ตอนที่ 1-6 ความผิดพลาด (Miss-Take)
“เวรเอ้ย…”
ศิลปะของเขาจะอ่อนเปลี้ย หรือศิลปะเพื่อธุรกิจมันจะเป็นเรื่องยาก ไม่งั้นก็คงทั้งสองอย่าง การดำรงชีวิตมันช่างอัดแน่นไปด้วยความโสมม
อายุสามสิบห้าแล้วยังไงก็ต้องรู้ว่าคนเราไม่สามารถอยู่ได้ด้วยการทำแค่งานที่ชอบเท่านั้น ชีวิตของใครๆ ก็เคยได้ดีและก็เลวร้ายกันมาก่อนทั้งนั้น
เหมือนอย่างที่แทฮยอนพูด การได้ทำงานที่ชอบก็ดูเป็นเคสที่หายากพอสมควร เป็นโลกที่ผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียนเคยทำพาร์ทไทม์ในร้านขายเนื้อ และคนที่จบบริหารธุรกิจก็เคยสอบข้าราชการกันมาแล้ว เพราะมันคือปัญหาที่เขาเป็นอยู่ ทั้งหมดมันก็เพื่อการจ่ายค่าเช่าบ้าน จ่ายค่าบัตรเครดิต จ่ายเบี้ยประกันภัย แน่นอนว่ารวมถึงค่าโทรศัพท์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ต่อให้ในเวลานี้วิวยามค่ำคืนของโซลจะระยิบระยับไปด้วยแสงไฟที่เปิดเพื่อผู้คนที่ทำมาหากินอยู่ในระหว่างนั้น แต่บางครั้งก็น่าเบื่อหน่ายจนอนาถใจ
ศิลปะ แน่นอนว่าศิลปะมันดี ในฐานะที่ทุ่มเทกับวงการศิลปะที่มีความหิวโหยเป็นฉลากติดไว้มาแต่ไหนแต่ไร คนพวกนั้นมันจะไม่มีความเชื่อมั่นในศิลปะของตัวเองเลยหรือไง เขาพูดไม่ได้ว่าจะตัดขาดจากมัน แต่ศิลปะก็ไม่ได้ป้อนข้าวให้เขากิน ถึงอย่างนั้นต่อให้จะมีเสียงหมาที่ไหนบอกว่าร่างกายจะผอมซูบหรือวิญญาณจะอิ่มหนำ แทฮยอนก็ไม่เชื่อมัน
จากที่กินรามยอนเป็นเวลาสามมื้อติด วิญญาณจะอ้วนท้วมหรืออดอยาก อะไรแบบนั้น มันก็ไปไกลเกินกว่าความสนใจของเขาอยู่แล้ว
เขาขยี้ดับมวนบุหรี่ที่เผาไหม้ไปจนหมด แทฮยอนกำลังลังเลว่าจะสูบต่ออีกสักมวนแล้วค่อยกลับเข้าไปข้างในดีหรือไม่ แต่แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น พอมองกลับไปก็พบกับใบหน้าด้านข้างอันหล่อเหลาเข้ามาในสายตา ใบหน้าที่พระเจ้าทุ่มเทสรรสร้าง ระดับสายตาของพวกเขาต่างกัน เมื่อแทฮยอนนั่งมองอยู่จากตรงนี้ ในประวัติเขียนไว้ว่าอีกฝ่ายสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ด ไม่ก็หนึ่งร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตร แต่ยังไงก็สูงกว่าแทฮยอนราวๆ สิบเซนติเมตรได้
นั่นคือยุนจองโอ ทว่าก่อนจะได้ถามว่าผู้ดีมีระดับอย่างคุณทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ อีกฝ่ายก็ดันหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ ยิ่งปวดสมองจะตายอยู่แล้ว จู่ๆ ก็มีผู้ชายที่ไม่ต่างกับพวกหัวโจกโผล่มายืนขวางประตูแบบนี้ เป็นสถานการณ์ที่แม้แต่จะเปิดปากพูดก็ยังน่าอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
สุดท้ายแทฮยอนก็คิดจะสูบบุหรี่เพิ่มอีกหนึ่งมวน
“มีไฟแช็กไหม”
สมกับเป็นอันธพาลจริงๆ ขนาดใจดีบอกอายุไปแล้ว ก็ไม่เห็นแววว่าหางเสียงจะยาวขึ้นเลย
แต่ในขณะที่คิดแบบนั้น แทฮยอนก็หยิบไฟแช็กออกมาให้โดยไม่พูดอะไร มันคงน่าขำถ้าบอกว่าไม่มี และเขาก็ไม่ได้อยากโดนมองว่าใจแคบอยู่แล้ว
“อะ นี่”
แม้ว่าภายในจะมีคำถามที่อยากถาม ซึ่งถ้าหากอีกฝ่ายมีสำนึกมากพอ ก็ควรจะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำตัวไม่มีสามัญสำนึกอยู่ แต่จองโอก็ยังจะกระดิกนิ้วเอาของที่ว่าโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มด้วยซ้ำ
อะไรวะ ไอ้หมอนี่ แทฮยอนเกือบหลุดแค่นหัวเราะอีกครั้ง ตะลึงจนพูดไม่ออกเลย
ไม่มีเหตุผลที่จะหลีกเลี่ยง อีกทั้งนักแสดงผู้มีชื่อเสียงโด่งดังกำลังช่วยจุดบุหรี่ให้กับผู้กำกับกระจอกๆ อีกด้วย โอกาสที่น่าซาบซึ้งใจแบบนี้จะมีอีกเมื่อไหร่กัน แทฮยอนใช้ปากคาบบุหรี่และผละออกจากตัวอีกคน ก่อนจะปัดผมที่ปรกลงมาทัดไว้ข้างหู
สำหรับแทฮยอนผู้มีอุณหภูมิร่างกายตลอดทั้งปีค่อนข้างต่ำ ต่อให้ตอนนี้เป็นปลายฤดูใบไม้ผลิที่มีลมกลางคืนพัดโชยมา แต่มันกลับให้ความรู้สึกเย็นกว่าที่เขาคิดไว้ เป็นเพราะแบบนั้นใช่ไหมนะ เสื้อไหมพรมคอยูแบบกว้างเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าของแทฮยอนถึงยิ่งทำให้ดูน่าสงสารเข้าไปอีก
อีกฝ่ายมองลงมาที่แทฮยอนอย่างนิ่งๆ ไม่ว่าจะเป็นมือที่เสยผม หรือไม่ว่าจะเป็นลำคอที่โน้มลงมาจนทำให้เห็นแนวกระดูกไหปลาร้า
“ผมจะขอโทษ”
หลังจากที่จุดบุหรี่เสร็จแล้ว แทฮยอนสูบมันเข้าไปลึกๆ และเบนสายตามองไปยังด้านข้าง
“จะพูดอะไรเหรอครับ”
“ที่เคยถามว่าไม่ได้มาขายตัวเหรอ”
แทฮยอนพ่นควันบุหรี่ออกมาแทนคำตอบ เขาต้องการเวลาคิดสักพักหนึ่ง
“เพราะเห็นคุณเดินมาจากข้างล่าง”
อ๋อ อย่างนี้นี่เอง เขาคลายข้อสงสัยทุกอย่าง ผู้ชายคนนี้คิดว่าตัวเองมาถึงก่อนแล้ว แทฮยอนสูบบุหรี่เข้าไปอีกครั้ง ก่อนจะพ่นควันออกมาช้าๆ
รู้ทั้งรู้ก็ยังพูดจาดูถูกแบบนั้นใช่ไหม
“รู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ได้รับรู้ ใช่ ผมไม่ได้มาขายตัวครับ คุณนักแสดงยุน”
“รู้น่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็น่าจะดูเป็นมิตรกว่านี้ใช่ไหมล่ะ เหมือนพวกผู้ชายคนอื่นๆ”
“ดูท่าทางคุณจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เยอะนะครับ”
ถามคำถามไปด้วยความเคยชิน มันควรจะเป็นสถานการณ์ที่ตอบไปผ่านๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้ามาขายตัวก็จริง ถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง และผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ แค่จะวนเวียนไปๆ มาๆ ก็ตาม แต่ชีวิตของเขาคงต้องเหนื่อยขึ้นแน่ๆ
“แหงสิ ก็เคยโดนเกย์เข้ามาจู่โจมจนนับถ้วนไม่ถ้วน”
ครับ ครับ คงจะเป็นอย่างนั้น การแนะนำตัวเป็นเรื่องที่ดี แต่วิธีการและหัวข้อมีเอกลักษณ์มากเลยทีเดียว แทฮยอนขำคิกคักเล็กน้อย นี่คือผู้ชายที่เคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารอย่างมั่นใจว่า ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าตัวเขาดีเลิศกว่าผู้อื่น ได้ยินมาเป็นอย่างดีเลยว่าคุณสุดยอดนักแสดงผู้นี้มีทั้งความมั่นใจและความทะนงในตนเองสูงเทียมฟ้า
“แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่เคยมีเซ็กซ์กับผู้ชายด้วยกันเองหรอกนะ”
“งั้นเหรอครับ”
หลังจากตอบกลับไปอย่างด้านชา เขาก็ปล่อยควันบุหรี่ให้ลอยกระจายไปทั่ว สายตาของแทฮยอนทอดมองควันฟุ้งที่หายวับไปในพริบตา ไม่ได้น่าสนใจ มันก็เป็นอย่างนั้น และถึงจะเป็นแบบนั้นหรือไม่เป็นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยสักนิด
หากแต่การไม่สนใจของแทฮยอนภายในที่ที่ไม่คาดคิดแห่งนี้กลับทำให้เกิดความน่าสนใจขึ้นมา สายตาของชายหนุ่ม… สายตาของจองโอแข็งกร้าวขึ้นในตอนนั้น แม้แต่เส้นผมปรกหน้าพริ้วไหวไปตามลมที่พัดมาอย่างแผ่วเบาก็มิอาจมองเห็น
สายตาที่ไม่สามารถรับรู้ได้ว่ากำลังมองไปยังที่ไหน จมดิ่งไปกับทิวทัศน์ยามราตรีอันระยิบระยับของโซล รูปลักษณ์ด้านข้างเหมือนกำลังมีเรื่องราวอะไรอยู่ แน่นอนว่าเพราะแทฮยอนเป็นแค่ผู้กำกับภาพยนตร์ การเป็นผู้ครอบครองรูปร่างภายนอกอันงดงามแบบนี้มันจึงไร้ประโยชน์
“อืม ไม่เคยลองสักครั้งเดียว และก็ไม่คิดจะลองด้วย”
“อ๋อครับ อย่างนี้นี่เอง”
ไม่ว่าจองโอจะพูดอะไร แทฮยอนก็ตอบกลับแบบส่งๆ เพราะเขาไม่มีความสนใจใดๆ อะไรเลยจริงๆ อีกฝ่ายจะนอนกับผู้ชายด้วยกันหรือไม่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขากันล่ะ คงกลับกลายเป็นว่าตัวเองเป็นไบเซ็กชวล แต่ก็อาจจะน่าสนใจขึ้นมาหน่อย หากแย้งกลับไปว่าการมีเซ็กซ์กับผู้ชายน่าหลงใหลมากๆ
แต่ว่า ทำไมนะ ทั้งๆ ที่เป็นคำตอบที่ธรรมดาและสุภาพพอ สีหน้าของจองโอตอนนี้มันเตะตาเขาเข้าอย่างจัง ราวกับมีอะไรสักอย่างที่ไม่ถูกใจเอามากๆ
“เห็นบอกไม่ได้มาคุยเรื่องงาน งั้นเราเข้าไปดื่มกันอีกดีไหมครับ”
แทฮยอนขยี้ดับก้นบุหรี่มวนที่สองทิ้งและพูดออกมาราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น บรรยากาศแปลกๆ ระหว่างช่วงที่เงียบกันไปสักครู่หนึ่ง ย้อนกลับมาสู่ความเป็นจริงในพริบตา จานนั้นทั้งคู่ก็สบตากัน
“ผมคิดไว้แล้วว่าวันนี้จะมารีดไถผู้จัดการซงให้หมดตัวไปเลย”
แทฮยอนยิ้มออกมา ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วที่อีกฝ่ายที่ส่งรอยยิ้มทางสายตามาให้อย่างต่อเนื่อง ในตอนนี้จองโอก็ควรจะชินได้แล้ว แม้ว่ามันอาจจะเป็นยิ้มการค้าก็ตาม