“ชนะ! เรา…ชนะแล้ว!”
“ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าเราจะยังรอดกลับมาได้ ฮือๆ…”
“นักบุญสวรรค์เย่ท่านนั้นจะเป็นตำนานเล่าสืบขานไปชั่วกาล ไร้เทียมทานใต้แผ่นฟ้านี้!”
…
หลังจากผ่านห้วงความเงียบงันที่อี้เฉียหนีไปนั้นมันก็เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นมาจนสั่นสะท้านนิกายยาสุดล้ำ
ชัยชนะนี้มันทำให้พวกเขานั้นยินดีกันอย่างถึงที่สุด
บ้างนั้นก็ถึงขั้นลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น
บ้างนั้นหัวเราะ บ้างนั้นร้องไห้บ้างนั้นกัดฟันแน่นบ้างนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นดิน
หลังจากผ่านพ้นหายนะมาได้นั้นจิตใจของคนเรามันย่อมจะเกิดอารมณ์ที่แตกต่างหลากหลายขึ้น
เย่หยวนมองดูพวกเขาแต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจดีใจไปด้วยได้
เพราะศึกครั้งนี้มันคือหายนะ!
คนมากมายที่เขารู้จักคุ้นหน้าคุ้นตานั้นต้องตายลงไปเต๋าแตกสลาย เขานั้นไม่อาจจะพูดคุยกับพวกเขาได้อีกต่อไปเหมือนอย่างเฟิงเสี่ยวเถียนคนนี้
หลังจากผ่านช่วงความยินดีที่รอดชีวิตมาได้มันก็ค่อยๆ กลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง
เย่หยวนนั้นยกมือขึ้นมาส่งสัญญาณทำให้คนทั้งหลายเงียบปากลงทันที
เย่หยวนนั้นเป็นเหมือนดั่งเทพเจ้าในหัวใจคนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิด
เย่หยวนกล่าวขึ้น “พี่เฟิงนั้นต่อสู้แลกชีวิตเพื่อสวรรค์นี้จนวินาทีสุดท้าย! แม้ว่าเขานั้นจะตายลงไปแล้วมันก็นับว่าเป็นความตายที่ยิ่งใหญ่น่าเชิดชู! วันนี้เขาจะถูกนับเป็นเทพสงครามและตั้งรูปปั้นให้คนรุ่นหลังได้กราบไหว้บูชา! เขานั้นจะคงอยู่ตลอดไป! โจวจื่อชางและซ่งหมิงเจียงนั้นเองก็ยอมแลกชีวิตเพื่อปกป้องแผ่นดิน คุณความดีของพวกเขานั้นจะถูกจารึกไว้เหมือนดั่งเทพที่คอยปกป้องแผ่นดิน! พวกเจ้าคนใดที่ข้อโต้แย้งหรือไม่?”
คนทั้งหลายนั้นต่างก้มหัวลงอย่างพร้อมเพรียง “เราไม่มีข้อโต้แย้ง!”
หากจะถามว่าใครนั้นมีสถานะยิ่งใหญ่รองจากเย่หยวนมันก็คงเป็นเฟิงเสี่ยวเถียนแล้ว
แม้ว่าเทพสงครามผู้นี้จะตายลงไปแล้วแต่ความชื่อเสียงของเขากลับยิ่งใหญ่สะท้านฟ้าดินขึ้น!
เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นใช้เต๋าของตัวเองทำให้ผู้คนต่างต้องยอมรับกันสุดใจ
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงตั้งให้เขานั้นเป็นเทพแห่งสงครามและย่อมจะไม่มีใครคิดขัด
ฟุบ!
วินาทีต่อจากนั้นก็มีแสงเจ็ดสีพุ่งออกจากร่างของเย่หยวนปักลงกับพื้นดินเปลี่ยนขยายกลายเป็นเขาใหญ่เจ็ดลูก!
แน่นอนว่าเขาใหญ่ทั้งเจ็ดลูกนั้นมันย่อมจะเป็นเขาแดนอนันต์แล้ว
เขาใหญ่ทั้งเจ็ดนั้นมันมีความสูงที่แตกต่างกันไป
สามสูงนั้นมีความสูงต่ำไม่เท่าลูกอื่นๆ แต่อีกสี่ลูกนั้นมีความสูงเท่าเทียมกัน
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าเย่หยวนต้องการจะทำอะไรก่อนจะได้ยินเสียงของเย่หยวนกล่าวขึ้นมา “จากวันนี้ไปเขาแดนอนันต์ทั้งเจ็ดนี้มันจะถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นรายนามวิญญาณสวรรค์โกลาหล แบ่งเป็นสวรรค์ ปฐพี ลึกลับและเหลือง สี่รายนาม พวกมันจะถูกตั้งไว้ในที่แห่งนี้ชั่วนิรันดร์! ข้านั้นจะสลักนามของผู้ที่สละชีวิตลงไปบนเขาทั้งหมดนี้เพื่อบันทึกไว้ให้ลูกหลายเราได้มากราบไหว้บูชา! จากวันนี้ไปคนที่สร้างคุณให้แก่สวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นจะได้ขึ้นไปอยู่บนรายนามนี้และถูกกราบไหว้บูชาตลอดกาล! คนผู้ใดที่มันกล้าลบหลู่รายนามวิญญาณสวรรค์โกลาหลจะต้องถูกลงโทษ!”
พูดจบแล้วเย่หยวนก็ดึงเอาหยดเลือดจากศพของเฟิงเสี่ยวเถียนนั้นลอยขึ้นไปอยู่บนยอดสูงสุด
ฟุบ!
ฟุบ!
ฟุบ!
ปราณดาบของเย่หยวนพุ่งออกมาจากร่างเขาเขียนนามของเฟิงเสี่ยวเถียนไว้บนยอดสุดของรายนามสวรรค์
‘เฟิงเสี่ยวเถียน’ สามคำนั้นมันเขียนไว้อย่างชัดเจนด้วยตัวอักษรที่ส่องสว่างได้ในความมืดมิด
คำทั้งสามนั้นมันทำให้คนที่ได้เห็นต้องขนลุก
เพราะมันราวกับว่าพวกเขาได้เห็นสายตาของเฟิงเสี่ยวเถียนมองตอบกลับมาจากรายนามวิญญาณสวรรค์โกลาหลนี้!
หลังจากนั้นเย่หยวนก็สลักชื่อโจวจื่อชางและซ่งหมิงเจียงไว้บนรายนามสวรรค์ต่อ
เย่หยวนนั้นทำไปอย่างใจเย็นเขานั้นใช้ปราณดาบของตัวเองค่อยๆ สลักลงบนรายนามวิญญาณสวรรค์โกลาหล
คนทั้งหลายที่เขาเคยได้รู้จักนั้นตอนนี้กลับอยู่กันคนละภพภูมิ
การสร้างรายนามวิญญาณสวรรค์โกลาหลของเย่หยวนนี้เขาได้แรงบันดาลใจมารายนามบรรพบุรุษหอสุดแสงนั้น
เย่หยวนนั้นเป็นคนที่ให้ค่าความสัมพันธ์อย่างมาก เขานั้นไม่อยากจะเห็นคนทั้งหลายที่หลั่งเลือดหลั่งเนื้อเพื่อแผ่นดินนี้ต้องถูกลืมเลื่อนไปในอนาคต
เพราะฉะนั้นเขาจึงยอมที่จะทิ้งเขาแดนอนันต์ สมบัติโกลาหลสวรรค์ที่เขาเพิ่งหลอมขึ้นใหม่นี้ลง
เย่หยวนนั้นค่อยๆ สลักนามไปอย่างตั้งใจแต่ละการตวัดของปราณดาบเขานั้นมันหนักแน่นอย่างถึงที่สุด
คนทั้งหลายที่ได้เห็นนั้นต่างมองดูมันด้วยความเคารพเทิดทูน
คนมากมายนั้นถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
นามที่เย่หยวนสลักลงไปนั้นมันมีมากมายที่เป็นสหายร่วมรบของพวกเขา
เมื่อพวกเขาได้เห็นนามนั้นถูกสลักลงไป พวกเขาก็รู้สึกเหมือนได้เห็นหน้าสหายอีกครั้งหนึ่ง
แต่สิ่งที่พวกเขาตกตะลึงที่สุดนั้นมันคือเรื่องที่เย่หยวนกลับจำชื่อของคนได้มากมายปานนี้!
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะมีพลังบ่มเพาะที่ไม่สูงล้ำแต่ว่าตำแหน่งสถานะของเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าใครๆ ในทั้งสวรรค์มหาสมบูรณ์หยกเจิดนี้
แม้แต่เหล่าเจ้าโลกทั้งหลายเองก็ยังไม่อาจจะเข้าไปอยู่ในสายตาเขาได้
พวกเขาย่อมจะไม่คิดหวังให้เย่หยวนจดจำชื่อของพวกเขาไป
แต่เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาทั้งหลายนั้นกลับได้รู้ว่าเย่หยวนนั้นสนใจและจดจำชื่อของผู้คนได้มากมายและเขียนมันออกมาเหมือนดั่งมันเป็นนามของคนในครอบครัว!
“ข้าไม่นึกเลยว่านักบุญสวรรค์เย่ท่านกลับจะสนใจคนต่ำต้อยอย่างเรามากมายขนาดนี้!”
“หวางตง หลี่เซียนและพวกเราทั้งหลายนั้นต่างเป็นแค่คนตัวน้อยๆ ที่ติดตามนักบุญสวรรค์เย่ท่านเข้าไปยังวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต ไม่นึกเลยว่าท่านกลับจะจดจำพวกเราได้สิ้น!”
“หากพูดถึงคุณความดีแล้วมันก็คงไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปได้กว่านักบุญสวรรค์เย่ท่าน! แต่ท่านนั้นกลับยอมทิ้งสมบัติล้ำค่านี้เพื่อให้สหายของเราเป็นที่จดจำ! ท่านผู้นี้…ช่างเป็นผู้ยิ่งใหญ่เสียจริงๆ!”
“พี่น้องข้าดูแลตัวเองด้วย! พวกเจ้าวางใจเถอะ ข้านั้นจะไม่มีทางทำให้ชื่อเสียงของพวกเจ้าต้องเสื่อมเสีย! หวังว่าวันหนึ่งข้าเองก็จะขึ้นไปอยู่บนรายนามวิญญาณสวรรค์โกลาหลได้เช่นกัน!”
…
ได้เห็นการกระทำของเย่หยวนนี้ก็มีหลายคนที่กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
คนที่เข้าวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตกับเย่หยวนไปนั้นมันมีนับหมื่นๆ
และคนที่เก่งกาจพอจะก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเจ้าโลกได้นั้นมันก็มีเพียงแค่หยิบมือ
แต่พวกเขากลับไม่คิดฝันว่าเย่หยวนนั้นกลับจะจดจำคนตัวเล็กตัวน้อยอย่างพวกเขาได้สิ้น
เรื่องเช่นนี้พวกเขามั่นใจเลยว่าต่อให้จะเป็นผู้นำคนใดบนสามสิบสามสวรรค์ก็ไม่มีทางทำได้!
เรื่องนี้มันหมายถึงอะไร?
มันหมายถึงว่าเย่หยวนนั้นไม่เคยดูถูกใคร!
ผลงานของแม่ทัพนั้นมันสร้างขึ้นมาบนกองซากศพของทหาร สำหรับผู้นำแล้วนั้นคนที่อ่อนแอมันย่อมจะเป็นได้แค่หมากบนกระดาน เป็นได้แค่หินเหยียบให้พวกเขาได้สร้างเต๋าของตน
ไม่มีผู้นำคนใดจะมาสนใจทหารเลวอย่างพวกเขาให้มากมาย
มีแต่ต้องแสดงความสามารถที่โดดเด่นออกมาเท่านั้นถึงจะถูกจดจำ
แต่เย่หยวนนั้นกลับมิใช่ เขานั้นนับถือทุกคนอย่างเท่าเทียม
ไม่ว่าจะเป็นคนเก่งหรือคนธรรมดาๆ เขาก็จะไม่ดูถูกใคร
นามที่ถูกสลักลงไปนั้นมันคือหลักฐานอย่างดี!
ไม่ต้องไปมองที่ไหนไกล แม้แต่ตัวหมี่เทียนเองมีหรือที่เขาจะไปจำชื่อของมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ในเผ่ามังกรฟ้าได้หมด?
ไม่มีทาง!
สำหรับหมี่เทียนแล้วนั้นมหาจักรพรรดิมันเป็นตัวตนที่เล็กน้อยจนเกินไป!
หมี่เทียนเดินเข้ามาหาหยุนซานก่อนจะกล่าวขึ้น “ติดตามเจ้าเด็กคนนี้ไปใครบ้างจะไม่ยอมถวายชีวิต? ติดตามมันไปต่อให้ตายก็ไม่เสียใจจริงๆ! ข้าว่าเฟิงเสี่ยวเถียนเองก็คงคิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
หยุนซานนั้นพยักหน้ารับก่อนจะกล่าวขึ้น “ที่เฒ่าคนนี้ภูมิใจที่สุดในชีวิตก็คงเป็นเรื่องการได้รับมันเข้าเป็นศิษย์นี้! ท่านหมี่เทียน ที่ท่านพูดถึงว่าสัมผัสได้นั้นมันคืออะไรหรือ?”
หมี่เทียนที่ได้ยินก็ต้องทำหน้าเหยเกตอบกลับไป “ความพิโรธของเต๋าสวรรค์ เต๋าทุกข์เจ้าโลกของเย่หยวนนั้นมันคงรุนแรงกว่าที่เราคาดคิดกันไปมากมายแน่! แม้ว่าเขานั้นจะเก่งกาจแค่ไหนแต่…”
แม้ไม่ต้องฟังคำพูดหมี่เทียนให้จบแต่หยุนซานนั้นก็ต้องทำหน้าเหยเกออกมาแล้ว
เพราะหมี่เทียนนั้นคงไม่คิดว่าเย่หยวนจะผ่านไปได้ง่ายๆ
ตัวเย่หยวนในตอนนี้ที่สังหารได้แม้แต่เจ้าโลกระดับสูงด้วยห้าก้าวย่ำสวรรค์นั้นมันย่อมจะชัดเจนว่าเขาทรงพลังแค่ไหน
แต่คนอย่างเย่หยวนนี้ หมี่เทียนกลับยังไม่คิดว่าจะผ่านไปได้มันหมายความว่าอย่างไร?
หยุนซานกล่าวขึ้นด้วยความกังวล “มันจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?”
หมี่เทียนส่ายหัวตอบกลับไป “ยิ่งมาถึงระดับของข้านี้มันก็จะยิ่งสัมผัสได้ว่าเต๋าสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน อี้เฉียและข้านั้นแค่สัมผัสได้ถึงบางอย่างเท่านั้น จะถามว่าเต๋าทุกข์เจ้าโลกของเขานั้นจะออกมาเป็นอย่างไรมันคงไม่มีใครตอบได้ นี่เพราะว่ามันไม่เคยมีผู้บ่มเพาะนอกรีตคนไหนที่สามารถจะเก่งกาจได้เท่าเย่หยวนมาก่อน! แม้แต่สวรรค์นั้นยังอิจฉาพลังของเขา! แต่ว่าความพิโรธของเต๋าสวรรค์นั้นมันทำให้ข้ากลัวขึ้นจับใจ หากเต๋าสวรรค์คิดลงโทษข้าแล้วข้าเกรงว่า…แม้แต่ตัวข้าเองก็คงไม่อาจรอดชีวิตไป! เต๋าทุกข์เจ้าโลกของเย่หยวนนั้นมันคงจะยิ่งใหญ่จนแทบไม่อาจก้าวผ่านไปได้!”
หยุนซานนั้นใจหายวาบเมื่อได้ยิน เพราะนี่มันคือข่าวร้ายอย่างมาก!
ฟุบ!
ฟุบ!
ฟุบ!
เย่หยวนนั้นยังคงสลักนามต่อไป
แต่ไกลออกมานั้นโฉปู้ฉุนกลับสัมผัสได้ว่าร่างกายของเย่หยวนมันกลับเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น!
…………………………