ในหมอกเลือดนี้ร่างของเย่หยวนอยู่ๆ ก็หยุดลงไม่คิดหนีอีกต่อไป
พวกฉือชางทั้งสามเองก็หยุดตัวลงล้อมเย่หยวนไว้รอบด้านก่อนจะมองดูเขาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
เจ้าเด็กนี่มันเหมือนที่พวกเขาได้ยินมาไม่ผิด!
“อะไรหรือ? คิดจะแลกชีวิตกันแล้ว?” ฉือชางกล่าวขึ้นมาถามด้วยรอยยิ้ม
เย่หยวนนั้นได้แต่ต้องทำหน้าเครียดตอบกลับไป “หากพวกเจ้าอยากจะสู้นักก็มาสู้กันให้รู้แล้วรู้รอดไป!”
เหมิงจินนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์นั้นกลับคิดจะสู้แลกชีวิตกับพวกเรา ข้าล่ะกลัวจริงๆ ฮ่าๆๆ”
เยียวเลอเองก็ยิ้มขึ้นมากล่าวเสริม “มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ตัวน้อยเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้กล้ายอดวีรบุรุษหรือ? ตอนนี้นับแค่เจ้าโลกภายนอกค่ายกลมันก็มีนับร้อยๆ แล้วที่กำลังต่อสู้กัน ต่อให้เจ้าจะออกไปได้แล้วเจ้าจะมีปัญหาเปลี่ยนแปลงอะไร? ภายใต้กองกำลังของเผ่าเลือดในคราวนี้พวกเจ้าจะต้องถูกทำลายลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!”
ฉือชางในตอนนี้ไม่ได้รีบร้อนใดๆ และยิ้มกล่าวขึ้น “ท่านอี้เฉียนั้นช่างคาดเดาทุกอย่างได้แม่นยำเหนือจินตนาการนัก! คำพูดพวกนี้มันก็เป็นคำที่ท่านอี้เฉียบอกข้าไว้ ท่านบอกว่าหลังพูดมันออกไปแล้วเจ้าจะต้องหันมาสู้กลับแน่! และมันก็เป็นไปอย่างที่ท่านว่าจริงๆ!”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นกล่าวขึ้น “มันว่าอะไรนอกจากนี้อีก?”
ฉือชางตอบกลับไป “ท่านยังบอกพวกเราว่าให้รีบจัดการศัตรูและอย่าได้ประมาทมากนัก แต่ดูท่า…เราจะยังประมาทเจ้าเกินไป เพียงแค่ดูท่าแล้วความประมาทของพวกเราเองก็คงอยู่ในความคาดหมายของท่านอี้เฉีย!”
พูดมาถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกอายขึ้นมาจับใจ
ความเป็นจริงนั้นมันได้พิสูจน์ว่าความรู้ความเข้าใจศัตรูของอี้เฉียนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่เขาจะไปเทียบ!
แต่มันก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจในแผนการของอี้เฉียมากขึ้นด้วย
เจ้าโลกกับมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์นั้นเหมือนเอาเทพไปสู้กับคนธรรมดา พวกเขาย่อมจะไม่อาจต้านทานใดๆ ได้
สังหารกันนั้นมันง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ
ไม่ว่ามหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์คนนั้นจะเป็นยอดอัจฉริยะขนาดไหน
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายใจ
เพราะอี้เฉียคนนี้ดูท่าจะไม่ธรรมดา!
คนแข็งแกร่งนั้นต่างถูกโลกเชิดชู พลังยุทธนั้นมันคือทุกสิ่งอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นแผนการหรือความฉลาดหลักแหลมแค่ไหนมันก็ไร้ค่าต่อหน้าพลังยุทธที่แข็งแกร่ง
แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าความฉลาดนั้นไร้ประโยชน์!
คนที่มีสมองนั้นจะขึ้นปกครอง ส่วนคนที่ไม่มีสมองจะถูกปกครอง
มีเพียงแค่ผู้ที่มีทั้งพลังยุทธที่เหนือล้ำและความคิดที่เฉียบแหลมเท่านั้นที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้ปกครองฟ้าดิน
หากไม่มีพลังยุทธแล้วคนผู้นั้นก็จะเป็นได้แค่คนโอหังเท่านั้น ต่อให้จะเป็นเจ้าโลกเองมันก็อาจจะถูกคนอื่นเล่นหัวได้ไม่ยาก
เหมือนตัวเหมิงจินนั้นที่ถูกเย่หยวนหยอกเล่นจนแทบคลั่งไป จนถึงขั้นคิดไปจริงๆ ว่าเย่หยวนนั้นเก่งกาจล้ำสวรรค์
เช่นนั้นแล้วคนที่ฉลาดระดับนั้นเป็นแม่ทัพบุกสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดแน่นอนว่าเขาย่อมจะวางแผนการไว้อย่างดี
การจับเย่หยวนขังไว้ในมหาค่ายกลโลหิตเมฆานั้นมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของแผน!
อี้เฉียคนนี้มันไม่ธรรมดา แผนการของเขานั้นยิ่งใหญ่!
คิดมาถึงตรงนี้เย่หยวนก็ไม่อาจจะยั้งมือได้อีก ต้องหาทางฝ่าออกไปจากมหาค่ายกลโลหิตเมฆาให้ได้เร็วที่สุด
หลังจากผ่านไปครบเจ็ดวันรอให้มหาค่ายกลโลหิตเมฆาหายไปเองเขาคงไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว
ต่อให้จะออกไปได้แต่ในตอนนั้นมันก็มีแต่ความตายรอเขาอยู่ภายนอก!
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็คงต้องสังหารพวกเจ้าลงก่อนแล้ว!”
ฉือชางนั้นอดหัวเราะขึ้นไม่ได้เมื่อได้ยิน “ไอ้หนู เจ้ามันแค่เร็ว เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าตัวเองมีพลังพอต่อต้านเจ้าโลก? ที่สำคัญไปกว่านั้นพวกเรายังมีกันถึงสามคน!”
เย่หยวนนั้นตอบกลับไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย “มันเป็นเรื่องยากที่จะสังหารพวกเจ้าลงตอนนี้จริง ข้าถึงได้คิดจะพัฒนาพลังก่อนลงมือแต่ได้ยินเช่นนั้นข้าก็มีแต่ต้องเปลี่ยนใจแล้ว”
ฉือชางนั้นส่ายหัวขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะเย้ยหยัน พลังคลื่นกำเนิดในร่างของเขาปะทุขึ้นมา “เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นก็ลองรับดาบข้าไปแล้วกัน!”
ตอนนี้ในมือของฉือชางนั้นมันมีดาบยาวสีแดงเลือดปรากฏขึ้นมาพร้อมด้วยคลื่นพลังงานที่น่าสะอิดสะเอียน
นี่มันคือดาบที่ดูดกลืนเลือดของคนมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
นี่มันคือสมบัติยอดหมอกระดับห้า เมื่อมันโจมตีออกมามันย่อมจะทรงพลังล้ำ!
แต่ว่าเหมิงจินและเยียวเลอกลับไม่คิดเข้าไปร่วมโจมตีด้วย
เยียวเลอยิ้มกล่าวขึ้น “ฉือชางมันก็จริงจังเกินไป เจ้าเด็กนี่คงไม่ได้รู้เลยว่าฉือชางนั้นทรงพลังแค่ไหน!”
เหมิงจินพยักหน้ารับตอบกลับไป “ฉือชางนั้นคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งภายใต้เจ้าโลกระดับสูงในเผ่าเลือดเรา! หากเขาเอาจริงแล้วแม้แต่พวกเราเองก็คงไม่อาจต้านทานได้ ไม่ต้องไปพูดถึงมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ตัวน้อยเลย”
เยียวเลอกล่าวขึ้นต่อ “ต่อหน้าวรยุทธดาบดูดเลือดสิบแปดกระบวนท่านั้น เจ้าคิดว่าเด็กนี่มันจะรับได้สักกี่กระบวนท่า?”
“กี่กระบวนท่า? ฮ่าๆ เจ้าดูถูกฉือชางมันหรือ?” เหมิงจินกล่าวขึ้นมาขัดทันที
ดูท่าแล้วกลุ่มคนทั้งสามนั้นคงมีฉือชางเป็นผู้นำ
กำลังของเขานั้นแข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนทั้งสาม
ฉือชางนั้นชักดาบยาวออกมาเย่หยวนนั้นสัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือดที่ตีจมูกรุนแรงเสียยิ่งกว่ากลิ่นเลือดในมหาค่ายกลโลหิตเมฆา
“เย่หยวน วรยุทธดาบดูดเลือดของข้านั้นแต่ละกระบวนท่ามันทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ! เมื่อใช้ออกมาครบสิบแปดกระบวนท่าเมื่อใดแล้วแม้แต่เจ้าโลกระดับสูงก็ยังต้องถอยหนี! ข้าอยากจะรู้เหลือเกินว่าเจ้านั้นจะรับมันไว้ได้สักกี่กระบวนท่า!” ฉือชางนั้นร้องขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยัน
เขานั้นย่อมจะดูถูกเย่หยวนสุดใจ
“กระบวนท่าแรก ปาดวิญญาณโลหิต!”
ฉือชางนั้นฟันดาบออกมาตรงหน้าจนทำให้หมอกเลือดนั้นต้องแยกออกจากกันเหมือนคลื่นน้ำที่ถูกตี
พวกเยียวเลอทั้งสองนั้นมองดูด้วยรอยยิ้มเย็นเยือกรอดูเย่หยวนถูกหั่นเป็นสองท่อน
แต่ในเวลานั้นเองที่มันกลับมีพลังสายเลือดสี่สายปะทุขึ้นมาจากร่างของเย่หยวน มังกรฟ้า พยัคฆ์ขาว หงส์แดง เต่าดำสี่เงาร่างนั้นปรากฏขึ้นรอบกายเย่หยวนในทิศเหนือ ใต้ ออก ตก
ในตอนนี้สายเลือดทั้งสี่ในร่างของเย่หยวนนั้นมันพัฒนาขึ้นไปจนถึงระดับสวรรค์แห้งขั้นสุดแล้ว!
พลังของมันนั้นไม่อาจจะเอาไปเทียบกับตอนที่เย่หยวนอยู่บนเกาะมังกรสวรรค์ได้เลย!
สี่เงาร่างนั้นผสานพลังเข้าด้วยกัน!
จากนั้นมันก็มีพลังศักดิ์สิทธิ์ไหลเข้าไปในเขาแดนอนันต์!
เขาแดนอนันต์ทั้งเจ็ดนั้นประกอบรวมกันเป็นหนึ่ง!
จากนั้นเขาแดนอนันต์ทั้งเจ็ดมันก็เปล่งแสงสีรุ้งออกมาด้วยความรุนแรงจนทำให้คนที่ได้เห็นแทบไม่อาจหายใจ!
เขาแดนอนันต์นั้นมันถูกเย่หยวนประกอบขึ้นมาใหม่ด้วยส่วนประกอบค่ายกลทั้งเก้า
พลังของสมบัติโกลาหลสวรรค์กอปรกับพลังของส่วนประกอบค่ายกลทั้งเก้านั้นมันทำให้เขาแดนอนันต์นั้นทรงพลังขึ้นอย่างมาก!
“พลังศักดิ์สิทธิ์! นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร?” เยียวเลอร้องขึ้นมาอย่างตกตะลึงสุดหัวใจ
มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์นั้นกลับใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้!
ภายใต้การเสริมพลังจากพลังศักดิ์สิทธิ์นั้น เขาแดนอนันต์ย่อมจะยิ่งส่งพลังออกมาได้อย่างรุนแรงล้ำ
ฉือชางนั้นต้องเบิกตากว้างขึ้นแต่ดาบที่ปล่อยออกไปแล้วมันก็มีแต่ต้องปะทะวัดกำลังกัน
พริบตาเดียวนั้นดาบสีเลือดมันก็เข้าปะทะกับเขาสีรุ้งทันที
ตูม!
เสียงระเบิดดังลั่นขึ้นมาส่งร่างของทั้งเย่หยวนและฉือชางให้ปลิวกลับออกไป
เย่หยวนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายพร้อมด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก ชัดเจนว่าเขานั้นบาดเจ็บภายในแล้ว
ฉือชางคนนี้มันทรงพลังอย่างมาก!
แต่พวกฉือชางนั้นกลับต้องอ้าปากค้าง
เพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นแค่มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์!
เขานั้นกลับรับดาบจากเจ้าโลกธรรมดาอันดับหนึ่งในเผ่าเลือดไปได้!
เรื่องราวเช่นนี้ต่อให้จะไปเล่าให้ใครฟังมันก็คงไม่มีใครเชื่อ
ใต้เจ้าโลกนั้นมีแต่มดปลวก มันมิใช่คำพูดที่กล่าวขึ้นเล่นๆ
เพราะเจ้าโลกนั้นใช้เต๋าแห่งคลื่นกำเนิด
มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์นั้นต่อให้จะเป็นยอดฝีมือคลื่นกำเนิดเองก็ยังรู้แค่วิถีเท่านั้นไม่ได้รับพลังสนับสนุนจากประตูแห่งชีวานิรันดร์เลย
หากไม่มีการเสริมพลังคลื่นกำเนิดจากประตูแห่งชีวานิรันดร์แล้วมันย่อมจะไม่มีทางใดที่มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์จะขึ้นมาเทียบตัวกับเจ้าโลกได้
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับเก่งกาจสะท้านสวรรค์!
เจ้าเด็กคนนี้มันกลับสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ พลังที่มีแต่เหล่ายอดฝีมือล้ำสวรรค์จะใช้ได้ออกมาพร้อมใช้สมบัติโกลาหลสวรรค์ต่อสู้กับเจ้าโลก!
เย่หยวนเช็ดเลือดที่มุมปากก่อนจะยิ้มกล่าวขึ้น “เจ้าโลกมันก็ได้แค่เท่านี้! มา สู้กัน!”
พูดจบครั้งนี้เย่หยวนกลับเป็นฝ่ายใช้เขาแดนอนันต์เข้าโจมตีฉือชางก่อน!
ฉือชางได้แต่กัดฟันแน่นทำหน้าเหยเกตั้งดาบขึ้นมาร้องลั่น “กระบวนท่าที่สอง คลื่นโลหิตหยก! ตายเสียเถอะ!”
ดาบนี้มันกลับส่งพลังงานตอบสนองต่อมหาค่ายกลโลหิตเมฆา
มหาค่ายกลโลหิตเมฆานั้นมันมีพลังคลื่นกำเนิดเลือดและย่อมจะสามารถเสริมพลังให้แก่วรยุทธของฉือชางได้!
ตูม!
คลื่นมิติสั่นสะท้านเมื่อคนทั้งสองเข้าปะทะกัน
เย่หยวนนั้นปลิวกลับออกไปพร้อมด้วยอาการบาดเจ็บ
แต่ฉือชางนั้นต้องทำหน้าเหยเกอย่างถึงที่สุด
เพราะเขานั้นมั่นใจแล้วว่าเย่หยวนนั้นมีพลังพอจะต่อสู้กับเจ้าโลกได้!
พลังศักดิ์สิทธิ์มันช่างน่ากลัวยิ่ง!