“สำเร็จ! มันสำเร็จได้จริงๆ!”
“เจ้าโลกหยุนเซียงนั้นพ่ายแพ้อย่างไม่มีอะไรจะอ้างได้แล้วครั้งนี้!”
“ไม่นึกเลยว่าเย่หยวน มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์น้อยคนหนึ่งกลับจะเอาชนะเจ้าโลกลงได้จริงๆ!”
“แต่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? คนทั้งสองนั้นมันอยู่คนละชั้นกันสิ้นเชิงแท้ๆ ทำไมเย่หยวนถึงยังมีปัญญาเอาชนะได้? ข้าไม่เข้าใจ!”
…
เย่หยวนเดินกลับออกมาจากค่ายกลรองนั้นพร้อมด้วยสมบัติในมือทำให้คนมากมายต้องร้องขึ้นอย่างแตกตื่น
นี่มันคือการประกาศชัยชนะของเย่หยวนต่อเจ้าโลกหยุนเซียง
ตอนนี้ตัวเจ้าโลกหยุนเซียงนั้นได้แต่ต้องนั่งมองหน้าเย่หยวนอย่างเหม่อลอย
นางกลับพ่ายแพ้ให้มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์ในการประลองซึ่งหน้า!
นี่มันคือความจริงที่นางไม่อาจจะรับไว้ได้
ราวกับว่าเวลาหลายปีตลอดชีวิตที่ผ่านมาที่นางทุ่มเทไปกับเต๋าค่ายกลนั้นมันกลายเป็นเรื่องตลก!
นางนั้นศึกษาเต๋าค่ายกลมานานกี่ปีกันแล้ว?
แล้วเย่หยวนนั้นอายุเท่าไหร่?
เมื่อมาเทียบกันแล้วทำไมยังเกิดช่องว่างความห่างชั้นขนาดนี้?
“ทำไม? ทำไมมันเป็นเช่นนี้ไป?” หยุนเซียงนั้นกล่าวขึ้นมาเหมือนคนเสียสติ
“ค่ายกลสวรรค์นั้นมันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด! ส่วนประกอบของค่ายกลนั้นแยกออกเป็นเต๋านับไม่ถ้วน! ความรู้ที่สะสมไว้นี้มันยิ่งใหญ่เหนือล้ำฟ้าดิน! และส่วนประกอบค่ายกลทั้งเก้านั้นคือรากฐานของทุกๆ ค่ายกลบนโลกหล้า! เจ้าโลกชีฟางนั้นแค่สรุปมันลงมาเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่ายทำให้เกิดยอดเต๋านี้ แต่มันก็เพราะเช่นนี้ที่หลายๆ ครั้งมันไม่ได้อธิบายถึงส่วนลึกต่างๆ มันยิ่งทำให้การเรียนรู้นั้นยากเย็นกว่าเก่า แถมแก่นสารของค่ายกลสวรรค์นั้นมิใช่ตัวมหาค่ายกลแต่เป็นส่วนประกอบทั้งเก้านั้น!” เย่หยวนกล่าวขึ้น
หยุนเซียงสั่นสะท้านไปทั้งกายเมื่อได้ยิน นางต้องเบิกตากว้างขึ้นมามองอย่างไม่อยากเชื่อ
ดูท่าแล้วคำพูดของเย่หยวนนี้มันคงทำให้นางได้สติกลับมา
ได้รู้ก็เรื่องหนึ่ง แต่จะเข้าใจหรือไม่นั้นมันก็อีกเรื่องหนึ่งสิ้นเชิง
หยุนเซียงนั้นบ่มเพาะเต๋าค่ายกลมาอย่างลึกล้ำ แต่ว่าค่ายกลสวรรค์นี้กลับมิใช่สิ่งที่นางจะเข้าใจได้ในเวลาสั้นๆ
นั่นทำให้เกิดช่องว่างระหว่างตัวนางและเย่หยวนขึ้นมา
ค่ายกลสวรรค์นี้มันยิ่งใหญ่พอจะให้นางใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิตศึกษา!
“ข้า…แพ้แล้ว!” หยุนเซียงกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มขมขื่น
เย่หยวนเดินเข้ามาตบบ่าของนางก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้านั้นเก่งกาจ ค่ายกลสวรรค์นี้มันอาจจะเป็นโอกาสที่จะช่วยเจ้าบรรลุพ้นโซ่ตรวนได้ ศึกษามันให้ดีเถอะวันหน้าเจ้าอาจจะก้าวขึ้นไปเป็นถึงยอดเจ้าโลกได้ไม่ยากเย็น”
ภาพนี้มันดูแปลกไม่ว่าจะในสายตาของใคร
เพราะคำพูดนี้มันคือคำพูดที่ผู้ใหญ่ใช้สั่งสอนตักเตือนเด็กรุ่นหลัง
แต่ว่าคนที่กล่าวขึ้นนั้นมันกลับเป็นแค่มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์และคนที่รับฟังกลับเป็นเจ้าโลก มันเลยเป็นภาพที่แปลกไม่ว่าจะมองในมุมใดก็ตาม
แต่คนทั้งหลายก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะขึ้นมา!
เพราะว่ามหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์ตัวน้อยคนนี้เอาชนะเจ้าโลกลงได้จริง!
ชนะอย่างตรงไปตรงมา!
จากนั้นไปมันก็เหมือนกลายเป็นการแสดงของเย่หยวนคนเดียว
เจ้าโลกหยุนเซียงนั้นไม่สนใจอาการบาดเจ็บและตามติดเย่หยวนไปเหมือนเป็นแค่คนรับใช้
เหมือนที่เย่หยวนว่าไว้ ค่ายกลสวรรค์นี้มันคือโอกาสดีของนางอย่างไม่ต้องสงสัย!
ต่อให้นางจะเข้าใจมันได้แค่หนึ่งในหมื่นแต่มันก็คงเป็นประโยชน์ให้นางไปชั่วชีวิต
ค่ายกลสังหารอันดับหนึ่งบนสวรรค์นั้นมันย่อมจะไม่ได้ชื่อนี้มาเล่นๆ
เย่หยวนเองก็ไม่ได้คิดจะเก็บความรู้ความเข้าใจไว้กับตัว แม้ว่าเขานั้นจะไม่ถูกหน้ากับเจ้าโลกทั้งหลายที่ปรากฏตัวออกมาชุดแรกแต่ว่าหายนะเผ่าเลือดมันก็ใกล้เข้ามาถึงทุกที หากพวกเขาสามารถจะพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้มันก็จะกลายเป็นกำลังรบให้ในภายหลัง
ภาพที่แสนแปลกประหลาดนี้มันจึงปรากฏแก่สายตาทุกผู้คน
หยุนเซียง เจ้าโลกค่ายกลสวรรค์คนนี้กลับเดินตามหลังเย่หยวนคอยรับฟังคำสอนอย่างกับเป็นศิษย์คนหนึ่งทำให้คนทั้งหลายอดอ้าปากค้างขึ้นไม่ได้
และการพัฒนาของหยุนเซียงนั้นมันก็ชัดเจนแก่สายตาคน
สามปีจากนั้นหยุนเซียงก็พัฒนาฝีมือไปได้อย่างก้าวกระโดดและบรรลุเจ้าโลกระดับสูงขึ้นมาในที่สุด!
เจ้าโลกคนอื่นที่ได้เห็นนั้นต้องกัดฟันอย่างอิจฉา
“เก่งกาจ! ไม่นึกเลยว่าเจ้าโลกหยุนเซียงนั้นกลับจะได้ทุกขลาภมาเช่นนี้ สามารถบรรลุขึ้นมาได้ในเวลาไม่กี่ปี!”
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าโลกหยุนเซียงนั้นติดคอขวดนี้มานานนับแสนปีแล้ว!”
“เย่หยวนมันจะเก่งไปไหน? เขากลับสามารถเปลี่ยนเจ้าโลกธรรมดาๆ คนหนึ่งให้กลายเป็นเจ้าโลกระดับสูงได้!”
“แต่จะว่าไปแม้การพัฒนาของเจ้าโลกหยุนเซียงนั้นจะยิ่งใหญ่ แต่มันก็ยังห่างชั้นจากเย่หยวนมากนัก! เพราะตั้งแต่ครึ่งปีก่อนนั้นดูท่านางจะเริ่มไม่ค่อยเข้าใจคำสอนเต๋าค่ายกลของเย่หยวนอีกต่อไปแล้ว!”
…
หลังจากที่นางบรรลุขึ้นมาคนทั้งหลายที่ได้เห็นก็ต้องร้องขึ้นตามๆ กัน
ไม่มีใครคิดว่าสุดท้ายแล้วคนที่โชคดีที่สุดมันจะกลายเป็นเจ้าโลกหยุนเซียงคนนี้
แต่ครั้งปีก่อนนั้นเจ้าโลกหยุนเซียงก็เริ่มต้องขมวดคิ้วแน่นไปเมื่อฟังคำสอนของเย่หยวน
ดูท่าแล้วนางคงเริ่มไม่เข้าใจสิ่งที่เย่หยวนพูดแล้ว
มหาค่ายกลนี้มันยิ่งเข้าไปลึกก็ยิ่งซับซ้อนยากยิ่ง
มันสร้างขึ้นมาจากแค่เก้าส่วนประกอบแต่มันกลับลึกล้ำผสมผสานกันอย่างซับซ้อน
ในวันนี้เย่หยวนก้าวออกมาจากค่ายกลรองพร้อมด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ร่างกายของเขานั้นมันเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยพลังคลื่นกำเนิด
เจ้าโลกหยุนชางนั้นต้องเบิกตากว้างร้องขึ้นมา “เจ้าเด็กนี่กลับสำเร็จคลื่นกำเนิดเต๋าค่ายกลได้แล้ว! มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์กลับสำเร็จสองคลื่นกำเนิดได้ นี่มันสัตว์ประหลาดพันธุ์ไหนกัน?”
เมื่อยอดอัจฉริยะจากทั่วทุกสวรรค์ได้เห็นเช่นนี้พวกเขาก็ต้องก้มหน้าลงอย่างอับอาย
การสำเร็จคลื่นกำเนิดสำหรับพวกเขานั้นมันมิใช่เรื่องเกินมือ
แต่คนทั้งหลายที่สำเร็จคลื่นกำเนิดได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์สิ้น
ไม่มีใครสามารถจะสำเร็จคลื่นกำเนิดได้ตั้งแต่อาณาจักรมหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์
ไม่ต้องพูดถึงว่าสำเร็จสองอย่างใดๆ นี้เลย
“เฮ้อ ข้ามันเป็นแค่กบในกะลาจริงๆ! ข้าก็คิดไปว่าตัวเองนั้นเป็นยอดอัจฉริยะล้ำฟ้าดิน! วันนี้ข้ายอมรับแล้วจริงๆ ว่าเหนือฟ้ามันมีฟ้า!”
“เจ้าบ้านี่มันมีสมองกี่ลูกกัน? ทำไมมันถึงวิเคราะห์เข้าใจเต๋าได้มากมายขนาดนี้?”
“เหนือฟ้ายังมีฟ้า!”
…
เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นต่างหลงตัวเองไม่ยอมแพ้ใคร
ต่อให้จะเป็นคนอย่างหยางชิงนั้นพวกเขาก็ยังไม่คิดจะยอมรับ
แต่พวกเขานั้นต้องยอมรับเย่หยวนอย่างสุดหัวใจ
เจ้าบ้านี่มันคือสัตว์ประหลาดโดยแท้!
ลืมเรื่องการเอาชนะคนรุ่นเดียวกันไปได้เลยเพราะเขานั้นสอนได้แม้แต่เจ้าโลกระดับสูง!
เย่หยวนนั้นนั่งลงและเริ่มทบทวนเต๋าค่ายกลที่เขาได้สำเร็จมานี้
เจ็ดวันจากนั้นเขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้าแสนสดใส
“สหายหนุ่มเย่ เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าคิดว่าจะพาพวกเรากลับออกไปได้หรือยัง?” เจ้าโลกหยุนชางเดินเข้ามาถาม
เย่หยวนส่ายหัวตอบกลับไป “ยังไม่ได้! เพราะว่าวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตทั้งหมดนี้มันถูกวางไว้ในค่ายกลสวรรค์!
แต่ด้วยความรู้ความเข้าใจของข้าตอนนี้เราคงสามารถเดินไปภายในมหาค่ายกลได้อย่างไม่เป็นอันตรายใดๆ”
เจ้าโลกหยุนชางนั้นต้องผงะไปทันทีเพราะเพิ่งเป็นเวลานี้ที่เขาได้รู้ว่ามหาค่ายกลนี้มันใหญ่โตแค่ไหน!
เช่นนั้นชีวิตของพวกเขาคงตกอยู่ในมือเย่หยวนสิ้นแล้ว?
“เย่หยวน เจ้าคิดจงใจทำ?” จางเหอชินกล่าวขึ้นแทรก
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “หากเจ้ายังพูดมากไร้สาระอีกเจ้าเชื่อหรือไม่เล่าว่าข้าสังหารเจ้าลงได้ในพริบตา?
ตอนนี้การสังหารเจ้านั้นมันง่ายเสียยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือสำหรับข้า!”
จางเหอชินนั้นหน้าถอดสีไป เขาย่อมจะไม่คิดชื่อแต่เขาก็ไม่กล้าจะลอง
หยุนเซียงกล่าวขึ้นมาขัด “จางเหอชิน หากเจ้ายังทำตัวเช่นนี้กับสหายหนุ่มเย่ข้านี่แหละจะช่วยจัดการเจ้าให้เอง!”
จางเหอชินนั้นร้องลั่นตวาดออกไป “นังมารร้าย เจ้าจะหลงตัวเองเกินไปแล้ว! เจ้าคิดว่าแค่บรรลุระดับสูงมาได้แล้วเจ้าจะเทียบเคียงกับข้าได้หรือ?”
จางเหอชินเป็นเจ้าโลกระดับสูงมาแต่แรก นั่นทำให้เขาก้าวขึ้นมาทำตัวเหมือนเป็นหัวหน้าคนทั้งเจ็ดในตอนแรก
แต่ตอนนี้หยุนเซียงกลับมีพลังบ่มเพาะก้าวขึ้นมาเทียบเคียงเขาได้แล้ว
หยุนเซียงยิ้มตอบกลับไป “จางเหอชิน ข้าขอแนะนำว่าเจ้าควรทำตัวสงบๆ หน่อยดีกว่า ไม่เช่นนั้นหากเจ้าบังคับมือสหายหนุ่มเย่แล้ว เจ้าจะไม่ทันได้รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายเพราะอะไร! เจ้าคิดว่าเจ้าโลกระดับสูงมันทรงพลังมากในที่แห่งนี้หรือ?”
เจ้าโลกหยุนชางนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างรำคาญ “พอได้แล้ว! เลิกเถียงไร้สาระกันเสียที เดินหน้าต่อเถอะ!”
ภายใต้การนำของเย่หยวน สุดท้ายพวกเขาก็เดินผ่านสวนขนาดใหญ่เข้ามาถึงหมู่ตึกของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต!