ตอนที่ 1-2 ความผิดพลาด (Miss-Take)
“…ยุนจองโอเหรอ ยุนจองโอจากเรื่องซันออฟก็อดอะนะ”
เมื่อได้ยินชื่อที่ไม่คาดคิด ดวงตาของแทฮยอนก็เบิกกว้างชั่วขณะอย่างไม่รู้ตัว
ยุนจองโอ… แม้ว่าจะเป็นแค่มดบนถนนชุงมู* แต่ถ้าหากอยู่ในวงการภาพยนตร์ล่ะก็ ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้แน่นอน
นักแสดงยอดนิยมที่อยู่ในระหว่างถูกควบคุมพฤติกรรม หลังจากไปเกี่ยวข้องพัวพันกับเหตุการณ์ยาเสพติดเมื่อหนึ่งปีก่อน บทความในอินเตอร์เน็ตที่แสดงความเศร้าสลด หรือไม่ก็วิพากวิจารณ์ต่อโชคชะตาที่พังทลายลงภายในชั่วพริบตาเดียวของท็อปสตาร์ผู้นี้ ยึดครองพื้นที่บนเว็บไซต์ต่างๆ เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ
ยุนจองโอเป็นนักแสดงที่ได้รับความนิยมอย่างมากมายมหาศาลถึงขนาดนั้น โดยเฉพาะการเลือกผลงานอย่างน่าตกตะลึง ถ้าไม่ใช่เดิมทีภาพยนตร์ที่น่าจับตามองอยู่แล้ว เขาคงเป็น ‘เทพเจ้าแห่งโชคชะตา’ จริงๆ เพราะไม่ว่าจะถ่ายหนังประเภทไหนก็รับรองความสุดยอดแบบสะเทือนวงการภาพยนตร์แน่นอน
“ฉันว่าจะให้ตำแหน่งของฉันไปเลย นายลองไปชวนดูสักครั้งดิ”
“ฮ่าๆ”
แทฮยอนหัวเราะขึ้นมาทันใดโดยไม่ได้เว้นช่วงเวลาให้คิด การปฏิบัติตัวที่รอบคอบของเจฮุน จนถึงไปการลดเสียงให้เบาลงทั้งๆ ที่ในห้องนี้มีเพียงแค่เขาสองคน ช่างเป็นสิ่งที่น่าอับอาย จนแม้แต่แทฮยอนเองก็ยังไม่รู้จะแสดงสีหน้ายังไง
“ขำไรวะ กำลังซีเรียสอยู่นะเว้ย”
“ท่านประธาน ถ้ายังพูดหมาๆ ในเรื่องจริงจังแบบนี้ มันจะกลายเป็นคำพูดของคนได้ยังไง”
ตรงกันข้าม สีหน้าของเจฮุนไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง เพราะกำลังคิดว่าถ้าหมอนี่เลือกพูดแค่คำไม่สุภาพ หรือคำยกย่องไปเลยอย่างใดอย่างหนึ่งมันก็คงจะดีกว่า
“ตรงไหนคำพูดหมาๆ วะ ที่บอกว่าจะให้ตำแหน่งเหรอ ฉันให้จริงๆ นะ”
“…เฮ้อ”
แทฮยอนเสยผมข้างหน้าที่เริ่มยาวแล้วขึ้นไปแทนคำตอบ ท่านประธานที่ดูไม่ทราบเลยว่าจะดำเนินงานนี้ไปอย่างราบรื่นได้อย่างไร ทำไมวันนี้ถึงได้เห่าบ่อยขนาดนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน
“นายไม่รู้ล่ะสิ ว่าตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อนนักแสดงยุนก็เริ่มได้รับบทหนังแล้ว ตลอดครึ่งปีเลยนะเว้ย เหมือนพอข่าวออกปุ๊บวันต่อมาพวกบริษัทผู้ผลิตทั้งหลายก็ส่งบทไปให้เขาเลย ตอนนี้มันคือโอกาส เพราะยังไงสักวันเขาก็ต้องได้กลับคืนวงการ ป่านนี้บทเรียงซ้อนกันสูงไปถึงต้นขาแล้วมั้ง”
“เรื่องนั้นต้องรู้สิ”
“โอ๊ะ รู้แล้วยังขะพูดแบบนั้นออกมาอีกเหรอ ยุนจองโอจะเสียดายอะไร ถ้าได้มาทำงานกับฉัน”
ในขณะที่ฟังคำพูดนี้ก็รู้สึกเจ็บแสบนิดหน่อย ใบหน้าของพวกสตาฟโผล่ขึ้นมาทันที บริษัทผู้ผลิตที่มีพนักงานเพียงแค่ห้าคน รวมถึงเขาที่เป็นทั้งผู้กำกับและคณะกรรมการไปด้วย เงินที่จะจ่ายเงินเดือนก็ไม่มี ถึงมันจะดูเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป แต่ก็ช่างน่าอนาจใจ
“แล้วก็… เจอกันแล้วจะทำยังไงต่อ การแคสติ้งมันก็คือการแสดงตามบทหนังใช่ไหมครับคุณผู้จัดการ แล้วก็สังเกตสีหน้าของผู้กำกับ มันมีอะไรต่างจากเดิมเหรอ”
“อืม… ฉันว่ามันก็เหมือนจะต่างนะ อย่างน้อยมันก็ดีกว่านายจะมาลงทุนใหม่ทั้งหมดไหมละ”
เจฮุนดูจริงจังกว่าครั้งไหนๆ อย่างที่รู้กัน แทฮยอนกำแก้วกระดาษจนยับยู่ยี่ไปหมด
“ทำไม ต่อให้ต้องใช้ร่างกายก็ต้องทำงั้นสิ”
“งั้นเหรอ ลองไหมละ”
“ไอ้เวร”
ควรจะหยุดพูดได้แล้ว แทฮยอนส่ายหัวไปมาก่อนจะลุกขึ้นจนเสียงเก้าอี้ดังครืดเป็นคำเตือน ถ้ามันต้องทำเป็นจริงจังก็ขอทำสักส่วนหนึ่งแล้วพอเลยแล้วกัน
“ไม่ใช่ว่าเราจะต้องลองพุ่งชนกับทุกอย่างหรอกรึไง”
“มันถูกครับที่ทั้งหมูหมากาไก่รู้กันหมดว่าผมเป็นเกย์ แต่ท่านประธานครับ ถ้าทำตามคำพูดหมาๆ ของท่านประธานที่พูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย ว่าให้แคสติ้งนักแสดงด้วยร่างกาย ความรู้สึกอันบริสุทธิ์ของผมที่มีชีวิตอยู่มาจนถึงวันนี้ตอนนี้เนี่ย มันไม่สกปรกไปหน่อยเหรอ ไอ้ลูกหมาเอ้ย”
แม้จะเป็นการโต้ตอบที่หยาบคายและไม่รู้ว่ามีคำว่าหมาอยู่ในประโยคไปตั้งเท่าไหร่ แต่เจฮุนก็ไม่ยอมจำนน
“เฮ้ย… พูดเล่นน่า! …แต่ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่จะก็ลองทำดูก็ได้นะ จากที่ดู ถึงนักแสดงยุน จะได้รับบทหนังไปเยอะแยะ แต่ก็ยังพักอยู่ ไม่ใช่ว่ามีความคิดอื่นอยู่หรอกเหรอ ยิ่งไปกว่านั้นนะ ทัศนะของยุนจองโอที่ใช้เลือกหนังมันค่อนข้างจะพิเศษ ถึงฉันจะไม่รู้เกณฑ์ก็เถอะ”
“รู้น่า ก็เป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม คนที่ทำให้หนังที่คิดว่าต่อให้ตายก็ไม่ดังลอยขึ้นไปได้อย่างหาได้ยากนิ”
“อย่างที่ฉันบอกไง! แค่ลองไปเจอก็ได้ แล้วก็คุยเรื่องหนังซักหน่อย ลองสะกิดถามเขาดูว่าโปรเจ็คใหม่อยากจะทำประมาณไหน หื้อ?”
“บนเตียงล่ะสิ”
“อืม… เอ้ย ไม่ใช่เว้ย”
แทฮยอนเองก็มีเรื่องที่อยากจะทำแค่เพียงอย่างเดียวเหมือนกัน
“ฉันไม่ทำ ต่อให้เด็กๆ ของพวกเราจะไม่ได้กินหมูสามชั้นย่าง หรือต้องกินแค่หนังหมูเพื่อยาไส้ ก็ไม่ทำ รู้ไว้ด้วย”
“นี่ แพคแทฮยอน มันไม่ใช่สถานการณ์ที่นายจะ…”
“อ้อ ทางออกอยู่ตรงนี้เอง ผู้จัดการครับ ขอให้วันนี้มีความสุขกับดับบลิวมีเดียนะครับ”
แทฮยอนคืนตำแหน่งปัจจุบันให้กับเจฮุน ก่อนจะโบกมือลาส่งๆ ต่างกับคำพูดอันสุภาพนอบน้อมให้อีกคน ผู้จัดการหนุ่มตระหนักได้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนคำพูดหยาบคายได้เพราะครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องตลก แต่อีกนัยหนึ่งก็จริงจัง จึงทำได้เพียงแค่อ้าปากอึ้งๆ ท้ายสุดเขาก็ล้มเลิกความคิด และอีกคำที่ได้ยินก็คือคำว่า ‘ไอ้เวร’ ที่พวกเขาทั้งคู่ต่างรับรู้
เสียง ปัง! ดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องที่ปิดลง สีหน้าของแทฮยอนเคร่งเครียดจนรู้สึกเสียวสันหลัง
อะไรนะ ใช้ร่างกายงั้นเหรอ ถึงจะดูโครตบ้า แต่มันก็ดูมีสีสันมากเลยนะครับ แม่ง… ทั้งที่มีสติกเกอร์ห้ามสูบบุหรี่ติดไว้ แต่แทฮยอนที่คาบบุหรี่ไว้ก็เลือกจะจุดไฟตรงนี้ ถ้าจียองที่เป็นช่างไฟมาเห็นสภาพนี้เข้าเขาคงโดนด่าแน่ๆ เป็นความจริงที่มีสิ่งที่กำลังเผาไหม้อยู่ภายในแต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกแสบร้อน ด้วยฐานะของเขาแล้วนั้น ไม่มีทางเลือกอื่นเลย
“เฮ้อ… ยุนจองโอ…”
ยิ่งพูดชื่อนี้ซ้ำๆ ก็ยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนใจกว่าเดิม ตัวเขาเองรู้ดีที่สุดว่าเขาไม่ใช่คนที่เลือกข้าวเย็นข้าวร้อน** แต่ตรงหน้าชายคนนั้นแล้ว คงจะเหมือนเอาอาหารชั้นเลิศสิบแปเอย่างมาประเคนเลยล่ะมั้ง คงได้กินดีอยู่ดีน่าดู
ถ้าหิวมาก จะเลือกกินอะไรมันก็ค่อนข้างจะลำบากไปหน่อย อีกอย่างมันไม่ใช่เรื่องจริงเลย ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเถียงกันด้วย แต่มันคือการยื่นเมนูไปให้ดูแล้วขอให้เลือกอาหารตาสักนิดหนึ่งต่างหาก
ให้คิดเท่าไหร่มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แทฮยอนยอมแพ้ล่วงหน้าไปแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่ทำหรอกนะ แต่ทำไม่ได้ต่างหาก มันทิ่มแทงใจเขาอีกครั้ง
เรื่องแบบนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ไม่โดยเด็ดขาด
* * *
* ถนนที่มีฉายาว่าเป็น ฮอลลีวูดของเกาหลี เพราะเป็นย่านที่รวมบริษัทผลิตภาพยนตร์ไว้
** ผู้ที่มีข้อแม้ทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ์เลือก