“แก้ค่ายกล? ค่ายกลใดเล่า?” เย่หยวนหันกลับไปถามด้วยหน้างงๆ
จางเหอชินที่ได้ยินก็ต้องแยกเขี้ยวร้องกลับไปทันที “ไอ้เด็กเวร เจ้าคิดจะเล่นตลกกับข้าหรือ?”
เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไป “ขอโทษที สิ่งที่ข้าวิเคราะห์นั้นมันอยู่ในสัญลักษณ์ที่ข้าเขียนสิ้น ตอนนี้เมื่อสัญลักษณ์เหล่านั้นหายไปแล้วความรู้ของข้าเองก็หายไปเช่นกัน ข้าคงไม่อาจจะแก้ค่ายกลใดๆ ได้อีกแล้ว”
จางเหอชินนั้นแทบต้องกระอักเลือดออกมาเมื่อได้ยิน เจ้าเด็กนี่มันจงใจจะกดหัวเขา!
เขาไม่เชื่อว่าด้วยสมองระดับเย่หยวนนี้มันจะไม่อาจจดจำสิ่งที่เคยเขียนไปนั้นได้
เย่หยวนนั้นกำลังแก้แค้นพวกเขา!
“ไอ้หนู เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าจะสังหารเจ้าจริงๆ?” จางเหอชินกล่าวขึ้นมาด้วยจิตสังหารรุนแรงล้ำ
แต่น่าเสียดายที่เย่หยวนกลับยิ้มตอบกลับมาหน้าตาเฉย “ผู้อาวุโสท่านจะขู่ข้าทำไมอีก? ยิ่งท่านขู่ข้าเท่าไหร่ข้าก็ยิ่งจะลืมไปเท่านั้นแล้ว! ยิ่งข้าลืมไปเท่าไหร่มันก็ยิ่งจะไม่มีทางแก้ค่ายกลนั้นได้เช่นกัน”
จางเหอชินนั้นแทบจะกรีดออกมาเมื่อได้ยิน
แต่คงไหที่ยืนอยู่ข้างๆ นั้นกล่าวขึ้นมาเสริม “จะยังพูดไร้สาระกับมันทำไมอีก? ทรมานมันสิ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าถึงเวลานั้นแล้วมันจะยังไม่ลงมือ!”
ได้ยินเช่นนั้นจางเหอชินก็ต้องผงะไปเช่นกัน
เพราะว่านี่มันคือสิ่งที่เสี่ยงอย่างมาก หยุนเซียงนั้นไม่มีปัญญาจะแก้ไขแล้ว ตอนนี้มันเหลือเพียงแค่เย่หยวน
หากว่าพวกเขานั้นไปทำให้เย่หยวนคับแค้นจนสุดใจแล้วเกิดเย่หยวนยอมที่จะแลกชีวิต ชีวิตของพวกเขาคงได้สิ้นลงที่นี่แน่
แต่จะให้เขาก้มหัวให้เย่หยวนนั้นมันย่อมจะไม่ได้เช่นกัน
คำพูดของเย่หยวนนั้นมันชัดเจนว่าเขาต้องการให้คนทั้งหลายก้มหัวยอมรับผิด!
แต่สุดท้ายแล้วชื่อเสียงมันก็ค้ำคอพวกเขาไว้
จางเหอชินขยับตัวพุ่งตัวเข้าไปหมายจับตัวเย่หยวนด้วยความเร็วที่เหนือล้ำ
แน่นอนว่าเย่หยวนเองก็ไม่คิดจะป้องกันตัวใดๆ
เขานั้นยืนอยู่ตรงหน้าราวกับว่าการโจมตีของจางเหอชินนั้นมันไม่มีอยู่จริง
แต่ก่อนที่มือของจางเหอชินจะไปถึงตัวเย่หยวนนั้นมันก็มีหมัดหนึ่งต่อยเข้าด้านข้างมาก่อน
ปัง!
จางเหอชินนั้นเสียหลักพุ่งตัวออกไปนับร้อยๆ ก้าวก่อนที่จะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
ตอนนี้มีเงาร่างหนึ่งกำลังยืนบังหน้าเย่หยวนไว้
“เฮอะ! ไอ้พวกขยะไร้สมอง!”
จางเหอชินนั้นผงะไปทันทีที่ได้เห็นคนผู้นี้ “เจ้าโลกหยุนชาง!”
เขาผู้นี้คือผู้บ่มเพาะชาวมนุษย์ ยอดเจ้าโลกหยุนชาง!
เขานั้นอดไม่ได้และต้องลงมือออกมา
เจ้าโลกหยุนชางนั้นกล่าวขึ้นด่า “พวกเจ้าโง่! หากเจ้าคิดรนหาที่ตายเองมันย่อมจะไม่มีใครสนใจแต่นี่เจ้าคิดจะลากคนมากมายลงไปตายกับเจ้าด้วยหรือ?”
พวกจางเหอชินได้แต่ต้องทำหน้าเหยเกเมื่อได้ยินเพราะว่าเจ้าโลกถูกคนด่าว่าโง่ซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันย่อมจะเสียหน้าอย่างไม่อาจกู้กลับ!
เขาร้องกลับไปด้วยใบหน้าแดงดำ “หยุนชาง เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? คนอย่างเจ้ามีสิทธิ์มาพูดเช่นนี้ต่อหน้านิกายสวรรค์ทำนองอเวจีหรือ?”
เจ้าโลกหยุนชางได้แต่ต้องส่ายหัวกล่าวขึ้น “นิกายสวรรค์ทำนองอเวจีของเจ้านั้นมันยิ่งใหญ่ทรงพลังมาก
แต่เทียบกับค่ายสำนักจากทุกสวรรค์แล้วเจ้าคิดว่ามันยิ่งใหญ่มากหรือ? เจ้าคิดว่าการเดินทางครั้งนี้มันมีเจ้าโลกเข้ามาด้วยกี่คน? เจ้าคิดว่ามันจะไม่มียอดฝีมือล้ำสวรรค์ลอบเข้ามาเลยหรือ? ที่ข้าออกมาด่าเจ้าให้นี้ก็เพราะเห็นแก่หน้าเจ้า!
ไม่เช่นนั้นแล้วหากเป็นคนอื่นพวกเจ้าคงได้ตายอย่างไม่ทันรู้ตัวแน่!”
จางเหอชินที่ได้ยินก็ต้องหน้าซีดขาวลงมองดูคนรอบๆ ทันที
แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็ไม่เห็นมีเจ้าโลกอยู่สักคน
เพราะสิ่งที่เขาทำนั้นมันเป็นสิ่งที่ล้ำเส้นไปมาก
เขานั้นยอมที่จะเสี่ยงชีวิต แต่ว่าเจ้าโลกคนอื่นๆ จะยอมเสี่ยงกับเขาด้วยหรือไม่?
ที่คนทั้งหลายยังไม่ออกมานั้นมันย่อมจะเพราะว่าพวกเขายังไม่คิดว่ามันถึงเวลาลงมือ
แต่ต่อให้จะเป็นยอดฝีมือล้ำสวรรค์แล้วมันก็ยังไม่แน่ว่าจะออกจากค่ายกลสวรรค์นี้ไปได้!
“พวกเจ้ามันโง่! ฝีมือมีไม่เท่าคนอื่นก็แค่ยอมรับและขอโทษไปเสีย! ตอนนี้สหายหนุ่มเย่นั้นคือความหวังเดียวของเรา เจ้ากลับกล้าโจมตีเขา? หากพวกเจ้าคิดสังหารเขาจริงๆ ก็ได้! ครั้งนี้ข้าจะไม่ออกมาช่วยพวกเจ้าแล้ว ถึงเวลานั้นรอดูเอาเถอะว่าหัวของพวกเจ้านั้นจะยังติดอยู่บนบ่าได้หรือไม่!” เจ้าโลกหยุนชางกล่าวขึ้น
เจ้าโลกทั้งเจ็ดนั้นได้แต่ต้องทำหน้าเหยเก
แต่ได้ยินคำพูดของเจ้าโลกหยุนชางนั้นพวกเขาก็ได้สติกลับขึ้นมาทันที
เมื่อได้เห็นคนทั้งเจ็ดเงียบปากไปหยุนเซียงก็กล่าวขึ้น “ทำไมเล่า? ไม่พูดแล้ว? หากเจ้าไม่พูดก็วางความอวดดีโง่ๆ นั่นลงเสีย! ทำตามที่สหายหนุ่มเย่บอก!”
พูดจบเขาก็หันมายิ้มกล่าวกับเย่หยวน “สหายหนุ่มเย่ ถือว่าเห็นแก่หน้าเฒ่าคนนี้ เจ้าช่วยสงบจิตสงบใจลงหน่อยได้หรือไม่? หากเจ้ายังไม่พอใจข้าจะไปสั่งสอนพวกมันให้ถึงกระดูกเอง!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าย่อมจะต้องไว้หน้าของผู้อาวุโสหยุนชาง แต่ตอนนี้ข้าลืมสิ่งที่ข้าได้วิเคราะห์ไปก่อนหน้าสิ้นเชิงแล้ว หากคิดจะวิเคราะห์ค่ายกลนี้มันก็ต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรก!”
“ไอ้สัตว์นรกเจ้าโกหกหน้าด้านๆ!” จางเหอชินร้องขึ้น
เจ้าโลกทั้งหกนั้นแทบจะสิ้นสติไปเมื่อได้ยิน
ส่วนตัวเจ้าโลกหยุนเซียงนั้นยิ้มกว้างขึ้นมาทำแกล้งตายอยู่ไม่ไกล
ตอนนี้นางบาดเจ็บสาหัสและไม่อาจจะเข้าไปทดสอบพลังค่ายกลใดๆ ได้
การต้องบุกเข้าค่ายกลไปแบบนั้นมันเจ็บปวดไม่น้อย
“หา?” เจ้าโลกหยุนชางหันมาด้วยความไม่พอใจ
จางเหอชินและพวกต้องก้มหน้าลงหลบทันที
เย่หยวนก้าวออกมาและชี้มือสั่งจุดตำแหน่ง “ผู้อาวุโสทั้งหลายเชิญ!”
จางเหอชินกัดฟันแน่นขึ้น “ไอ้หนู ข้าจะจำมันไว้ให้ขึ้นใจ!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป
หนึ่งชั่วโมงต่อมาคนทั้งหลายก็กลับมาด้วยใบหน้าเขียวช้ำ
แต่เย่หยวนนั้นกลับยังไม่ได้เริ่มทำอะไร
“ไอ้หนู เรากลับออกมาจากค่ายกลแล้วทำไมเจ้ายังไม่เริ่มเขียนอีก?” จางเหอชินกล่าวขึ้น
“ข้าชี้จุดผิดไปหน่อย ตอนนี้ข้าเลยยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไร พวกเจ้าเข้าไปอีกรอบเถอะนะ” เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป
ตูม!
ตูม!
ตูม!
คลื่นพลังหกสายปะทุขึ้นพร้อมๆ กัน
เจ้าโลกทั้งหกนั้นกำลังคับแค้นสุดใจ
“ไอ้หนู เจ้ากล้าปั่นหัวพวกเราเล่น?” จางเหอชินตวาดขึ้น
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ใช่ ข้าแกล้งพวกเจ้าเล่น พวกเจ้ามีอะไรจะขัด? พวกเจ้าหาเรื่องข้ามาเป็นวันๆ ข้าจะหาเรื่องพวกเจ้ากลับไม่ได้?”
“ข้าจะสังหารเจ้าลงเสีย!” จางเหอชินร้องลั่นขึ้นด้วยความโกรธ
เขานั้นคับแค้นอย่างสุดหัวใจ
“ฮึ่ม!” ในเวลานั้นเองที่เจ้าโลกหยุนชางได้ส่งเสียงขึ้นมาดับความโกรธของคนทั้งหกลง
“ไอ้หนู จำไว้ให้ดีเถอะ!” จางเหอชินร้องลั่นก่อนจะเดินเข้าค่ายกลอีกครั้ง
เมื่อคนทั้งหกเดินหายไปเย่หยวนก็หยิบเอาหินขึ้นมาขีดเขียนบนพื้นอีกครั้ง
และรายละเอียดนั้นมันเหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน
คนที่ได้เห็นนั้นต่างต้องยิ้มแห้งๆ ออกมา
“หึๆ เรื่องในวันนี้มันได้เปิดหูเปิดตาข้าจริงๆ! มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์นั้นกลับปั่นหัวเจ้าโลกหกคนเหมือนเป็นแค่ตัวตลก!”
“หากเจ้าโลกทั้งหกกลับมาเห็นสิ่งที่เย่หยวนเขียนตอนนี้แล้วพวกเขาคงต้องกระอักเลือดแน่ใช่ไหม?”
“เฮ้อ เจ้าโลกจางเหอชินนั้นใจร้อนเกินไป! หากเขายั้งมือไว้หน่อยแล้วรอให้เจ้าโลกหยุนเซียงถูกซัดออกมาจากค่ายกลก่อนมันจะยังมีปัญหาเช่นนี้หรือ? ทีนี้มันยิ่งเสียหน้าหนักเท่านั้น!”
…
คนทั้งหลายเริ่มจะเห็นใจพวกจางเหอชินทั้งหลายขึ้นมา
เพราะตอนนี้แม้แต่เจ้าโลกหยุนชางเองก็ต้องยิ้มแห้งๆ มองดูภาพตรงหน้า และก็คิดว่าดีแล้วที่เขาไม่ได้ออกมาด้วย
ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงมีสภาพไม่ต่างกัน!
‘ก่อนออกจากค่ายกลสวรรค์นี้ข้าจะไม่มีทางทำให้เจ้าเด็กนี่ไม่พอใจเด็ดขาด!’
เจ้าโลกหยุนชางนั้นสาบานขึ้นในใจ
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงคนทั้งหกก็กลับออกมาด้วยสภาพน่าสมเพชไม่ต่างจากเดิม
เมื่อจางเหอชินได้เห็นสิ่งที่เขียนอยู่บนพื้นนั้นเขาก็ต้องผงะไป
แต่ตอนนี้เขากลับไม่อาจจะโกรธได้อีกแล้ว!
เขานั้นเป็นคนหัวร้อนมือเร็ว และตอนนี้ในอกของเขามันก็มีความคับแค้นสะสมจนไม่รู้จะไประบายออกที่ใดแล้ว!