๆ
หลังจากพักไปครู่ใหญ่พวกเขาก็ทดลองกันอีกห้าถึงหกครั้ง
แต่มันก็จบไม่สวยแม้สักครั้งเดียว
“หวูเทียนเจ้าเฒ่านี่ล้อเล่นกับเราแน่แล้ว! สมบัติมากมายตรงหน้านี้กลับให้แค่พวกเรามองไม่อาจเข้าไปถึงได้!” จางเหอชินร้องลั่นขึ้นมา
คงไหนั้นหัวเราะขึ้นตาม “ไอ้โง่นี่ เมื่อกี้ยังทำหน้าเหมือนคนมีแผนอยู่เลยมิใช่หรือ?”
จางเหอชินหันกลับมาสวนทันที “พ่อเจ้าบาดเจ็บขนาดนี้ไปแล้วเจ้าจะยังเอามันมาได้เองหรือ?”
เจ้าโลกทั้งหลายนั้นมีสภาพเหมือนพืชในฤดูหนาวแห้งเหี่ยวลงอย่างมากจากตอนแรก มันเป็นสภาพที่คนทั้งหลายแทบอดหัวเราะไม่ได้
ไกลออกไปนั้นเย่หยวนได้มองดูการทดลองของเจ้าโลกทั้งหลายอยู่ตลอดและนั่งคิดอย่างไม่ขยับตัวไปไหน
หลายวันมานี้เย่หยวนได้แต่คิดศึกษาเรื่องค่ายกลสวรรค์
เขานั้นพบว่ามหาค่ายกลนี้มันวิเศษจนเกินเข้าใจ
เจ้าโลกทั้งหลายนี้ดูท่าจะไม่รู้ตัวเลยว่าพวกตนเองนั้นติดเข้ามาในมหาค่ายกลแล้ว
แต่เย่หยวนคิดว่าหวูเทียนนั้นสร้างเรื่องลำบากและหยอกล้อพวกเขาเล่นได้ง่ายๆ
ไม่แปลกใจเลยว่ามันทรงพลังถึงขั้นจะสังหารเจ้าโลกลงได้มากมาย!
เพราะตัวเย่หยวนเองก็ไม่อาจจะมองช่องว่างหรือจุดอ่อนของมหาค่ายกลสวรรค์นี้ได้เลย
เข้ามาแล้วทุกสิ่งอย่างมันช่างดูเป็นธรรมชาติไร้ที่ติ
หากมิใช่เพราะหมี่เทียนเคยเล่าเรื่องราวต่างๆ ของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตให้เขาฟังแล้วแม้แต่ตัวเย่หยวนเองก็อาจจะยังไม่รู้ตัว
แต่ตอนนี้หลังได้เห็นการทดสอบของเจ้าโลกทั้งหลายเย่หยวนก็เหมือนจะเริ่มได้เห็นเส้นทาง
มหาค่ายกลนี้มันเหมือนงานศิลปะชิ้นเอก ไร้ซึ่งจุดอ่อน
มันเหมือนเครื่องจักรที่มีความคิด ทำงานได้ด้วยกฎของตัวมันเอง
มันสามารถจะเปลี่ยนตำแหน่งจุดพลังงานเพื่อรับมือการโจมตีจากเจ้าโลกทั้งหลายได้
แต่ดูแล้วค่ายกลสวรรค์นี้มันไม่ได้เข้าสู่รูปแบบการสังหาร ไม่เช่นนั้นพลังเจ้าโลกทั้งหลายคงไม่รอดมาจนถึงตอนนี้
เย่หยวนเชื่อว่าคนที่ควบคุมมันไว้นั้นย่อมจะเป็นหวูเทียน
หวูเทียนนั้นไม่คิดสังหารคนและเอาสมบัติมาล่อตา มันเพื่ออะไรกันแน่?
เป้าหมายของเขานั้นมันยากเกินกว่าจะเดา!
“ไอ้หนู มานี่!” เย่หยวนที่กำลังนั่งมองดูเรื่องราวอยู่นั้นถูกเรียกขึ้น
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องผงะไป ไม่รู้ว่าทำไมจางเหอชินถึงคิดสนใจเขาขึ้นมา
ส่วนเจ้าโลกคนอื่นๆ ที่ได้ยินก็ต้องยิ้มเย้ยขึ้น
จางเหอชินนั้นกำลังคับแค้นใจหาที่ระบาย
เย่หยวนจึงเป็นตัวเลือกที่เลิศล้ำที่สุด!
ในฐานะเจ้าโลกแห่งสามยอดสวรรค์ของมนุษย์ พวกเขาทั้งห้าย่อมจะไม่มีใครอยากเห็นสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดผงาดขึ้นมาแย่งอำนาจตนเอง
แต่ไม่ว่าจะเป็นหยางชิงหรือเย่หยวนนั้นพวกเขาต่างมีพรสวรรค์ที่เกินกว่าจะปล่อยไว้
การเดินทางครั้งนี้เย่หยวนได้สร้างยอดฝีมือคลื่นกำเนิดขึ้นมานับร้อยๆ
นอกจากนั้นเขายังได้ปลุกพรสวรรค์ของคนทั้งห้าหมื่นขึ้นมาพร้อมๆ กัน
ไม่ต้องถามเลยว่าจางเหอชินกลัวหรือไม่!
แน่นอนว่ามันมิใช่แค่ตัวเขาเท่านั้น เจ้าโลกทั้งห้าของฝ่ายมนุษย์เองก็คิดไม่ต่างกัน!
เย่หยวนลุกขึ้นแต่นั่นกลับทำให้สีหน้าของหยางชิงและคนทั้งหลายซีดขาวลง
“เจ้าไม่ต้องไป! ข้าไปเอง!” หยางชิงกล่าวขึ้นห้าม
“ไม่ต้องทำหน้าเศร้าไป เจ้าก็มาด้วย!” จางเหอชินร้องขึ้น
เท่านี้คนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดก็ย่อมจะไม่อาจอยู่เฉยได้อีก
“ข้าไปเอง!”
“ข้าไปด้วย!”
…
จางเหอชินนั้นย่อมอยากจะทำร้ายเย่หยวนแน่แล้ว มีหรือที่พวกเขาจะปล่อยให้เย่หยวนเดินไปหาที่ตายต่อหน้าต่อตาได้?
ต่อให้ใครจะตายมันก็ไม่มีทางปล่อยให้นักบุญสวรรค์เย่ต้องตายลง!
เย่หยวนยกมือขึ้นห้ามคนทั้งหลายไว้ “ไม่ต้องรีบร้อนไป ฟังก่อนเถอะว่ามันจะพูดอะไร”
เย่หยวนและหยางชิงทั้งสองคนนั้นค่อยๆ เดินเข้ามาหาจางเหอชิน “ไอ้หนู ระหว่างทางมาเจ้ามันเก่งกาจดีจริง!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “มันมิใช่ว่าข้าเก่งกาจแต่เป็นคนของพวกเจ้าต่างหากที่อ่อนแอ สามยอดสวรรค์แห่งเผ่ามนุษย์มันฟังดูทรงพลังจริงแต่สุดท้ายก็โดนเผ่าปีกกับเผ่าปีศาจกดหัวจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นมิใช่หรือ? หากไม่ได้หยางชิงแล้วเผ่ามนุษย์คงต้องเสียหน้าไปอย่างกู่ไม่กลับแน่นอน!”
อีกฝ่ายนั้นดูอย่างไรก็คิดหาเรื่อง มีหรือที่เย่หยวนจะยังรักษามารยาทใด?
ตอนนี้ทั้งหวังหนิงเหยียนและหลู่ห่าวหรันต่างต้องก้มหน้าด้วยความอับอาย
เพราะคำพูดนี้มันคือการลากพวกเขาไปตบหน้าชัดๆ
แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเถียงเพราะมันคือความจริง
จริงๆ ตัวเย่หยวนเองก็พอเดาได้ว่าจางเหอชินนั้นต้องการให้เขาทำอะไร
เพราะว่าฝ่ายสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นมีคนมาเยอะ มันไม่แปลกหากว่าเขาจะคิดใช้จำนวนนี้เข้าหา จุดอ่อนของค่ายกล
“รนหาที่ตาย!” แน่นอนว่าเมื่อจางเหอชินได้ยินเขาก็ต้องกัดฟันแน่นขึ้นมาด้วยหน้าดำมืด ปลดปล่อยคลื่นพลังเจ้าโลกออกมาพร้อมฝ่ามือที่พุ่งหาเย่หยวน
สีหน้าของคนที่ได้เห็นนั้นต่างเปลี่ยนสีร้องลั่นขึ้นมา
เฟิ่งชิงซวนนั้นกัดฟันแน่นด้วยหน้าซีดเป็นกระดาษก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหวังรับหมัดนั้นแทนเย่หยวน
แต่นางนั้นยังช้าไปมาก
แต่เย่หยวนกลับยืนนิ่งไม่คิดเปลี่ยนสีหน้า หัวใจหนักแน่นดั่งขุนเขายืนมองหน้าจางเหอชินไป
“ช่างกล้า!” ต่อให้อีกฝ่ายนั้นจะเกลียดชังเย่หยวนแค่ไหนเขาก็อดกล่าวชมขึ้นไม่ได้
ตูม!
ลมรุนแรงนั้นพัดผ่านหน้าเย่หยวนไปพร้อมพลังรุนแรงจนแทบฉีกแขนขาเขาออกจากกัน
ฝ่ามือของเจ้าโลกนั้นมันทรงพลัง!
แต่ว่าฝ่ามือนี้มันกลับหยุดก่อนถึงตัวเย่หยวนไปเพียงคืบ
ได้เห็นเย่หยวนยังทำหน้านิ่งไม่เกรงกลัวเช่นนั้นจางเหอชินก็ผิดหวังขึ้นไม่น้อย
“หึ! สังหารเจ้าไปเช่นนี้มันจะเป็นการส่งเจ้าไปสบายเกิน! ไอ้หนู ข้าจะให้โอกาสเจ้า บุกเข้าไปหาเส้นทางใน ค่ายกลนี้มาหรือสั่งให้คนของเจ้าเข้าไปแทน ตราบเท่าที่เจ้าเอาสมบัติออกมาได้สักชิ้นข้าจะไว้ชีวิตเจ้าให้!” จางเหอชินกล่าว
“จางเหอชิน หากเจ้ากล้าทำร้ายเย่หยวนแม้สักนิด เจ้าจะกลายเป็นศัตรูร้ายที่ทั้งสวรรค์ศาลโมฆะส่องสว่างข้าหมายหัวเอาชีวิต!” เฟิ่งชิงซวนกล่าวขึ้นขู่
จางเหอชินหัวเราะขึ้นตอบไป “นังเด็กหงส์แดง เจ้าคิดขู่ข้าหรือ? สวรรค์ศาลโมฆะส่องสว่างเจ้ามันทรงพลังจริงแต่เจ้าคิดว่าสามสวรรค์เผ่ามนุษย์เรากลัวพวกเจ้า? พวกเราเองก็ไม่ได้อ่อนแอ หากคิดสู้กันจริงๆ แล้วมันก็ไม่แน่หรอกว่าใครจะชนะกันแน่! ตอนนี้สวรรค์ศาลโมฆะส่องสว่างของพวกเจ้าเพิ่งผ่านพ้นหายนะไปด้วย เจ้าคิดว่าพวกเราเผ่ามนุษย์จะกลัวคำขู่เจ้า?”
เฟิ่งชิงซวนนั้นหน้าซีดลงไปเพราะนางรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้พลัง
เจ้าโลกนั้นไม่กลัวคำขู่ง่ายๆ
พวกเขานั้นมีค่ายสำนักนิกายอันทรงพลังอยู่เบื้องหลังเสมอๆ!
“นักบุญสวรรค์เย่ ให้ข้าไปเถอะ!”
“ข้าขอไปเองดีกว่า!”
“ข้าขอมอบชีวิตนี้คืนให้แก่นักบุญสวรรค์เย่!”
…
คนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นต่างก้าวออกมาร้องขอให้เย่หยวนส่งตัวเองเข้าไปเปิดเส้นทางในค่ายกลไม่ขาดสาย
ภาพนี้มันทำให้จางเหอชินต้องผงะไปอย่างไม่อาจเข้าใจได้…
เขาไม่นึกฝันว่าเด็กน้อยคนนี้กลับจะได้รับความเคารพนับถือถึงปานนี้
เดิมทีแล้วที่เขาพูดเช่นนั้นออกก็เพื่อหวังจะแยกกำลังของเย่หยวนออกจากกัน
เพราะเย่หยวนนั้นย่อมจะรักชีวิตและไม่คิดเข้าไปในค่ายกลเอง เขาต้องเลือกส่งคนเข้าไปตายแทนแน่
ทำเช่นนั้นแล้วคนทั้งหลายย่อมจะรู้สึกคับแค้นเย่หยวนขึ้นมาในใจ
แต่เขาไม่นึกฝันว่าคนทั้งหลายนั้นกลับจะขอให้เย่หยวนส่งพวกเขาไปตายแทน!
เดิมทีแล้วจางเหอชินคิดว่าที่พวกเขาเชื่อฟังเย่หยวนนั้นมันเป็นเพราะว่ามันยังไม่ถึงสถานการณ์แห่งความเป็นความตายจริงๆ
เรื่องที่สำคัญที่สุดนั้นคือพวกเขาต้องการให้เย่หยวนช่วยหลอมโอสถให้
จางเหอชินคิดว่าสายสัมพันธ์เช่นนี้มันเปราะบางที่สุด
เขานั้นทำเรื่องเช่นนี้มาไม่รู้กี่ครั้งและมันก็สำเร็จทุกครั้งไป
แต่ครั้งนี้มันกลับไม่เป็นผล!
…………………………