ในมหาค่ายกลโลหิตเมฆานั้นฉือชาง เยียวเลอและเหมิงจินสามเจ้าโลกเผ่าเลือดนั้นต่างมองดูหน้าเย่หยวนด้วยความเย้ยหยัน
ในความคิดของพวกเขานั้นเย่หยวนย่อมจะเป็นได้แค่เต๋าในโหล
พวกเขาทั้งสามนั้นคือยอดฝีมือแม้ในหมู่เจ้าโลกด้วยกัน
มาจัดการกับมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์นี้มันย่อมจะง่ายดายเกินไป
มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์และเจ้าโลกนั้นแม้จะห่างกันแค่หนึ่งอาณาจักรแต่มันคือตัวตนที่แตกต่างชั้นกันอย่างสิ้นเชิง
ไม่มีใครเคยก้าวข้ามความต่างนี้ขึ้นมาสู้กับเจ้าโลกได้มาก่อน!
ได้เห็นยอดฝีมือทั้งสามนั้นเยวี่ยเมิ่งลี่ก็หน้าซีดขาวลง
แต่ตอนนี้เย่หยวนก็กลับมาสงบจิตใจได้แล้ว
เขานั้นดึงดาบน้อยออกมาจากหว่างคิ้วก่อนจะถือมันไว้ในมือและยื่นไปใกล้ตัวเยวี่ยเมิ่งลี่
“ลี่เอ๋อ เจ้าเข้าไปซ่อนในมิติของดาบเต๋าก่อน”
แม้ว่าโลกภายในของเย่หยวนนั้นมันจะแตกสลายไปแล้วแต่การเปิดมิติภายในดาบเต๋าแค่เพื่อให้เยวี่ยเมิ่งลี่ได้ซ่อนตัวนั้นมันย่อมจะไม่ยากเย็นเกินไป
เยวี่ยเมิ่งลี่ได้แต่ต้องทำหน้าลังเลก่อนจะส่ายหัวตอบกลับไป “พี่หยวน หากท่านจะสู้กับมันข้าก็จะขอตายกับพี่ด้วย!”
เย่หยวนหันมายิ้มให้เยวี่ยเมิ่งลี่ “ทำไมพี่หยวนของเจ้าถึงจะยอมตายง่ายๆ เล่า? พี่บอกแล้วว่าจะแต่งงานกับเจ้า พี่ไม่มีทางคืนคำแน่นอน! มันแค่สามเจ้าโลกธรรมดาๆ ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวมากมายหรอก!”
เมื่อสามเจ้าโลกนั้นได้ยินพวกเขาก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้
“ฮ่าๆๆ ช่างเป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่ดีแท้! เย่หยวน เจ้านี่มันอย่างที่เขาลือกันจริงๆ ไอ้คนขี้โม้! คิดจะปลอบใจนังเด็กน้อยมันแต่เจ้าไม่คิดว่าคำพูดเช่นนี้มันจะฟังดูโง่เกินไปหรือ?” ฉือชางกล่าวขึ้น
“ก่อนๆ มานั้นบรรพบุรุษท่านคิดว่าเจ้านั้นไม่ได้เก่งกาจมากมายจึงไม่ได้คิดลงมือสังหารเจ้าเป็นจริงเป็นจัง แต่ครั้งนี้ในเมื่อเราออกมาเองแล้วเจ้ายังคิดว่าจะรอดไปได้? แค่สามเจ้าโลกธรรมดาๆ? ฮ่าๆ วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสพลังของเจ้าโลกเอง!” เยียวเลอกล่าวขึ้นตาม
เท่านี้มันก็ยิ่งทำให้เยวี่ยเมิ่งลี่กังวลกว่าเก่า
เจ้าโลกนั้นมิใช่เรื่องตลก!
หากอีกฝ่ายนั้นเป็นมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์หรือแม้แต่ยอดฝีมือคลื่นกำเนิดนับสิบๆ เยวี่ยเมิ่งลี่ก็ยังไม่คิดจะกังวลแม้แต่น้อย
แต่ต่อหน้าเจ้าโลกนั้นต่อให้จะเป็นเจ้าโลกที่อ่อนแอแค่ไหนมันก็ยังเป็นเจ้าโลก ตัวตนที่เย่หยวนในตอนนี้ไม่อาจจะก้าวขึ้นไปถึงได้!
เย่หยวนหันมายิ้มปลอบใจให้แก่นาง “สบายใจได้น่า พี่เคยโกหกเจ้าหรือ? ในเมื่อมันกล้ามาพี่ก็จะทำให้มันไม่ได้กลับไปแน่นอน!”
ใบหน้าสบายๆ ของเย่หยวนนั้นทำให้เยวี่ยเมิ่งลี่สงบใจลงได้บ้าง
มาถึงขนาดนี้แล้วต่อให้อยากจะหนีมันก็คงหนีไม่ได้ มันมีแต่สู้หรือตายเท่านั้น
จะบอกว่าขอตายด้วยมันย่อมจะเป็นได้แค่เรื่องตลก
เพราะนางรู้ตัวดีว่าการที่นางอยู่สู้ด้วยกันนั้นมีแต่จะเป็นภาระให้แก่เย่หยวน
คิดได้เช่นนั้นนางก็พยักหน้ารับมุดตัวเข้ามิติของดาบเต๋าไป
ในมหาค่ายกลโลหิตเมฆานี้มันไม่มีที่ไหนปลอดภัยไปกว่าในดาบเต๋าแล้ว
เพราะหากเย่หยวนยังไม่ตาย มันก็จะไม่มีใครเข้าถึงตัวเยวี่ยเมิ่งลี่ได้
สามเจ้าโลกเองก็ไม่คิดจะห้ามเย่หยวนใดๆ ปล่อยให้เย่หยวนได้ทำตามใจชอบไป
เพราะพวกเขานั้นมั่นใจว่าจะสามารถสังหารเย่หยวนได้ในฝ่ามือเดียว
ฉือชางยิ้มกล่าวขึ้น “เอาล่ะ โม้กันจบแล้วเราก็จะได้จบเรื่องกันเสียที!”
เขานั้นกำลังจะเข้าโจมตีแต่กลับถูกเหมิงจินห้ามไว้ก่อน “อย่าเพิ่งน่า จะอย่างไรเสียเราก็ต้องติดอยู่ในนี้เจ็ดวัน ฆ่ามันไปในกระบวนท่าเดียวนั้นจะน่าเบื่อไปไหมเล่า? ไปเล่นกับมันเสียหน่อยจะไม่ดีกว่าหรือ?”
ฉือชางที่ได้ยินต้องผงะไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มตอบไป “เอาสิ”
เหมิงจินมองดูหน้าเย่หยวนก่อนจะขยับตัวหายไปทันควัน
เย่หยวนนั้นได้แต่ต้องทำหน้าเหยเกเพราะสัมผัสได้ถึงอันตรายจากรอบด้านแต่ไม่รู้ว่ามันมาจากทางไหนกันแน่!
สายตาของเขานั้นไม่อาจจะมองตามอีกฝ่ายได้เลย
นี่มันคือครั้งแรกที่เขาได้ปะทะกับเจ้าโลกตรงๆ!
เขานั้นได้รู้ซึ้งถึงพลังของเจ้าโลกเป็นครั้งแรก!
ส่วนฉือชางและเยียวเลอทั้งสองคนนั้นต่างยืนมองดูเฉยๆ ราวกับไม่คิดสนใจจะลงมือ
วินาทีเดียวกันนั้นเย่หยวนก็ต้องขนลุกตั้งไปทั้งร่างเพราะสัมผัสได้ถึงความตายจากด้านหลัง
เขารีบปล่อยปราณเทวะโกลาหลออกมาสุดกำลังและหันหลังกลับไปเตรียมรับการโจมตี
“ฮ่าๆ เจ้าตอบสนองได้ดี แต่มันช้าไป!”
เสียงหัวเราะของเหมิงจินดังขึ้นมาข้างหูเย่หยวน
เย่หยวนหันไปและพบว่าตอนนี้ใบหน้าของเหมิงจินนั้นมันแทบจะมาถึงตัวเขาแล้ว
พร้อมๆ กันนั้นเขาก็ง้างนิ้วไว้รอดีดราวกับกำลังเล่นกับเด็กๆ
ปัง!
คลื่นพลังรุนแรงกระแทกเข้าร่างเย่หยวนไป
เย่หยวนนั้นปลิวออกไปทันทีอย่างไม่อาจหยุดห้าม เขานั้นไม่รู้เลยว่าตัวเองโดนอะไรเข้าไป!
การโจมตีเล่นๆ ทีเดียวนี้มันทำให้หน้าอกของเย่หยวนยุบเป็นรู
พลังของการดีดนิ้วมันรุนแรงจนเกินความเข้าใจ!
แต่ร่างของเย่หยวนยังไม่ทันจะหยุดเขาก็ได้ยินเสียงเหมิงจินที่ข้างหูอีกครั้ง
“เจ้าคิดว่ามันจะจบแค่นี้?”
เย่หยวนนั้นเกร็งทั้งตัวพร้อมด้วยปราณเทวะโกลาหลเพื่อเตรียมรับการโจมตีครั้งที่สอง
แต่ความอันตรายนั้นก็ยังตามติดเขามาเหมือนเป็นเงา!
เย่หยวนพยายามใช้วิชาการเคลื่อนไหวออกมาจนถึงที่สุดเพื่อเปลี่ยนทิศทางการปลิวของตัวเอง
แต่เขาก็ไม่อาจจะสลัดตัวเหมิงจินได้หลุด!
ไม่ไกลออกไปฉือชางก็ต้องยิ้มกว้างขึ้น “เหมิงจินนี่มันกำลังเล่นแมวจับหนูหรืออย่างไร?”
เยียวเลอเองก็ยิ้มขึ้นกล่าว “ก่อนจะมานั้นท่านอี้เฉียบอกเหลือเกินว่าเจ้าเด็กนี่มันประหลาดมหัศจรรย์แค่ไหน ข้าก็นึกว่ามันจะทำให้ข้าสนใจได้บ้างแต่ดูท่าแล้ว มันคงได้เท่านี้!”
ฉือชางส่ายหัวตอบกลับไป “เจ้าพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว! เพราะดูจากสภาพประกอบแล้วเย่หยวนมันทรงพลังจริงๆ! หากเป็นเจ้าโลกธรรมดาๆ ทั่วไปคงยากที่จะสังหารมันลงได้! นอกจากนั้นมันยังมีพลังของมหาค่ายกลโลหิตเมฆาที่ปิดกั้นพลังอื่นๆ นอกจากพลังของบรรพบุรุษศิลาโลหิตท่าน! คลื่นกำเนิดห้วงมิติมันจึงแทบไม่อาจจะใช้งานได้ในนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้เราจะไล่ล่ายังไงก็คงตามสังหารมันได้ยาก!”
เยียวเลอยิ้มขึ้นมา “แล้วทำไม? ในมหาค่ายกลโลหิตเมฆาสุดท้ายมันก็เป็นได้แค่หนูให้พวกเราไล่จับเล่น”
ฉือชางกล่าวขึ้นตอบ “อาจจะเป็นเช่นนั้นจริงแต่ปราณเทวะโกลาหลของมันนั้นก็ทรงพลังอย่างมาก มันรับการโจมตีจากเหมิงจินได้หลายต่อหลายครั้งและยังไม่มีท่าทีว่าจะตายลง! หากมันเป็นยอดฝีมือคลื่นกำเนิดทั่วๆ ไปแล้วพวกมันคงได้ตายไปไม่รู้กี่รอบ!”
เยียวเลอยิ้มตอบกลับไป “ไม่เช่นนั้นมันก็ไม่สนุกสิ หากไม่ได้เท่านี้เจ็ดวันของเราคงน่าเบื่อแย่”
คนทั้งสองหันมามองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
การต่อสู้เช่นนี้มันทำให้ความกังวลใดๆ ก่อนหน้าของพวกเขานั้นจางหายไปสิ้น
เหมิงจินนั้นไม่ได้ใช้พลังถึงหนึ่งในสิบด้วยซ้ำแต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับพ่ายแพ้อย่างไม่อาจจะต่อต้านใดๆ ได้
ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดขนาดไหนมันก็ไม่มีทางรอดจากแผนนี้ไปได้
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจจะฆ่าเวลาเจ็ดวันนี้ด้วยการทรมานเย่หยวนไป
ศึกของเหมิงจินและเย่หยวนนั้นยังคงดำเนินต่อไป
นี่มันคือการเล่นแมวไล่จับหนู เหมิงจินไม่ได้คิดจะรีบสังหารเย่หยวนใดๆ
ต่อให้เขาจะไม่ได้ใช้กระบวนท่าใดๆ ออกมาเย่หยวนก็ต้องรับมันไปอย่างสุดกำลังอยู่ดี
“ฮ่าๆ นี่หรือคืออัจฉริยะที่ทำให้ทุกสวรรค์ต้องปั่นป่วน? น่าผิดหวังนัก! ข้านั้นใช้แค่นิ้วเดียวแต่เจ้ากลับเอาชนะนิ้วเดียวของข้านี้ไม่ได้?” เหมิงจินหัวเราะลั่นขึ้น
ตอนนี้เย่หยวนนั้นมีเลือดไหลท่วมกายหายใจแทบไม่ทันเหนือจากการวิ่งหนีไล่ล่า จะยังมีแรงไปเถียงได้หรือ?
แต่จู่ๆ ฉือชางก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น “เจ้าคิดว่าเย่หยวนมันเร็วขึ้นหรือไม่?”
เยียวเลอที่ได้ยินนั้นต้องผงะไปก่อนจะหัวเราะขึ้น “ฉือชาง เจ้าคงหลอนไปเองเพราะคำขู่จากท่านอี้เฉียแล้ว? มันจะต้องกังวลอะไรขนาดนั้น? เจ้าเด็กนี่จะอย่างไรมันก็แค่มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์คนหนึ่ง! มันเร็วขึ้นหรือ? มันจะเร็วขึ้นได้แค่ไหน? เพราะข้านั้นไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย”
ฉือชางพยักหน้ารับเมื่อได้ยินเช่นกัน “บางทีข้าคงคิดมากไปเองจริงๆ ดูดีๆ แล้วมันก็ไม่ได้เร็วขึ้น”
…
ภายนอกมหาค่ายกลโลหิตเมฆานั้นสภาพการรบของสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นมันไม่ดีอย่างมาก
เพราะตอนนี้มันผ่านไปได้ครึ่งวันแล้วแต่คนนิกายยาสุดล้ำกลับบาดเจ็บล้มตายกันไปมากมาย!
เพราะครั้งนี้ด้วยการนำของอี้เฉียนั้น พวกเขาได้นำกองทัพใหญ่โตกว่าครั้งก่อนมามากมายนัก
แค่นับยอดฝีมือล้ำสวรรค์มันก็มีถึงสิบคนแล้ว!
“ฮ่าๆ หากจิตใจยังไม่อยู่กับตัวเช่นนี้เจ้าจะได้ตายเอาก่อน! เจ้าไม่ต้องกังวลให้มากไปหรอก พวกฉือชางทั้งสามคนนั้นเป็นยอดฝีมือในหมู่เจ้าโลก! เย่หยวนไม่มีทางเอาชนะได้แน่นอน!” อี้เฉียนั้นมองหน้าหมี่เทียนและหัวเราะลั่นขึ้น