หยุนเซียงนั้นมั่นใจอย่างมากเดินมาหยุดลงตรงหน้าค่ายกลและก้าวเดินออกไปอย่างไม่ลังเล
ค่ายกลนั้นมันไม่มีการตอบสนองใดๆ แม้แต่น้อย
จากนั้นนางก็ก้าวที่สองออกไปและยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ก้าวที่สาม ก้าวที่สี่…หยุนเซียงนั้นเดินออกไปอย่างง่ายดายและราบรื่นราวกับว่านี่ไม่ใช่ค่ายกลใดๆ
เทียบกับการเดินผ่านค่ายกลของเย่หยวนในครั้งก่อนนั้นมันเรียกได้ว่าคนละชั้นกันสิ้นเชิง
เมื่อจางเหอชินและพวกได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็ต้องยิ้มกว้างขึ้น
ความพยายามหลายเดือนของพวกเขานั้นมันใกล้จะถึงชัยชนะเสียที
“เก่งกาจนัก! เก่งจริง! จะอย่างไรจอมเทพค่ายกลสวรรค์ที่จะชนะมันก็ยังคงเป็นเจ้าโลก ฝีมือของนางนั้นมันไม่ได้มีดีแค่ชื่อจริงๆ!”
“ก่อนหน้าเจ้าโลกหยุนเซียงนั้นแค่ไม่รู้ตัว เมื่อตอนนี้นางรู้ตัวแล้วว่าตัวเองติดอยู่ภายในมันย่อมไม่มีอะไรหยุดนางได้อีกแล้ว!”
“ไอ้เด็กเย่หยวนนี่มันได้ฉิบหายแน่แล้ว!”
…
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดสนใจเสียงของคนรอบข้างใดๆ
เขานั้นยังคงเอียงคอไปมาและขีดเขียนลงบนพื้นดิน
ฟู่ว!
ลมจากฝ่ามือผัดผ่านหน้าเย่หยวนลบล้างสิ่งที่เขาเขียนไว้สิ้น
เย่หยวนนั้นย่อมจะต้องหยุดมือลงอย่างไม่อาจช่วยได้
เขานั้นหันไปมองหน้าผู้มาถึงและมันจะเป็นใครไปได้นอกจากจางเหอชิน?
จางเหอชินยิ้มกล่าวขึ้นมา “ไอ้หนู ข้าทนเจ้ามานานพอแล้ว! ทีนี้จะยังมีหน้ามาวางท่าใดๆ อีก? เจ้าแพ้แล้ว!”
“จะพูดไร้สาระกับมันเพื่ออะไรอีก? รีบๆ ฆ่ามันได้แล้ว!” คงไหกล่าวขึ้นมาเร่งจากด้านหลัง
หลายเดือนมานี้เย่หยวนไม่คิดจะยั้งมือตอนที่สั่งการพวกเขาเลย
เขานั้นสั่งเจ้าโลกทั้งหกคนให้บุกเจ้าค่ายกลไปมากกว่าหยุนเซียงเกือบเท่าตัว
สุดท้ายแล้วหยุนเซียงกลับแก้ค่ายกลนี้ได้ เย่หยวนกลับไม่มีปัญญาจะทำอะไรต่อ
พวกเขานั้นไม่ชอบหน้าเย่หยวนกันมาตั้งแต่แรก ตอนนี้เมื่อสามารถจะล้างความแค้นได้มันย่อมจะต้องลงมืออย่างไม่คิดลังเล
เย่หยวนหันไปมองหน้าจางเหอชินด้วยรอยยิ้ม “ค่ายกลรองนี้มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก ทำตัวเช่นนี้เดี๋ยวสักพักพวกเจ้าจะได้เสียน้ำตา”
คงไหหัวเราะขึ้นมา “หยุนเซียงนั้นแก้ค่ายกลนี้ได้แล้ว มันจะยังต้องมีอะไรให้เสียน้ำตา? ไอ้หนู ข้าเกลียดหน้าเจ้ามานานมาแล้ว!”
เย่หยวนหันไปมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “เช่นนั้นจากนี้เจ้าคงต้องกัดฟันทนหน้าข้าไปอีกนาน ไม่ว่าจะอย่างไรเจ้าก็ยังสังหารข้าไม่ได้เพราะข้านั้นคือทางเลือกที่สองเดียวและไม่มีสามอีก! สังหารข้าลงตอนนี้หากหยุนเซียงพลาดขึ้นมาพวกเจ้าจะได้ตายตกลงในค่ายกลนี้สิ้น! หากเจ้ามั่นใจจะฝากชีวิตไว้กับนางอย่างเต็มร้อยก็ลงมือ”
เย่หยวนผายมือออกต่อหน้าจางเหอชินเหมือนเขานั้นไม่คิดจะป้องกันตัวใดๆ
ได้ยินเช่นนั้นพวกจางเหอชินกลับเป็นฝ่ายลังเลไปแทน
เขาหัวเราะขึ้นมา “ไอ้หนู เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป! หยุนเซียงนั้นจะต้องแก้ค่ายกลได้สำเร็จเอาสมบัติออกมาได้แน่ ถึงตอนนั้นเจ้าอย่าหวังจะรอดไป!”
เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไปอย่างไม่สนใจ
เพราะค่ายกลรองนี้มันไม่ง่ายดายเช่นนั้น
เขานั้นยังไม่อาจเข้าใจมันได้เลยว่ามันเปลี่ยนแปลงพลังอย่างไร
เย่หยวนย่อมจะไม่คิดดูถูกจอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับเจ้าโลกแต่ว่าจากที่เขาเห็นนั้นหยุนเซียงย่อมจะก้าวเดินเข้าไปในจุดที่ผิดพลาดแน่แล้ว
ค่ายกลรองนี้มันถูกออกแบบมาอย่างลึกล้ำ มันมีหลายจุดที่จะล่อให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายๆ
เพราะความไม่แน่ใจเช่นนี้เองที่ทำให้เย่หยวนนั้นสั่งพวกจางเหอชินบุกเข้าไปหลายต่อหลายรอบ มิใช่ว่าที่ทำไปเพื่อจะกลั่นแกล้งใดๆ
แต่จางเหอชินและพวกย่อมจะคิดว่าเย่หยวนนั้นกลั่นแกล้งพวกตน
แน่นอนว่าเย่หยวนเองก็ไม่คิดเสียเวลามาอธิบายใดๆ ให้คนโง่เง่าทั้งหลายฟัง
เย่หยวนนั้นย่อมจะมีไพ่ตายที่เหนือล้ำเขาถึงกล้าท้าทายเจ้าโลกหยุนเซียง
เพราะเขานั้นผสานเมล็ดคลื่นกำเนิดมากมายไว้ในร่าง แน่นอนว่าคลื่นกำเนิดส่วนมากมันย่อมจะเป็นของคนวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต
ในหมู่พวกมันนั้นมันมีหลายคลื่นกำเนิดที่คล้ายกับค่ายกลสวรรค์นี้
เย่หยวนเดาว่าเจ้าของคลื่นกำเนิดทั้งหลายนั้นคงเป็นคนใกล้ชิดหรือมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเจ้าโลกชีฟาง
แต่ก็เพราะว่าเมล็ดคลื่นกำเนิดนี้ที่มันทำให้เย่หยวนได้เปรียบคนอื่นใดในค่ายกลสวรรค์นี้ไปสิ้นเชิง
แม้ว่าหยุนเซียงนั้นจะเก่งกาจแค่ไหนแต่ตอนนี้นางคิดจะเอาแค่ความเร็วในการแก้ไขเข้าว่า ไม่คิดอย่างละเอียดรอบคอบใดๆ
จุดที่ถูกออกแบบมาไว้หลอกล่อคนนั้นมันย่อมจะมองไม่เห็นได้ง่ายๆ
ตูม!
ก่อนที่เสียงของจางเหอชินจะจางหายร่างของหยุนเซียงก็ถูกซัดปลิวออกมา
บาดเจ็บหนัก!
สีหน้าของเจ้าโลกทั้งหกนั้นมันเปลี่ยนสีไปทันที! เย่หยวนพูดถูกจริงๆ!
หยุนเซียงพลาด!
“เกิดอะไรขึ้นกัน?” จางเหอชินกล่าวขึ้น
หยุนเซียงที่บาดเจ็บไม่น้อยนั้นค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น “ดูเหมือนข้าจะมองผิดไปหน่อย ให้ข้าได้ลองวิเคราะห์มันอีกครั้ง! วางใจเถอะ ข้านั้นเข้าใจถึงการทำงานของค่ายกลรองนี้แล้ว มันย่อมจะไม่ยากเกินแก้ไข!”
คำพูดเดียวของนางนั้นมันทำให้คนทั้งหลายถอนหายใจอย่างโล่งอกขึ้น
“ได้! เจ้าต้องการให้ช่วยอะไรว่ามาได้เลย ศึกนี้เราจะแพ้ไม่ได้!” จางเหอชินกล่าวขึ้น
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียนี่มันก็คือค่ายกลสังหารที่ทรงพลังที่สุด ความผิดพลาดนั้นย่อมจะไม่แปลกประหลาดใด
แต่ว่าชื่อของเจ้าโลกนั้นจะเสียไม่ได้!
ศึกนี้พวกเขาไม่อาจจะยอมแพ้เย่หยวนได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด!
หยุนเซียงนั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ “ได้ ข้าขอวิเคราะห์มันอีกรอบก่อน”
จากนั้นนางก็นั่งลงเขียนพื้นต่อไป
แต่จางเหอชินนั้นกลับสัมผัสได้ถึงสายตามากมายที่มองดูเขาจากทิศหนึ่ง
เมื่อหันไปมองเขาก็พบว่าพวกเย่หยวนนั้นกำลังมองดูเขาด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก
ฉิบหาย มันพูดถูกอีกแล้ว!
“หึ! ไอ้หนู เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป! นางแค่พลาดไปนิดหน่อย แต่ทิศทางมันถูกต้องแล้ว! เจ้ารอนับเวลาแพ้ไปได้เลย!” จางเหอชินร้องขึ้นมาก่อนจะหันหน้าหนีเย่หยวนไป
พวกเขานั้นไม่อาจจะมาเสียหน้าตรงนี้ได้!
ในเวลานี้เย่หยวนเริ่มนั่งผ่อนคลายและหยุดที่จะศึกษาวิเคราะห์ค่ายใดๆ ไป
“เป็นอะไรไป? หรือว่าเย่หยวนจะยอมแพ้แล้ว?”
“ต่อให้จะไม่ยอมแพ้มันก็ไม่มีทางเอาชนะได้อยู่แล้วนี่? เจ้าโลกหยุนเซียงนั้นก็บอกว่าแล้วว่านางเข้าใจค่ายกลนี้แล้ว!”
“ใช่ ต่อให้จะมีพลาดไปบ้างแต่ผลลัพธ์มันก็ยังจะเป็นชัยชนะของนาง เย่หยวนมันคิดช้าเกินไป!”
…
คนทั้งหลายนั้นเริ่มกระซิบนินทาเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้านี้
พริบตาเดียวมันก็ผ่านไปอีกครึ่งเดือน
หยุนเซียงย่อมจะต้องสั่งให้พวกจางเหอชินเข้าไปเจ็บตัวอีกหลายรอบ
จากนั้นนางก็เดินเข้าไปหาค่ายกลอีกครั้งด้วยความมั่นใจ
จางเหอชินและพวกนั้นนั่งจับตามองและเอาใจช่วยหยุนเซียงสุดตัว
ตูม!
แต่ไม่กี่นาทีต่อมาหยุนเซียงก็ถูกพลังงานซัดปลิว
และครั้งนี้มันยิ่งหนักหน่วงกว่าครั้งก่อน!
สีหน้าของพวกจางเหอชินนั้นเปลี่ยนสีไปรีบเข้าไปพยุงตัวหยุนเซียงขึ้นทันที
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” จางเหอชินกล่าวขึ้นมาถาม
เขานั้นไม่ได้ชอบหน้าหยุนเซียงมากมายมีความแค้นกันมาตลอดทางแต่ตอนนี้เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเขาจึงได้แต่ต้องช่วยนางสุดกำลัง
ครั้งนี้ร่างของหยุนเซียงมันหายไปกว่าครึ่ง เป็นสภาพที่น่าสมเพชอย่างมาก
การฟื้นฟูจากสภาพนี้มันย่อมจะไม่ง่าย
แต่หยุนเซียงนั้นกลับเหมือนไม่ได้ยินเสียงใครและร้องขึ้นมาอย่างมึนงง “เป็นไปไม่ได้! ข้านั้นวิเคราะห์มันซ้ำไปมาตั้งหลายรอบแล้ว! ดูอย่างไรก็ไม่มีผิดพลาด! ทำไมกัน? ทำไมมันกลายเป็นเช่นนี้?!”
สีหน้าของเจ้าโลกทั้งหกคนที่เหลือนั้นมันเหยเกอย่างถึงที่สุด
เพราะแม้ไม่ต้องหันไปมองพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาเย้ยหยันนับหมื่นมองมา
พลาดอีกแล้ว!
“ไม่เป็นไร เรายังมีเวลาอีกมาก!” จางเหอชินกล่าวขึ้น
หยุนเซียงนั้นไม่ตอบอะไรและแค่กัดฟันพยักหน้าไป
หลังจากรักษาแผลอีกหลายวันสุดท้ายหยุนเซียงก็กลับมายืนได้และเริ่มวิเคราะห์ค่ายกลอีกครั้ง
แต่น่าเสียดายที่นางต้องกลับออกมาด้วยอาการบาดเจ็บทุกครั้งไป
นอกจากนั้นแต่ละครั้งมันยังหนักหนากว่าครั้งก่อนเสมอๆ!
หลังจากพลาดไปเจ็ดถึงแปดครั้งติดกันนางก็ไม่อาจจะตั้งสติได้อีกแล้ว
“ทำไมกัน! ทำไมมันกลายเป็นเช่นนี้! ข้านั้นจับจุดของค่ายกลรองนี้ได้แล้วแท้ๆ ทำไมข้ายังไม่อาจจะแก้มันได้กัน!” หยุนเซียงนั้นร้องลั่นขึ้นเหมือนคนบ้า
จางเหอชินนั้นได้แต่ต้องทำหน้าเหยเกมองดูภาพตรงหน้านี้
บาดเจ็บสาหัสครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้หยุนเซียงย่อมจะไม่มีหวังแก้ค่ายกลได้อีกต่อไป
เขาอดหันไปมองหน้าเย่หยวนไม่ได้
เย่หยวนนั้นไม่ได้สนใจพวกเขาตอนนี้เขากำลังนั่งคุยกับหยางชิงอยู่
ดูอย่างไรมันก็จงใจทำ!
แต่มันไม่มีทางเลือก!
“ไอ้หนู หยุนเซียงไม่ไหวแล้ว! เจ้ารีบๆ ลงมาแก้ค่ายกลเสียที!” จางเหอชินเดินมาหยุดตรงหน้าเย่หยวนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ