บทที่ 1 (3)
ผมมองปากกาในมือของเขาอย่างกระอักกระอ่วนกับท่าทีของชายหนุ่มที่ถามกระทั่งเรื่องการขริบหนังหุ้มปลาย ผมผ่าตัดไปแล้วเมื่อสิบสองปีก่อนตอนปิดเทอม ผมจับมือของคุณปู่เอาไว้และร้องลั่นโรงพยาบาล ผมยังจดจำการอดทนต่อความเจ็บปวดตามคำพร่ำสอนที่ว่าผู้ชายตัดหนังตรงนั้นมาแต่ยุคโบราณเพื่อให้มันดูสะอาดสะอ้านได้อยู่เลย
“ขริบแล้ว”
มุมปากของผู้ชายคนนั้นโค้งขึ้นกับคำตอบที่ชัดเจน เป็นรอยยิ้มแรกที่เขาเผยให้เห็นบนใบหน้าเฉยชาของเขา ผมคงต้องเพิ่มความประทับใจให้ชายหนุ่มที่ผมเพิ่งด่วนสรุปไปอีกสักหน่อย อาจจะเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจจากความประทับใจแรก แต่ผมก็รู้สึกถึงความชั่วร้ายเล็ก ๆ ในรอยยิ้มมุมปากข้างหนึ่งของเขา
ดูเหมือนว่าผู้ชายอย่างเกล็น แม็คควีน จะมีนิสัยที่ไม่น่าคบค้าสมาคมด้วยเท่าไหร่ในทุก ๆ ที่ ไม่ใช่แค่ที่นี่เท่านั้น นอกจากผู้ชายที่มีบรรยากาศน่าอึดอัดคนนี้จะไม่สนใจผมที่ดูธรรมดา ๆ แล้ว เขาเองก็ไม่ใช่คนแบบที่ผมชอบเหมือนกัน ผมไม่ได้อยากจะเป็นเพื่อนกับคนที่โดดเด่นนักหรอก
“เคยถ่ายทำสื่อลามกอื่น ๆ มาก่อนไหมครับ”
“ไม่เคยครับ”
“คุณรู้จริง ๆ ใช่ไหมว่าต้องถ่ายทำหนังประเภทไหน”
เขาที่กำลังจดบันทึกเงียบ ๆ มองผมด้วยแววตากังขา คิดว่าผมจะมาโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวงั้นหรือ ตอนที่ผมพยักหน้ารับและตอบสั้น ๆ ว่า ครับเสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูลิฟต์ที่เปิดออก
“อ๊ะ มาตอนไหนหรือคะเกล็น”
“เมื่อกี้นี้เอง”
“ทำไมถึงสัมภาษณ์เป็นทางการแบบนั้นล่ะคะ เอ็ดเกร็งไปหมดแล้วนะ”
“ผมทำให้คนอื่นสบายใจไม่เป็นหรอก”
เจนีนเดาะลิ้นพลางทำปากยื่นกับคำตอบเฉไฉและเสียงหัวเราะแห้ง ๆ
เจนีนไม่ได้ขึ้นลิฟต์มาคนเดียว แต่มีชายสองคนขนอุปกรณ์ขึ้นมาด้วย มีไฟและกล้องขนาดใหญ่สองตัว อุปกรณ์เสียงหลายชนิด รวมถึงไมโครโฟน สถานที่ถ่ายทำมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ต่างจากที่ผมคิดไว้ว่าบรรยากาศคงจะซอมซ่อ ดูเหมือนจะไม่ใช่การโฆษณาเปล่าประโยชน์ที่เน้นคำว่าวิดีโอเอชดีในโฮมเพจ
ผู้ชายผมหยักศกสีแดงซึ่งกำลังขนย้ายอุปกรณ์เหลือบมองมาที่ผมจากนั้นก็หันไปพูดกับผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“เกล็น คุณจะถ่ายทำตรงไหน”
“เอามาตั้งไว้ข้างหน้าผม”
เขาพยักพเยิดปลายคางไปเหนือโซฟาที่ดูนุ่มนิ่มข้างหน้าต่าง ถึงแม้ท่าทีของชายหนุ่มผู้ใช้คางชี้ไปยังสถานที่แทนที่จะใช้มือนั้นจะดูหยิ่งยโสมากแต่ผู้ชายผมหยักศกสีแดงก็ดูจะไม่ใส่ใจนัก
“เอ็ด อีกสักพักเราจะถ่ายทำ คุณพร้อมไหมคะ”
เจนีนที่นั่งอยู่ข้างผมเอ่ยถาม เธอจะมีส่วนในการถ่ายทำด้วยหรือเปล่านะ แต่ผมก็ไม่ได้ถามออกไป เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น
“ผมขอดื่มน้ำสักแก้วได้ไหมครับ”
“อืม ได้สิ”
เธอตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงพลางเดินไปที่เครื่องกรองน้ำใกล้ ๆ
ผู้ชายตรงหน้าคงไม่มีอะไรจะถามผมแล้ว เขาจึงหันไป ผมเห็นพวกผู้ชายคนอื่น ๆ กำลังติดตั้งไฟและเสียบปลั๊กอยู่ข้าง ๆ โซฟานุ่มสีขาวใกล้หน้าต่าง ยังกลางวันอยู่เลย ต้องใช้ไฟอีกหรือ แต่พอลองคิดดู แสงดีอยู่ก็จริง แต่ในร่มก็คือในร่ม
ผมอยากได้น้ำเย็น แต่เจนีนส่งชาคาโมมายล์อุ่น ๆ มาให้ ผมจิบน้ำร้อนที่ออกมาจากถุงชาสามเหลี่ยมพลางดูพวกเขาทดสอบกล้องเงียบ ๆ ผมรู้สึกถึงสายตาจึงหันไปมองเล็กน้อย เกล็น แม็คควีน กำลังมองมาที่ผมเมื่อเราสบตากัน เขาก็หันไปทางผู้ชายผมหยักศกสีแดงที่ถือกล้องเข้ามาอะไรของเขากันนะ ผมขมวดคิ้วพลางคาดเดาสีหน้า แต่ไม่ได้ถามอะไรออกไป
“เอ็ด หันมาหาฉันหน่อย”
เมื่อหันไปตามเสียงที่ดังขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว บางอย่างสีขาวดังพั่บก็เข้ามาใกล้ทันที ผมสะดุ้งพลางปิดตาลงโดยอัตโนมัติขึ้น ฟองน้ำสีขาวที่มีบางอย่างอยู่บนนั้นกำลังแตะลงมาบนใบหน้า
“ถ้าดูหล่อขึ้นสักหน่อยก็คงดี ฉันจะแต่งหน้าให้คุณนิดหน่อยให้เข้ากับสีผิวนะคะ”
“…”
สัมผัสหยาบกร้านบนใบหน้าหายไป หญิงสาวแปรงเส้นผมที่เกือบจะแห้งสนิทให้ รวมไปถึงการเมคอัพและให้คำแนะนำ ตัวตนของผู้หญิงเป็นอย่างไรกันนะ ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด เธอก็จัดการกับผมจนเสร็จเรียบร้อย
“นี่! มาทางนี้ครับ”
ชายผมหยักศกสีแดงที่ถือกล้องและต่อนั่นต่อนี่เงยหน้าขึ้นมองผมพลางตะโกนเรียก ผมถอยห่างจากมือของหญิงสาว เมื่อเดินไปหาเขาด้วยความลังเล เขาก็บอกให้ผมนั่งที่โซฟา ดูเหมือนกำลังจะเริ่มแล้ว ผมมองไปที่กล้องอย่างเหม่อลอย
“อีกสักพักเราจะเริ่มกันแล้วนะครับ เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมด้วย”
ชายสวมสวมหมวกไหมพรมสีดำเดินเข้ามาหาชายผมหยักศกที่กำลังมองเข้าไปในกล้องซึ่งตั้งอยู่บนขาตั้งกล้องอีกที “เปิดตัวประมาณนี้ก็กำลังดีผ้าม่านเกะกะไป ลองแก้ไขที…” พวกเขาที่พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จากนั้นก็หยิบกล้องวิดีโอขนาดเล็กขึ้นมา
“มองมาที่ผมนะครับ”
ผมเงยหน้ามองกล้องที่อยู่บนขาตั้งตามคำสั่งของชายผมหยักศกเขาพยักหน้าและยิ้มอย่างพออกพอใจ
“ถ้างั้นก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า ทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม”
เกล็น แม็คควีน ผู้เฝ้าดูความวุ่นวายทั้งหมดนี้อยู่เงียบ ๆ ลากเก้าอี้ไร้พนักพิงมา เขานั่งกางขาอยู่ในตำแหน่งที่กล้องไม่จับและกอดอกดูผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เจนีนตอบพลางเสียบสายเชื่อมต่อไมโครโฟนที่ติดตั้งบนเพดานเข้ากับอุปกรณ์
“ค่ะ”
เกล็น แม็คควีน ยักไหล่กับคำตอบของหญิงสาวและบอกว่า
“งั้นก็เริ่มได้”
สายตาของผมจับจ้องบริเวณจมูกของแม็คควีน ตามความต้องการของตากล้องที่บอกว่าไม่ต้องมองหรือสนใจกล้อง เกล็นแนะนำให้ผมมองตาเขาแทน แต่ผมไม่อยากรู้สึกกระอักกระอ่วนกับการมองตาผู้ชายในขณะที่กำลังมาสเตอร์เบชั่นหรอกนะ
เขาลูบคางด้วยฝ่ามือหลังจากเอ่ยทักทายพอเป็นพิธี ผมไม่ได้คิดอะไรมากจนถึงช่วงก่อนจะถ่ายทำ แต่เมื่อถึงเวลาเปิดกล้องกลับรู้สึกปากคอแห้งผาก ผมวางข้อศอกบนเข่าและเท้าคางกับฝ่ามือในขณะที่รอให้เขาพูด
“คุณกำลังประหม่าและรู้สึกคอแห้งใช่ไหมครับ”
“อืม…ก็ประมาณนั้นครับ”
เกล็นยิ้มบาง ๆ กับคำพูดนั้น
“ตอนนี้รู้สึกอย่างไรหรือครับ”
“รู้สึกสับสนนิดหน่อยด้วยครับ”
“แต่สีหน้าของคุณดูสบาย ๆ มากเลยนะ”
ผมลูบคางพลางยักไหล่กับคำพูดของชายหนุ่ม บ่อยครั้งที่มักจะได้ยินคำพูดประเภทว่าหน้าตาไร้อารมณ์ชะมัด หรือไม่ก็โดนถามว่าโกรธอยู่หรือเปล่า แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะใบหน้าที่ดูไม่เหมือนสนใจอะไรนี่แหละ ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ได้โต้แย้งออกไป เมื่อผมไม่ตอบเขาก็ถามคำถามถัดไป
“อายุเท่าไหร่ครับ”
“ยี่สิบสี่ครับ”
“ดีครับ คุณเป็นคนที่ไหนหรือ”
“อืม ควีนส์ครับ”
“คุณมีงานอดิเรกหรือกีฬาที่ชอบไหมครับ ทอมมี่”
“ถ้าเป็นกีฬา ผมชอบสโนว์บอร์ดกับเล่นเซิร์ฟครับ แล้วผมก็เวทเทรนนิ่งเป็นประจำด้วย”
“ดูเหมือนคุณจะชอบออกกำลังกายคนเดียวนะ เข้าสังคมไม่ค่อยเก่งละสิ”
ผมเหยียดยิ้มกับคำพูดของเขา ถูกเผง ผมเว้นช่องว่างระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เล็กน้อยแทนคำตอบ
“งานอดิเรกล่ะ”
“หนังครับ ผมชอบดูหนังมาก”
“อืมม”
ชายหนุ่มพยักหน้าพลางวางข้อศอกบนหัวเข่าและประสานมือเข้าด้วยกัน เขาอาจจะคิดว่าการดูหนังคงไม่ใช่งานอดิเรกที่เหมาะกับผู้ชายที่เข้าสังคมไม่เก่ง ผมกัดริมฝีปากล่างเพื่อซ่อนความอึดอัดใจ ผมเม้มปากแน่นเมื่อคิดว่ามันอาจจะดูเหมือนว่าผมกำลังรู้สึกกังวล เขายังคงถามคำถามเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อ เช่น ความฝันในวัยเด็ก สมัยเด็กผมเป็นคนแบบไหนไปจนถึงความสามารถพิเศษ ผมกำลังมองจมูกของเขา แต่กลับรู้สึกได้ถึงสายตาของเกล็น แม็คควีน ที่จับจ้องอยู่บนใบหน้าของผม
“จำได้ไหมครับว่าช่วยตัวเองครั้งแรกตอนอายุเท่าไหร่”
เป็นคำถามที่จริงจังมาก แตกต่างจากคำถามก่อนหน้านี้
“ประมาณอายุสิบสาม อืม…ประมาณนั้นแหละครับ”
ผมลูบแก้มที่แห้งกร้านพลางตอบคำถาม เหลือบตาขึ้นสบตาเขาแทนปลายจมูก แต่เขากลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“เดี๋ยวก่อนเทย์เลอร์ คัท”
เกล็น แม็คควีน พูดพลางยกมือขวาขึ้น ผมจำไม่ได้ว่าทำอะไรพลาดไปหรือเปล่า เมื่อมองหน้าชายหนุ่ม เขาก็พูดพร้อมกับส่ายหน้าช้า ๆ
“มันอาจจะยาก แต่ผมอยากให้คุณพูดเยอะกว่านี้หน่อย”
น้ำเสียงของเขานุ่มนวล แต่สีหน้าเคร่งเครียด เขาทำงานอย่างเอาจริง-เอาจัง ดูเหมือนจะยังไม่พอใจนัก ผมพยักหน้าพลางครุ่นคิดอย่างหนักว่ามีอะไรให้พูดอีกบ้างเกี่ยวกับการช่วยเหลือตัวเองครั้งแรก
“ถ้างั้นมาเริ่มกันใหม่นะ”