ตูม!
ตูม!
ตูม!
…
เสียงระเบิดนั้นดังขึ้นมาเป็นระยะๆ
จังหวะของมันไม่ได้รวดเร็วใดๆ แต่ว่าพลังที่กระแทกหน้าอกของผู้คนนั้นทำให้คนมากมายแทบไม่อาจหายใจได้
ตอนนี้เวลาผ่านไปได้หนึ่งเดือนแล้ว มันมาถึงทุกข์แห่งหายนะที่เก้า!
“เจ้าเย่หยวนนี่มันทรงพลังเสียจริงๆ! แม้ว่าเผ่าเลือดเรานั้นจะเป็นศัตรูของมันข้าก็ยังอดชื่นชมมันไม่ได้!”
“ข้าแค่เห็นก็ขนลุกตั้งแล้ว มันกลับรับไว้ได้จริงๆ!”
“ข้าเพิ่งได้รู้ว่าโมฟานผู้นั้นมันเก่งกาจแค่ไหนที่รอดทุกข์แห่งหายนะไปได้จนถึงระลอกที่เจ็ด!”
…
เย่หยวนนั้นได้ทำลายสถิติของโมฟานไปอย่างไม่มีอะไรเหนือคาด
แต่ในตอนนี้มันไม่มีใครกล้าดูถูกพลังของทุกข์แห่งหายนะอีกต่อไป!
นามของมันนั้นไม่ได้ตั้งกันขึ้นมาเล่นๆ
นี่มันคือหายนะที่ทำลายสวรรค์ลงได้จริงๆ!
เพราะว่าแค่ระลอกที่เก้านี้มันก็ทรงพลังจนไม่อาจจะเอาไปเปรียบเทียบกับอะไรได้แล้ว
ระลอกที่ยี่สิบจะเป็นอย่างไร?
ระลอกที่สามสิบมันจะรุนแรงแค่ไหน?
ไม่อาจจินตนาการได้!
เย่หยวนนั้นใช้พลังของสี่สายเลือดกางม่านรับทุกข์แห่งหายนะไปได้จนถึงระลอกที่ห้า
จากนั้นเขาก็ต้องพุ่งตัวขึ้นไปรับพลังของทุกข์แห่งหายนะด้วยตัวเอง
หายนะที่หกนั้นยังพอว่า
แต่พอถึงหายนะที่เจ็ดนั้นเย่หยวนก็เริ่มหอบออกมา
ในเวลานี้ หายนะที่เก้านั้นมันใกล้จบลงเต็มทีแต่ว่าทุกข์แห่งหายนะนี้มันได้ทำให้เย่หยวนนั้นมีบาดแผลไปทั่วตัวอย่างน่าสยดสยอง
พลังที่หลอมรวมกันของทุกข์แห่งหายนะที่เก้านี้มันรุนแรงจนไม่อาจจะเอาไปเปรียบเทียบกับอะไรได้อีก!
ทุกครั้งที่สายฟ้าตกลงมานั้นเย่หยวนก็ร่วงตกลงใส่กำแพงเขตแดน
แต่เขานั้นจะลุกขึ้นมาพุ่งตัวสวนกลับไปรับมันได้อีกครั้งเสมอ
กำแพงเขตแดนของสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นย่อมจะไม่อาจทนรับพลังของทุกข์แห่งหายนะที่เก้านี้ไว้ได้แน่
“เฮอะ ไอ้เด็กนี่มันค่อยๆ ตายลงแล้ว! มันรอดทุกข์แห่งหายนะมาจนถึงระลอกที่เก้าได้แต่มันคงไม่มีทางรอดทุกข์แห่งหายนะที่สิบได้แน่!” อี้เฉียนั้นกล่าวขึ้น
แต่ศิลาโลหิตนั้นกลับส่ายหัวออกมา “เจ้าประมาทเย่หยวนมันเกินไป! หากเจ้าขึ้นมาเป็นศัตรูของเต๋าผู้นี้ได้แล้ว มันย่อมจะไม่มีทางตายเพียงแค่เพราะทุกข์แห่งหายนะที่สิบแน่!”
อี้เฉียที่ได้ยินต้องผงะไป “เรื่องนั้น…มันจะเป็นไปได้หรือ? พลังของทุกข์แห่งหายนะที่เก้านั้นมันทรงพลังถึงขนาดนี้แล้ว ข้าน้อยเองก็คงไม่อาจรับมันไว้ได้ด้วยซ้ำ! ทุกข์แห่งหายนะที่สิบมันย่อมจะทรงพลังยิ่งกว่าแน่นอน มีหรือที่มันจะรับไว้ได้?”
ศิลาโลหิตนั้นไม่คิดอธิบายอะไรและตอบกลับไปสั้นๆ “ดูไปเถอะ มันยังมีไม้ตายอะไรซ่อนไว้แน่!”
ไม่นานทุกข์แห่งหายนะรอบที่เก้ามันก็จบลง
แต่ว่าเรื่องนั้นมันกลับทำให้คนทั้งหลายกังวลมากขึ้น
ตัวหมี่เทียนยอมรับเลยว่าทุกข์แห่งหายนะที่เก้านี้แม้แต่เขาก็คงไม่อาจรอดชีวิตกลับมาได้!
หรือก็คือในสามสิบสามสวรรค์นี้มันคงมีเพียงแค่คนสามคนที่จะรอดจากทุกข์แห่งหายนะที่เก้าไปได้!
พลังของทุกข์แห่งหายนะที่สิบนั้นมันจะเหนือล้ำกว่านี้ไปเท่าใด?
มองดูสภาพของเย่หยวนในตอนนี้แล้วร่างกายของเขามีรอยไหม้พร้อมควันดำลอยขึ้นมาจากร่าง พลังงานและปราณต่างดูยุ่งเหยิงมันคือสภาพของคนบาดเจ็บสาหัส
ใครๆ ก็มองออกว่าเขานั้นมาถึงขีดจำกัดแล้ว
ไม่นานนักเมฆเต๋าทุกข์มันก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอีกชั้นหนึ่งเหนือเมฆเต๋าทุกข์ที่เก้า!
เมื่อเมฆนี้ปรากฏขึ้นมาคนทั้งหลายก็ต้องใจสั่นไปทันที
“ช่างเป็นพลังกดดันที่รุนแรงอะไรเช่นนี้! ข้ารู้สึกได้เลยว่าทุกข์แห่งหายนะที่สิบนี้มันทรงพลังกว่าระลอกก่อนๆ ไปสิ้นเชิง! เย่หยวน…จะรับมันไว้ได้หรือ?” โฉปู้ฉุนนั้นร้องขึ้นอย่างกังวล
หมี่เทียนเองก็ต้องทำหน้าเครียดกล่าวขึ้นมา “ไม่เคยมีใครได้เห็นทุกข์แห่งหายนะที่สิบมาก่อน! แต่ดูท่าตอนนี้ระหว่างทุกข์แห่งหายนะที่เก้าและสิบนั้นมันคงเป็นการขยับพลังขึ้นไปอีกขั้น! เย่หยวน…”
หมี่เทียนนั้นไม่อาจจะกล่าวให้จบคำได้เพราะเขานั้นก็ไม่คิดว่าเย่หยวนจะผ่านมันไปได้
เมฆทุกข์แห่งหายนะที่สิบนั้นมันค่อยๆ ก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็สมบูรณ์และพลังของมันนั้นแทบจะเท่ากับทุกข์แห่งหายนะทั้งเก้าระลอกก่อนๆ รวมกัน!
ทุกข์แห่งหายนะนั้นยังไม่ทันเริ่มขึ้นแต่คนทั้งหลายก็สัมผัสได้เลยว่าฟ้าดินจะแตกสลายลงแล้วในตอนนี้
“บรรพบุรุษท่าน พลังของทุกข์แห่งหายนะที่สิบนี้มันรุนแรงกว่าระลอกก่อนๆ มากนัก!” อี้เฉียกล่าวขึ้น
ตอนนี้แม้แต่ตัวศิลาโลหิตเองก็ยังต้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง
เพราะว่าพลังของทุกข์แห่งหายนะที่สิบนี้มันเหนือล้ำกว่าที่เขาคาดเดาไปมากมายนัก
พลังของมันนั้นเหนือล้ำฟ้า ศิลาโลหิตนั้นไม่เคยจะได้เห็นพลังอะไรเช่นนี้มาก่อนใน
ระลอกที่สิบมันทรงพลังจนเกินไป!
เขานั้นเข้าใจความหมายของอี้เฉียทันที เขาเองก็ไม่คิดว่าเย่หยวนจะรอดจากทุกข์แห่งหายนะที่สิบนี้ไปได้
“ดูไปเถอะ พลังของทุกข์แห่งหายนะที่สิบนี้มันรุนแรงกว่าที่คาดไว้จริงแต่เย่หยวนเองก็มันก็ต้องมีไพ่ตายอยู่ เพียงแค่ว่าไพ่ตายนั้นจะทรงพลังแค่ไหน!”
ศิลาโลหิตนั้นถอนคำพูดก่อนหน้าที่ว่าเย่หยวนจะรอดไปได้แน่ๆ เพราะตอนนี้เขาไม่เห็นโอกาสที่เย่หยวนจะผ่านไปได้เลย
จากนั้นมันก็เกิดก้อนปุยขาวเหมือนดั่งดอกแดนดิไลออนค่อยๆ ไหลลงมาจากเมฆเต๋าทุกข์นั้นเป็นภาพที่สวยงามอย่างมาก
“หือ? นี่มันอะไร? หรือว่านี่คือ…ทุกข์แห่งหายนะที่สิบ?”
“ข้านั้นไม่เคยได้เห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน มันเหมือนกับเป็นก้อนเมฆที่ลอยตกลงมา”
“ก้อนสายฟ้าหรือไม่? มันดูสวยงามมาก แต่มัน…รู้สึกอันตรายอย่างยิ่ง!”
…
พลังจากที่ก้อนสายฟ้าทั้งหลายนั้นค่อยๆ ไหลลงมาแล้วมันก็ไหลไปตามกระแสลม
แต่จู่ๆ มันก็มีก้อนสายฟ้าหนึ่งไหลผิดทิศไปโดนยอดฝีมือล้ำสวรรค์ของเผ่าเลือดที่มองดูเรื่องราวอยู่ใกล้ๆ อย่างที่เขาไม่ทันจะถอยหลบ
พริบตาต่อมาคนทั้งหลายก็ต้องอ้าปากค้าง
เพราะว่ายอดฝีมือล้ำสวรรค์ผู้นั้นกลับจางหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย!
ยอดฝีมือล้ำสวรรค์นั้นคือตัวตนที่ทรงพลังที่สุด
การจะสังหารยอดฝีมือล้ำสวรรค์ลงนั้นมันยากเสียยิ่งกว่ายาก
ต่อให้จะเป็นยอดฝีมือระดับหมี่เทียนเองก็ยังไม่อาจจะสังหารยอดฝีมือล้ำสวรรค์ลงได้ง่ายๆ
เพราะฉะนั้นตั้งแต่เริ่มสงครามกันมาแม้ว่าเขานั้นจะเอาชนะยอดฝีมือล้ำสวรรค์ของอีกฝ่ายได้มากครั้ง แต่มันก็แทบไม่อาจสังหารอีกฝ่ายลงได้
แต่ในเวลานี้ยอดฝีมือล้ำสวรรค์เผ่าเลือดคนนั้นกลับตายลงไปอย่างไม่มีโอกาสได้ขัดขืน
ชัดเจนเลยว่าก้อนสายฟ้าทั้งหลายนี้มันทรงพลังแค่ไหน!
ศิลาโลหิตที่ได้เห็นนั้นต้องขมวดคิ้วร้องสั่ง “พวกเจ้าถอยออกมาให้ไกลกว่านี้!”
แต่แม้ไม่ต้องรอคำสั่งของเขานั้นเผ่าเลือดทั้งหลายก็พุ่งตัวหนีไปอย่างไม่คิดชีวิตแล้ว
เพราะก้อนสายฟ้านี้มันน่ากลัวจนเกินไป มันลอยไหลไปตามลมอย่างไม่มีใครคาดเดาทิศทางได้
แน่นอนว่าก้อนสายฟ้าส่วนมากมันตกลงมาใส่เย่หยวนแต่มันก็มีบ้างที่ถูกลมพัดหลุดออกมา
ไม่นานก้อนสายฟ้ามันก็ร่วงลงมามากขึ้นจนปิดบังท้องฟ้าไปสิ้น
เย่หยวนเองก็ต้องทำหน้าเครียดขึ้นมา
เพราะเขานั้นเห็นชัดเจนว่ายอดฝีมือล้ำสวรรค์คนนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะขัดขืน
ก้อนสายฟ้านี้มันไม่อาจจะแตะต้องได้เลย!
เขานั้นสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะร้องขึ้น “พี่น้อง ข้าขอจิตวิญญาณดาบ!”
เย่หยวนนั้นยื่นมือออกมาพร้อมเรียกพลังงานหลายสายขึ้นมาจากสวรรค์เบื้องล่าง
ในมือของเย่หยวนนั้นมันค่อยๆ ปรากฏดาบแสงที่ก่อตัวขึ้น
ดาบนี้มันคือปราณดาบแต่เป็นปราณที่ก่อขึ้นมาจากจิตวิญญาณของดาบ
บนสวรรค์นี้มันมีนักดาบอยู่กี่ล้านคน?
ตอนนี้วิญญาณของดาบทั้งหลายนั้นมันได้มารวมอยู่ในมือเย่หยวนสิ้น!
โฉปู้ฉุนเองก็สัมผัสได้ว่าดาบในมือของเขานั้นมันไม่ยอมฟังคำสั่งและหลุดลอยออกไปหาเย่หยวนจนทำให้เขาต้องทำหน้าเหยเก
เขานั้นร้องขึ้นอย่างตกตะลึง “ที่แท้แล้วนี่คือตัวตนที่แท้จริงของดาบแห่งการปกป้อง! ดาบของข้านั้นสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเขาจนฟังคำสั่งเขาสิ้น! เทียบกันในเต๋าดาบแล้วนั้นข้ายังด้อยกว่าเขาไปมากนัก!”
ดาบแห่งการปกป้องของเย่หยวนนั้นมันถูกใช้เพื่อปกป้องผู้คนเท่านั้น
หากไม่จนตรอกจริงๆ เขาก็ไม่คิดจะใช้ดาบนี้ออกมา
แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องใช้แล้ว!
หลังจากที่เย่หยวนเรียกดาบมานั้นแม้แต่ยอดนักดาบระดับโฉปู้ฉุนเองก็ยังไม่อาจควบคุมดาบตัวเองได้
ชัดเจนเลยว่าเต๋าของเขานั้นทรงพลังกว่ามาก!
เย่หยวนนั้นหยิบดาบแห่งการปกป้องขึ้นมากำมั่นก่อนจะพุ่งตัวขึ้นฟ้าไปหาก้อนสายฟ้าทั้งหลาย
………………………