ชิงหยุนพาทั้งสองคนเดินผ่านซอยแห่งหนึ่ง
“ภารกิจคืออะไร” เย่ฉางถามตรงๆ
“แทรกซึมเข้าไปในองค์กรนิพพาน” ชิงหยุนถอนหายใจ
“แทรกซึมเข้าไปข้างในและฆ่าพวกมันทั้งหมดเหรอ?” เย่ฉางยิ้มเย็นชา
“มันเป็นภารกิจสายลับ ตอนนี้ฉันเป็นหนึ่งในสาวกขององค์กรนิพพาน ฉันแอบเข้าไปที่นั่นเพื่อสืบข่าวบางอย่าง และหลังจากนั้น … เอ่อ … คุณอยากจะทำอะไรก็แล้วแต่คุณเลย” ชิงหยุนยิ้มอย่างขมขื่น ‘น้ำเสียงของคุณดูไม่กลัวอะไรเลยนะ?’
“โอ้ ฉันเข้าใจแล้ว” เย่ฉางรู้สึกลังเลเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันไปมองเฉาหยินรุ่ย “อยู่ใกล้ๆฉันเอาไว้ล่ะ”
เฉาหยินรุ่ยพยักหน้าอย่างระมัดระวัง เธอยังจำฉากนรกในวันนั้นได้แม่น ระดับพวกกลายพันธุ์นั้นเธอสามารถต่อสู้ได้มากสุดเพียงหนึ่งตัวเท่านั้น ‘ดูเหมือนว่าชิงหยุนจะกลัวเย่ฉาง’
ชิงหยุนพาพวกเขาไปยังทางเข้าอุโมงค์ใต้ดิน อุโมงค์ใต้ดินที่นี่ถูกสร้างมานานแล้ว เนื่องจากการจัดการที่ไม่ดีและการที่วิทยาลัยใหญ่ในเมืองปิดตัวลง ทำให้สถานที่ใต้ดินจำนวนมากถูกทิ้งร้าง
พวกเขาเดินผ่านเส้นทางแม่น้ำใต้ดินที่คดเคี้ยว และลงลึกไปเรื่อยๆ จากนั้นชิงหยุนก็สวมหน้ากากรูปแมวห้าตา เธอยังส่งหน้ากากให้เย่ฉางกับเฉาหยินรุ่ยอีกด้วย
พวกเขาค่อยๆเดินไปยังที่ที่มีเสียงเพลง ทันใดนั้นชายร่างใหญ่ที่สวมหน้ากากผีก็หยุดพวกเขาเอาไว้ “ไปให้พ้น ที่นี่ห้าม…”
ไม่ต้องรอให้เขาพูดจบ ชิงหยุนก็หยิบบัตรเชิญออกมา แต่ทันใดนั้นหัวของชายร่างใหญ่ก็หลุดออกจากบ่า และร่างของเขาก็กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที เย่ฉางหยิบชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายรวมทั้งหัวแล้วโยนลงถังขยะ ในขณะที่เฉาหยินรุ่ยกำลังกรีดร้อง เขาก็ดึงกระโปรงของเธอมาเช็ดมือของเขา เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเถอะ ฉันช่วยแก้ปัญหาให้คุณแล้ว”
ชิงหยุนพูดไม่ออก ‘คุณไม่คิดจะแทรกซึมแบบปกติบ้างหรือไง? ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการได้รับบัตรเชิญนี้’ เธอยิ้มอย่างขมขื่น สำหรับเฉาหยินรุ่ย เธอช็อคตั้งแต่เย่ฉางสับชายร่างยักษ์เป็นชิ้นๆโดยที่ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ เธอหนาวสั่นลงไปตามกระดูกสันหลังของเธอ ขณะที่เธอมองเย่ฉางที่ยังคงใช้กระโปรงของเธอเช็ดมือของเขา ‘ฉันคงไม่กล้าที่จะต่อสู้กับเขาในการแข่งขันโรงเรียนทั้งห้าแล้ว!’
เมื่อชิงหยุนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เย่ฉางก็พุ่งเข้าไปข้างในทันที ขณะที่ผู้หญิงทั้งสองคนเดินตามเขาเข้ามา หัว, อวัยวะ และเศษเนื้อจำนวนมากก็ปลิ้วว่อนไปทั่ว และกระเด็นมาที่พวกเธอ ห้องโถงที่มืดสลัวและมีพวกประหลาดเต้นภายใต้เสียงเพลง กลับกลายเป็นฉากนรกทันที ถ้าหากจะบอกว่าทุกคนที่อยู่ข้างในนั้นเป็นปีศาจ ชายผมขาวคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก
ชิงหยุนตกตะลึงไปชั่วครู่ เธอปัดลำไส้ออกจากเส้นผม แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา “บอส ผมขาวได้เข้ามาในสถานที่ด้วย”
“อะไรนะ! บ้าเอ้ย! … คุณโชคร้ายจริงๆที่เจอกับปีศาจกระหายเลือดผู้นี้ แล้วตอนนี้พอมีใครบ้างที่ยังมีชีวิตอยู่” เร็นลองเป็นกังวล
“พวกเขาตายอย่างรวดเร็ว” ชิงหยุนยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อเธอเห็นว่าเลือดไหลท่วมออกมาเหมือนสายน้ำ
“ฉันจะไปที่นั่นทันที!” เร็นลองวางสายทันที
ขณะที่เธอเก็บโทรศัพท์ ชิงหยุนก็เห็นเฉาหยินรุ่ยยืนช็อคอยู่ ‘คุณไม่ควรมาเลยจริงๆ นั่นเป็นปีศาจสังหารที่เหลือเชื่อสุดๆ เมื่อใดก็ตามที่มีเขาอยู่ด้วย ฉันไม่เคยเห็นซากศพที่สมบูรณ์เลย’ เธอไม่สามารถทิ้งเฉาหยินรุ่ยไว้ตามลำพังได้ ‘หากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ มันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายกับตระกูลเฉาและเย่ฉาง’ ชิงหยุนก้าวไปอย่างรวดเร็วและดึงเธอไปด้วย
“นั่นอะไร! อ๊าค!”
“มีผู้บุกรุก!”
“แกคือ! อ๊าค!”
ได้ยินเสียงกรีดร้องดังไปทั่ว เมื่อลำแสงสีขาวพุ่งไปที่ใด ที่นั่นจะมีแขนขาของสัตว์ประหลาดจำนวนมากปลิ้วว่อนขึ้นไปบนฟ้า
ในห้องนี้ชิงหยุนเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกมัดอย่างแน่นหนา มีแถบเหล็กล็อคหัวของเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา และมีมีดแทงเข้าที่หัวกะโหลกของเธอ มือสัตว์ประหลาดกิ้งก่าที่เป็นคนเอามีดแทงเธอ ตอนนี้อยู่ในมือของเย่ฉางแล้ว ที่อยู่ข้างๆเธอก็คือหม้อที่เต็มไปด้วยน้ำมันเดือดปุดๆ ผู้หญิงที่กำลังกรีดร้องค่อยๆสงบลง เมื่อเย่ฉางสัมผัสหัวเธอด้วยมือที่เปื้อนเลือด “ช่วยฉัน! ช่วยฉันด้วย!”
“ไม่เป็นไรแล้ว” ในขณะที่เย่ฉางบดสมองของพ่อครัวสัตว์ประหลาดจิ้งจก เขาก็ค่อยๆดึงมีดที่คมออกมาจากหัวเธอด้วยรอยยิ้ม เขาโล่งใจหลังจากตรวจสอบบาดแผลของเธอ ‘โชคดีที่มันไม่ได้เจาะเข้าไปในสมอง’ มือของเขาแผ่พลังวิญญาณออกมาเพื่อห้ามเลือดให้เธอ “กลุ่มมังกรและนักเรียนคนนั้นจะดูแลเธอเป็นอย่างดีเอง”
ขณะที่เดินเข้ามา ชิงหยุนค้นพบว่าสถานที่แห่งนี้ใหญ่มาก ไม่ไกลออกไปมีมนุษย์กลายพันธุ์จำนวนมาก และมนุษย์จระเข้เก้าตาที่ยืนอยู่บนแท่นสูง เธอร้องอุทานออกมา “มันคือจระเข้ผีเก้าตา!”
เมื่อเห็นว่าเย่ฉางดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้เลย ชิงหยุนก็สงบลงเล็กน้อย ‘จระเข้ผีเก้าตาไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะสามารถจัดการได้’
ทั้งๆที่ยังหวาดกลัวอยู่ แต่เฉาหยินรุ่ยก็เข้าไปประคองผู้หญิงคนนั้น และถามขึ้นมาว่า “พวกเขาจะทำอะไรกับเธอ?”
“เทน้ำมันลงบนสมองของเธอ และกินสมองของเธอ พวกเขาจะเปิดกะโหลกของเธอโดยให้เธอยังมีชีวิตอยู่ จากนั้นก็จะราดน้ำมันเดือดลงไปและกินสมองของเธอ ขณะที่ฟังเสียงกรีดร้องของเธอไปด้วย” ชิงหยุนตอบ ขณะที่เธอหันไปมองหญิงสาวที่เป็นลม ซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของเฉาหยินรุ่ย
“นี่…มันโหดร้ายเกินไปแล้ว” เฉาหยินรุ่ยรับไม่ได้
“อาหารจานนี้ไม่ได้ถูกคิดค้นโดยมนุษย์กลายพันธุ์ แต่มันเกิดขึ้นครั้งแรกในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ชั่วร้ายแห่งหนึ่งเมื่อ 200 ปีก่อน หลังจากนั้นมันก็ถูกสร้างเป็นละคร มีแม้กระทั่งการหั่นเนื้อเด็กเป็นชิ้นๆแล้วกิน ฉันยังเห็นผู้หญิงที่ชั่วร้ายใช้มีดเลเซอร์ตัดอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้ชาย จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นๆแล้วกิน” เฉาหยินรุ่ยพูดไม่ออก เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่ชิงหยุนพูด เมื่อมองไปยังทิศทางที่ชิงหยุนชี้ไป เธอเห็นผู้หญิงที่ตายแล้วนอนอยู่ในกรง กะโหลกของพวกเธอถูกตัดครึ่ง
“ดังนั้นจักรพรรดิเบญจมาศและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา จึงจัดการและจัดระเบียบสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ชั่วร้ายนี้” ชิงหยุนพูดต่อ จากนั้นเธอเห็นพลังงานสีขาวโพยพุ่งออกมาจากดวงตาของเย่ฉาง ‘เขาเริ่มจริงจังแล้วเหรอ?’ ก่อนหน้านั้นเป็นลำแสงสีขาว ซึ่งก็ยังพอจะเห็นได้บ้าง แต่ตอนนี้เย่ฉางกลายเป็นริ้วแสงสีขาว ทำให้เธอมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากชิ้นเนื้อและซากศพที่อยู่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้น
เร็นลองที่เพิ่งมาถึงเห็นเลือดจำนวนมากไหลออกมาจากข้างใน เขายิ้มอย่างขมขื่น ‘นั่นคือการสังหารของพระเจ้า’
แม้แต่เร็นลองก็ยังตัวสั่นในขณะที่เขาเดินเข้าไป ‘ชายคนนี้จะโหดน้อยลงบ้างไม่ได้หรือไง?’ เมื่อเขาเดินไปหาเย่ฉาง เขาก็เห็นจระเข้ผีเก้าตาที่ถูกตัดแขนขา
“ฉันเหลือผู้รอดชีวิตให้คุณหนึ่งคน อย่าลืมล่ะว่าคุณเป็นหนี้บุญคุณฉัน” เย่ฉางยิ้ม
“ทำขนาดนี้แล้วยังจะทวงบุญคุณอีก” เร็นลองไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“เอากระเป๋าเงินของคุณมาให้ฉัน” เร็นลองก็โกรธ เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เย่ฉางพูด “ไปตายซะ!”
ชิงหยุนกำกระเป๋าเงินของเธออย่างรวดเร็วด้วยสองมือ ขณะที่เย่ฉางมองมาที่เธอ
เย่ฉางถอนหายใจแล้วพูดว่า “กลุ่มมังกรมีแต่คนขี้เหนียว”
“ไปกันเถอะ” เย่ฉางใช้กระโปรงของเฉาหยินรุ่ยเช็ดมืออีกครั้ง
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ?” เร็นลองถาม ในขณะที่เฉาหยินรุ่ยมอบผู้หญิงให้กับชิงหยุน
“ถ้าเธอไม่มีที่ให้ไป ให้ส่งเธอไปให้ ColdMoon” เมื่อพูดจบ เย่ฉางก็ดึงเฉาหยินรุ่ยซึ่งไม่กล้าพูดอะไร ออกจากขุมนรกนี้
เร็นลองพยักหน้า เขารู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ภายใต้ ColdMoon นั้นยอดเยี่ยมและดุร้ายกันทุกคน
เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากอุโมงค์ใต้ดิน เย่ฉางเห็นว่าเฉาหยินรุ่ยยังคงตกใจอยู่ ดังนั้นเขาจึงตบไหล่ของเธอ และชี้ไปที่ผู้คนที่อยู่รอบๆ “คุณรู้หรือไม่ว่าสิ่งเหล่านี้มีค่ามากแค่ไหน?”
เฉาหยินรุ่ยเห็นใบหน้าที่มีความสุขของครอบครัวที่อยู่บนถนน, พี่ชายแกล้งน้องชาย และน้องสาวไล่พี่ชาย ฉากเหล่านี้แตกต่างจากที่เธอเห็นในนรก
“สิ่งที่เราทำได้คือปกป้องโลกนี้จากการทำชั่วในทุกวิถีทาง นอกจากนี้ยังป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเหมือนที่เมืองเฉียงซานอีก” หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด เฉาหยินรุ่ยรู้สึกชื่นชมเย่ฉางมากขึ้น แต่เมื่อนึกถึงรูปลักษณ์อาชูร่าของเย่ฉาง เธอรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าความชื่นชม
“เอาล่ะ! นี่มันก็ค่อนข้างดึกมากแล้ว กลับบ้านกันเถอะ! จำไว้ด้วยว่าถ้าใครถามว่ากระโปรงของคุณทำไมถึงเปื้อนเลือด ให้คุณตอบว่าเป็นเพราะประจำเดือน” เย่ฉางหันกลับและจากไป
“…… ” เฉาหยินรุ่ยมองไปที่กระโปรงของเธอที่เต็มไปด้วยคราบเลือด เธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น ขณะที่นึกถึงเหตุผลของเย่ฉาง ‘ถ้ามันเป็นเพียงแค่สีแดง คำตอบของนายมันก็ยังโอเคอยู่ แต่มันมีทั้งสีม่วงและสีเหลืองอีกนี่สิ’
ทันใดนั้นเย่ฉางดูเหมือนจะนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เขารีบเดินกลับมาและถามอย่างรวดเร็ว “คุณพกกระเป๋าเงินของคุณมาด้วยไหม?”
เฉาหยินรุ่ยลังเลเล็กน้อย แล้วก็พยักหน้า “พก”
เฉาหยินรุ่ยส่งมอบกระเป๋าเงินให้กับเย่ฉาง เย่ฉางรีบเปิดมันทันที ‘โอ้ เธอร่ำรวยจริงๆ’ เมื่อมองเหรียญ 50 หยวนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เขาลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดเขาถอนหายใจและยังคงเอามันไป จากนั้นเขาก็มอบกระเป๋าเงินให้แก่เฉาหยินรุ่ย และจากไปทันที ในพริบตาเขาก็หายตัวไปแล้ว
เฉาหยินรุ่ยยังไม่ได้สติ เธอยังมองไปที่ทิศทางที่เย่ฉางจากไป ทันใดนั้นเธอก็กลับมารู้สึกตัว เมื่อนึกถึงสิ่งที่เย่ฉางทำ เธอยืนนิ่งท่ามกลางสายลม “ไม่น่าแปลกใจที่เขาเป็นปีศาจ ไม่เหลือเงินแม้แต่ค่าแท็กซี่ด้วยซ้ำ”