ใต้เงาต้นไม้ใหญ่ท่ามกลางแสงจันทร์เพ็ญ
เยวี่ยเมิ่งลี่มองดูใบหน้าของเย่หยวนที่อยู่ข้างกายด้วยความปวดร้าวในหัวใจไม่น้อย
เพราะชายคนนี้แบกรับอะไรไว้มากมายเหลือเกิน
แต่นางนั้นกลับไม่อาจจะช่วยแบ่งเบาอะไรเขาได้แม้แต่น้อย
หลังจากที่เย่หยวนกลับมาถึงสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นเขาก็ออกไปรับพวกเยวี่ยเมิ่งลี่มา
ด้วยรากฐานของนิกายยาสุดล้ำที่ตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นนิกายของเย่หยวนไปแล้ว กอปรกับพลังของภาพวาดเต๋าสวรรค์นั้นเยวี่ยเมิ่งลี่ ลู่เอ๋อ อิ้งหมัวหู่และคนสนิททั้งหลายของเขานั้นต่างก้าวขึ้นมาถึงมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ได้ไม่ยากเย็นนัก
เพียงแค่ว่าในสงครามครั้งนี้กำลังเพียงแค่นั้นมันอ่อนแอจนเกินกว่าจะช่วยเหลืออะไรได้
เพราะนี่มันคือสงครามของเจ้าโลก!
คนรู้จักอยู่ด้วยกันมานานหลายต่อหลายปีมีหรือที่เยวี่ยเมิ่งลี่จะไม่เข้าใจว่าตอนนี้เย่หยวนกำลังคิดอะไรอยู่?
“พี่หยวน พี่หลินเสวียนั้นเป็นคนโชคดีมีสวรรค์คุ้มครอง นางต้องไม่เป็นไรแน่” เยวี่ยเมิ่งลี่กล่าวขึ้นมา
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องผงะไปก่อนจะถอนใจยาว “พี่ก็หวังเช่นนั้น! ตอนที่นางออกเดินทางไปนั้นนางช่างอ่อนแอจนเกินไป ภายใต้หายนะของเผ่าเลือดนี้นาง…”
เย่หยวนนั้นไม่กล้าจะพูดต่อไป
เพราะในหายนะที่กลืนกินทุกสวรรค์นี้นักยุทธพลังบ่มเพาะอาณาจักรจักรพรรดิทั่วๆ ไปได้แต่ต้องนั่งรอความตาย
มีเพียงคนที่ก้าวขึ้นมาถึงมหาจักรพรรดิได้เท่านั้นที่พอจะปกป้องตัวเองได้บ้าง
แต่มันก็แค่ปกป้องตัวเองได้บ้าง
เยวี่ยเมิ่งลี่นั้นถอนใจยาวกล่าวขึ้น “เฮ้อ พี่หลินเสวียนั้นมีชีวิตที่ลำบากจริงๆ หวังว่านางจะไม่เป็นอะไร”
เย่หยวนหันมามองหน้าเยวี่ยเมิ่งลี่
ความงามของนางนั้นมันถูกแสงจันทร์เพ็ญนี้ขับออกมาจนถึงที่สุด
เมื่อถูกเย่หยวนมองเช่นนั้นใบหน้าของเยวี่ยเมิ่งลี่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนจะเม้มปากกล่าวขึ้นมาด้วยความเขินอาย “พี่หยวน ท่านมองหน้าข้าอะไรขนาดนั้นเล่า?”
แม้ว่าจะบอกว่าเขินอายแต่มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายกว่านั้นนัก
เพราะว่าดวงตาของเย่หยวนนั้นมันเปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดู
หลายปีที่ผ่านมานี้ภาระที่เย่หยวนแบกรับไว้มันมีแต่จะเพิ่มพูน!
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่เคยจะใช้สายตาเช่นนี้กับใครมาก่อน
เย่หยวนถอนใจสั้นๆ ออกมา “ลี่เอ๋อ หลายปีมานี้พี่โชคดีจริงๆ ที่ยังมีเจ้า! พี่ติดค้างเจ้ามากนัก!”
เยวี่ยเมิ่งลี่ส่ายหัวตอบกลับไป “ลี่เอ๋อนั้นอ่อนแอลงทุกวันจนไม่อาจจะช่วยงานอะไรพี่หยวนได้อีกแล้ว! หลายปีมานี้ท่านต่างหากที่ต้องลำบากที่สุด”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้ารู้ว่าพี่มีภาระให้แบกรับมากมายแต่หากไม่มีเจ้าคอยอยู่ประคองหลังพี่แล้วพี่ก็คงไม่อาจจะเดินมาได้จนถึงทุกวันนี้ พี่แบกรับภาระไว้มากมาย แต่เจ้าก็ช่วยประคองพี่ไว้มิใช่หรือ?”
หญิงคนนี้เป็นคนที่เห็นอกเห็นใจและเข้าใจสถานการณ์จนบางครั้งทำให้เย่หยวนลืมไปว่ามีนางคอยช่วยเหลืออยู่ข้างกาย
การเดินทางมาจนถึงวันนี้เขานั้นชดใช้หนี้บุญคุณของตน หนี้บุญคุณของมู่หลินเสวีย
แต่ยิ่งเขาชดใช้มันออกไปเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งติดค้างหญิงงามคนนี้มากขึ้นเท่านั้น
“ลี่เอ๋อ หลังจบศึกครั้งนี้แล้วพี่จะแต่งงานกับเจ้า!” เย่หยวนกล่าวขึ้น
เยวี่ยเมิ่งลี่นั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายเงยหน้ามองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
คำพูดนี้มันคือคำสั่งที่มิใช่คำขอแต่งงานใดๆ!
แต่มันกลับช่างฟังดูไพเราะราวเสียงสวรรค์สำหรับนาง!
นางนั้นรอคำพูดนี้มานานจนเกินกว่าจะนับได้!
เมื่อเย่หยวนกล่าวมันขึ้นมานางจึงคิดว่าตัวเองหลับฝันไป
เยวี่ยเมิ่งลี่นั้นนั่งนิ่งอ้าปากค้าง ความแดงก่ำบนใบหน้านั้นมันไม่อาจจะปกปิดได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด
“ยศถาบรรดาศักดิ์ ทรัพย์สินเงินทองนั้นมันเป็นเหมือนแค่เมฆหมอกสำหรับพี่ แต่เพื่อหญิงของพี่แล้วพี่จะทำทุกอย่างให้นางได้มีความสุข! หลังจบศึกวันนี้ไปพี่จะประกาศต่อทั้งโลกว่าพี่จะแต่งงานกับเจ้า! พี่จะให้คนทั้งโลกหล้านั้นได้เข้าใจว่าเจ้านั้นคือคนรักของพี่!”
เยวี่ยเมิ่งลี่ที่ได้ยินนั้นแทบจะละลายลงไปตรงนั้น
นางรู้ว่าเย่หยวนนั้นเป็นคนไม่ชอบพิธีการใหญ่โตให้เป็นที่จับตามองของผู้คน
แต่เพื่อนางแล้วเขาพร้อมที่จะทำเรื่องยุ่งยากทั้งหลายนั้นจนทำให้ทุกสวรรค์ต้องแตกตื่น!
นางรู้ว่าเย่หยวนนั้นเอาใจนางเพื่อจะตอบแทนที่นางคอยช่วยเหลือเขามาตลอด
มาจนถึงอาณาจักรมหาจักรพรรดิแล้ว ความรักความชอบใดๆ มันย่อมจะกลายเป็นแค่เมฆหมอกไม่อาจสัมผัสถึงมันได้อีก
สำหรับนักยุทธทั่วๆ ไปแล้วมันคือความรู้สึกที่พวกเขาลืมเลือนไปสิ้นเชิง
แต่เย่หยวนนั้นกลับเดินสวนทางกับคนทั้งโลก เขานั้นจะประกาศงานแต่งนี้ให้คนทั้งโลกได้รู้ถึงมัน!
นางนั้นไม่อาจจะตอบอะไรและได้เพียงแค่พยักหน้ารับไป
ตอนนี้มันไม่ต้องมีเสียงตอบรับใดๆ!
ไม่ไกลออกไปนั้นมันก็มีเสียงพุ่มไม้ขยับไว้ดังขึ้นก่อนที่จะค่อยๆ เงียบหายไปลง
เยวี่ยเมิ่งลี่นั้นมองหน้าเย่หยวนก่อนจะถามขึ้น “พี่หยวน มัน…ทำเช่นนี้มันจะดีหรือ?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เช่นนั้นพี่จะไปเรียกพวกนางกลับมาแล้วแต่งพวกเจ้าพร้อมกันเลย?”
เยวี่ยเมิ่งลี่หรี่ตาลงร้องกลับไปด้วยความอิจฉาทันที “ไม่เอา!”
เย่หยวนที่ได้เห็นก็ต้องยิ้มตอบกลับไป “เช่นนั้นก็จะยังสนใจอะไรอีก? ให้พวกนางได้เจ็บทีเดียวไปเสียจะดีกว่าปล่อยให้คำตอบครึ่งๆ กลางๆ กัดกินหัวใจนัก”
เยวี่ยเมิ่งลี่ได้แต่ต้องถอนหายใจเมื่อได้ยิน
นางนั้นรู้ดีกว่าใครๆ ว่าเรื่องนั้นมันยากเย็นแค่ไหน!
เพราะชายคนนี้เป็นคนที่เจิดจ้าจนเกินไป!
หากเขาเข้าไปอยู่ในหัวใจใครแล้วมันยากนักที่จะลบเลือน
แต่ตัวเยวี่ยเมิ่งลี่นั้นกลับกำลังดีใจอย่างถึงที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นเฟิ่งชิงซวนหรือหยุนหนีพวกนางต่างเป็นยอดคนของสามสิบสามสวรรค์และยังเป็นนางงามที่ไร้ที่ติ!
ตัวนางในตอนนี้ช่างไร้ค่าหากเอาไปเทียบกับคนทั้งสองนั้น
แต่เย่หยวนกลับไม่เคยจะเปลี่ยนใจหวั่นไหวใดๆ แม้แต่น้อย
เพื่อตัวนางแล้วนั้นเขากลับเลือกจะหักอกอีกฝั่งตรงๆ อย่างไร้ปรานี
มีหรือที่นางจะไม่ปลื้ม?
แต่วินาทีต่อมามันกลับมีลมพัดไหวพร้อมด้วยจุดสีแดงสดลอยมาติดที่หน้าอกของเย่หยวนก่อนจะระเบิดออกขยายกินพื้นที่ของทั้งยอดเขาไป!
เบื้องหน้าของเย่หยวนในวินาทีนี้มันได้กลายเป็นสีแดงสดไปสิ้น
เย่หยวนที่ได้เห็นต้องกัดฟันแน่นใช้คลื่นกำเนิดห้วงมิติออกมาคิดทะลวงออกไป
แต่มันกลับไร้ผล!
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ว่ากฎแห่งเลือดรอบกายของเขานั้นมันกลืนกินกฎอื่นๆ ไปสิ้นเชิง ทำให้เขาไม่อาจจะเรียกพลังของห้วงมิติออกมาได้!
การเคลื่อนย้ายมิติของเขานั้นกลับไม่อาจจะทำได้!
เย่หยวนได้แต่ต้องกัดฟันแน่นเข้าใจได้ทันทีว่านี่มันคือเลือดต้นที่บริสุทธิ์ที่สุดของศิลาโลหิตโกลาหล!
เลือดของเผ่าเลือดนั้นเดิมทีมันย่อมจะมีพลังในการกัดกร่อนอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเลือดต้นของศิลาโลหิตโกลาหลแล้วยิ่งไม่ต้องถามถึง!
อย่างน้อยๆ ตัวเขาในตอนนี้ก็ไม่มีปัญญาจะจัดการมัน!
ตอนนี้ขนทุกเส้นบนร่างของเย่หยวนนั้นลุกตั้ง เขารู้ได้ทันทีว่าหายนะมาเยือนเขาแล้ว
“เลิกขัดขืนโง่ๆ เถอะ! เมื่อมหาค่ายกลโลหิตเมฆาถูกเปิดใช้งานแล้วอย่าว่าแต่เจ้า ต่อให้จะเป็นยอดฝีมือล้ำสวรรค์ก็ไม่มีทางออกไปไหนได้!” ชายหน้าบากคนหนึ่งเดินออกมาจากม่านหมอกเลือดนั้นพร้อมดาบเลือดในมือ
มันกลับเป็นถึงเจ้าโลก!
“ไม่นึกเลยว่าเพื่อสังหารมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์คนเดียวนี้เราถึงกับต้องใช้มหาค่ายกลโลหิตเมฆา! ไอ้หนู เจ้าไปภูมิใจในนรกได้เลย!” เสียงของคนอีกผู้ดังขึ้นจากอีกด้าน มันเป็นเจ้าโลกเช่นกัน!
“เย่หยวน เจ้าไม่ต้องหวังให้ใครมาช่วยเจ้าหรอก! มหาค่ายกลโลหิตเมฆานั้นมันเกิดขึ้นมาจากการใช้พลังงานเลือดของประคำขจัดเลือด นี่แห่งนี้มันคือโลกแห่งเลือด ตราบเท่าที่เลือดยังไม่หมดเจ้าก็ไม่มีทางหนีออกไปได้!”
เจ้าโลกคนที่สามนั้นปรากฏตัวขึ้นมา!
เผ่าเลือดนั้นกลับส่งเจ้าโลกสามคนมาเพื่อสังหารเย่หยวน!
ช่างเป็นการลงมือที่สุดโต่ง!
…
ตูม!
หมี่เทียนนั้นซัดหมัดเข้าตรงใส่หมอกเลือดตรงหน้าแต่กลับไม่อาจจะขยับเคลื่อนมันไปได้แม้แต่น้อย!
วินาทีที่เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเขาก็พุ่งตัวออกมาทันที
แต่ตอนนั้นเขาก็เห็นว่ามันมีหมอกเลือดสีแดงสดนั้นปกคลุมทั้งยอดเขาไปแล้ว!
นอกจากนั้นแม้จะด้วยกำลังของเขามันก็ยังไม่อาจจะขยับเคลื่อนหมอกเลือดนี้ได้แม้แต่น้อย!
เขาต้องทำหน้าเครียดออกมาอย่างไม่อาจห้าม!
“หมี่เจิ้น หลงเจี้ยน พวกเราทั้งหกโจมตีเข้าไปพร้อมกัน ทำลายหมอกเลือดนี้มันลงให้ได้!” หมี่เทียนกล่าวขึ้น
แต่ก่อนที่คนทั้งหกจะทันได้ลงมือไปนั้นมันก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
มันคืออี้เฉีย
“เลิกเสียเวลาเถอะ มหาค่ายกลโลหิตเมฆานั้นมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากพลังงานเลือดในประคำขจัดเลือด มันคือคลื่นกำเนิดเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลกนี้! หากมันถูกใช้งานออกมาแล้วเจ็ดวันจากนั้นมันย่อมจะไม่มีทางเลือนหายไปไหน! เตรียมตัวรับศพเย่หยวนมันได้เลย!” อี้เฉียกล่าวต่อหมี่เทียน
หมี่เทียนนั้นต้องทำหน้าเหยเกแต่เขาก็ยังไม่คิดเชื่อลงหาคนทั้งหกเข้าโจมตีหมอกเลือด
ตูม!
ทั้งนิกายยาสุดล้ำนั้นสั่นสะท้านไป
แต่หมอกเลือดมันกลับไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว!
หมี่เทียนใจหายวาบทันที!
อี้เฉียยิ้มขึ้นกล่าว “เย่หยวนนั้นมันเป็นเด็กที่เก่งกาจจริง แต่มันก็จบเท่านี้แหละ! วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดแล้ว!”