บทที่ 1 (7)
ผมยังคงติดนิสัยมาจากตอนนั้น ถ้าในห้องมีแสงสว่างแม้แต่น้อยผมจะนอนไม่หลับ ในคืนที่มีแสงสว่างผมรู้สึกเหมือนกับว่าต้องรอใครสักคนจนไม่สามารถข่มตาหลับได้ ถ้ามณฑลไร้ราตรียังมีอยู่และผมอาศัยอยู่ที่นั่นก็คงจะไม่มีวันได้นอนหลับตลอดกาล
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรือ”
เขาพูดพลางลูบแก้มด้วยฝ่ามือ
“ความมืดสนิทในพื้นที่ทะเลทรายตะวันตก เขาเรียกว่าอะไรนะ”
“…”
“ความมืด…ที่ทำเป็นของที่ระลึกน่ะ”
“อะไรนะ”
เดเร็คเลิกคิ้วมองผมผ่านกระจกมองหลัง
“เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะไปไหน กลางคืนก็สว่างเพราะมีไฟฟ้าใช่ไหมล่ะที่ทะเลทรายตะวันตก มันมีสินค้าที่ระลึกที่ทำให้กลางคืนไม่มีแสงสว่างแม้แต่แสงจากไฟฉาย ฉันก็เลยอยากลองไปดู”
“นายจะไปทำอะไรที่นั่น”
“ก็ไปดูดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนหรืออะไรทำนองนั้น เพราะมันมีหลายสิ่งที่เราสามารถรู้สึกได้ในความมืด”
เดเร็คที่ฟังเงียบ ๆ เคาะมือลงบนพวงมาลัยรถยนต์เบา ๆ พลางแค่นหัวเราะ
“เจ้าบทเจ้ากลอนจริง ๆ บางทีนายก็เพ้อเจ้อนะเนี่ย”
เดเร็คจับพวงมาลัยรถยนต์ด้วยสองมือและส่ายหน้า เขาเหลือบมองผมพลางหัวเราะอีกครั้ง มันเป็นสายตาที่สัมผัสได้ถึงความเอ็นดู
“ช่วงนี้นายยังใช้ผ้าปิดตาตอนนอนอยู่หรือเปล่า”
ผมพยักหน้าแทนคำตอบ
“เป็นเจ้าทึ่มที่อ่อนไหวกับเรื่องนั้นแบบแปลก ๆ สินะ”
“กำลังด่าฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
“ก็นะ นายต้องรู้สึกถึงจุดสุดยอดที่สมบูรณ์แบบและทำอย่างนั้นจนกว่าจะหมดแรงไปเอง ดังนั้นฉันจะไม่พูดว่านอนไม่ได้ถ้าไฟสว่างหรอกนะ”
ทำไมบทสรุปของเรื่องนี้ถึงกลายเป็นเรื่องความสุขทางเพศไปเสียได้ผมพิงประตูรถด้วยท่าทีสบาย ๆ พร้อมกับยกมือซ้ายขึ้นมา เมื่อผมชูนิ้วกลางและส่ายไปมาช้า ๆ เดเร็คก็หัวเราะคิกคัก
“อาทิตย์หน้าไปคลับกันไหม”
“ไม่ละ ผู้หญิงอังกฤษคนนั้น…”
พอพูดถึงหญิงสาวที่เหมือนราชินีอังกฤษกระทั่งการสั่งน้ำมูกที่เราคุยกันเมื่อสักครู่นี้ ใบหน้าของเดเร็คก็ยับย่น
“บ้าไปแล้วหรือไง นายจะคบกับผู้หญิงที่เอาแต่มองคนมีเซ็กซ์กับม้าได้อย่างไร”
“เธอบอกว่ามันดี”
“ผู้หญิงคนนั้นพูดแบบนี้ หลังจากดูไอ้นั่นของม้าเนี่ยนะ”
เดเร็คฉีกยิ้มพลางถลึงตามองผม เมื่อผมผลักศีรษะของเขาเพราะสีหน้าที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ หมอนั่นก็หันมามองผมทั้งที่ยังทำหน้าทำตาแบบนั้นในทันที หลังจากผมหัวเราะลั่น เขาก็ระเบิดหัวเราะออกมาเช่นกัน
เรามาถึงฟลัชชิงในควีนส์ระหว่างที่กำลังหัวเราะและพูดคุยเรื่องไร้สาระกัน เสียงดังสนั่นของรถไฟใต้ดินที่วิ่งผ่านไปก้องอยู่ในหู ตอนที่ลงจากรถ เดเร็คทำท่ายิงปืนด้วยนิ้วมือพร้อมส่งเสียง “ปัง”
“มะรืนนี้หาเวลาว่างไว้ด้วยล่ะ”
“เวลาว่าง?”
เขาพูดต่อหลังจากแสร้งทำท่าเป่าควันจากปลายกระบอกปืน
“เรื่องของเเอชน่ะ ไม่จำเป็นต้องโกหกเรื่องที่เขานอกใจ”
“โกหกงั้นหรือ”
“ซาราห์ชวนนายกับฉันไปกินมื้อเย็น คงจะถามว่าแอชนอกใจจริง ๆ ใช่หรือเปล่า”
ผมมองเดเร็คที่พูดด้วยสีหน้าหม่นหมองพลางชูนิ้วกลางขึ้นมา
“ลูกพี่ลูกน้องของนาย นายก็จัดการเองเถอะ”
เมื่อหันหนีก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อจากด้านหลัง แต่ผมก็เดินแคะหูเข้ามาในอพาร์ตเมนต์ ผมไม่อยากเห็นความสัมพันธ์ในครอบครัวของแอชถูกทำลาย แต่ก็ไม่อยากแสดงความน่าเชื่อถือด้านศีลธรรมของตัวเองในเรื่องแบบนี้เช่นกัน
เมื่อเดินผ่านทางเดินแคบ ๆ และเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ความร้อนก็พัดวูบขึ้นหน้า ผมเปิดหน้าต่างทุกบานและดื่มน้ำแร่ในตู้เย็น ผมเข้าห้องน้ำพร้อมกับเจ้าเอ็มพาที่สกปรกไปทั้งตัวหลังจากอาบน้ำไปเมื่อหลายเดือนก่อน ผมยืนหน้ากระจกเช็ดเส้นผมเปียก ๆ ด้วยผ้าขนหนูพร้อมกับอุ้มแมวขนลีบเปียกชุ่มไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง รูปของบรูซ ลี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นไอดอลของผมติดอยู่บนผนังด้านหลังที่สะท้อนออกมาในกระจก
ขาที่เต็มไปด้วยเรี่ยวแรงของเอ็มพายังคงดีดดิ้นไปมาเหนือร่องกล้ามเนื้อบริเวณกระดูกเชิงกราน เอ็มพา แมวอายุเจ็ดปีเป็นสิ่งเดียวที่ปลอบประโลมจิตใจของผมท่ามกลางมรดกเล็กน้อยที่คุณปู่ทิ้งไว้ เอ็มพาไม่ค่อยชอบผมสักเท่าไหร่ แต่ผมเอ็นดูมันมากทีเดียว
เมื่อผมวางเจ้าเอ็มพาซึ่งดิ้นรนอยากจะหลุดพ้นจากตัวลง มันก็ส่งเสียงราวกับจะต่อว่าผม ก่อนจะเดินหายไปนอกประตู ผมนั่งลงบนเก้าอี้เดี่ยวและกอดหมอนเก่า ๆ เอาไว้ หารีโมตทีวีแล้วกดปุ่มเปิด นึกอยากจะสูบบุหรี่แต่ดันโยนซองบุหรี่ใส่เดเร็คไปแล้ว ผมเลียริมฝีปากพลางกดปุ่มบนรีโมตเปลี่ยนช่องไปอย่างไร้จุดหมาย ผมเปลี่ยนช่องด้วยแววตาว่างเปล่าอยู่พักหนึ่งจึงกดปิด จากนั้นก็เหลือบมองใบแจ้งหนี้ที่กองพะเนินเต็มโต๊ะ
พวกมันคือราคาที่ผมเลือกจะใช้ชีวิตแบบมนุษย์ที่มีสังคมปกติต่างจากแมวขโมย คนโรคจิต และคนไร้บ้าน นี่เป็นหนึ่งในมรดกไม่กี่อย่างที่คุณปู่ทิ้งไว้ให้ผมพร้อมกับแมว ผมถอนหายใจเบา ๆ พลางเหลือบมองโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากข้าง ๆ
โทรศัพท์ดังในระหว่างที่กำลังอาบน้ำจึงมีสายที่ไม่ได้รับ คงเป็นเดเร็คที่พยายามจะขอให้ช่วยสมรู้ร่วมคิดเรื่องแย่ ๆ ของแอช ผมยิ้มขมขื่นพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ผมกดรายชื่อ แต่มันเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักมีสายที่ไม่ได้รับอยู่สองสาย แต่ผมไม่ค่อยอยากจะโทร.กลับตามประสาคนไม่ชอบเข้าสังคม
ตอนนั้นเองก็มีข้อความเข้ามา
** [เจนีน คีตัน เองค่ะ ถ้าเห็นข้อความนี้แล้วโทร.หาฉันด้วยนะคะ 🙂 ]
เป็นข้อความสั้น ๆ แสนสุภาพ
ไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดถึงการจดจำชื่อของหญิงสาวที่ไม่ได้บันทึกรายชื่อไว้ในโทรศัพท์อย่างเจนีน คีตัน เลย
ผมอ่านข้อความอย่างเหม่อลอย ตอนที่ตั้งสติได้ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง มันเป็นเบอร์ของเธอคนนั้น เจนีน คีตัน
บางอย่างแตกต่างไปจากเดิม ผมลูบคางอย่างเชื่องช้าพลางหันไปมองกล้อง กล้องติดตามผมตลอดเวลาและกำลังถ่ายทำ ตอนที่มาที่นี่เพื่อถ่ายทำฉากมาสเตอร์เบชั่นเมื่อหลายวันก่อน ผมตอบคำถามไม่กี่ข้ออย่างรวดเร็วจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปอย่างไรและถ่ายทำในทันทีที่พวกเขาพร้อมแต่ตอนนี้กล้องกลับตามติดผมตลอดและถามคำถามเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่างจากตอนถ่ายฉากโซโล่
เทย์เลอร์ถามคำถามอยู่หลังกล้อง
“ดูเหมือนจะยังตื่นเต้นอยู่เลยนะ ฉันไปเอาอะไรมาให้กินสักหน่อยดีไหม”
“ถ้ากินเข้าไปคงแน่นท้องแน่”
“พร้อมจะเจอคู่ขาหรือยัง”
“…ยังเลย”
เมื่อผมส่ายหน้า เทย์เลอร์ที่ถือกล้องก็ยักไหล่พลางหัวเราะ
“ไม่ต้องเขินหรอกน่า”
ตอนที่เงยหน้ามองเขาซึ่งกำลังบ่นพึมพำ เทย์เลอร์ก็ปิดไฟสำหรับถ่ายทำและวางกล้องลง
ไม่ทันได้โต้แย้ง เขาก็หยิบช็อกโกแลตบาร์บนโต๊ะและเดินออกไปนอกประตู เจนีน คีตัน ที่เกลี้ยกล่อมผมอยู่นานสองนานเมื่อคืนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอไปสนามบินเพื่อรับผู้ชายที่จะมาถ่ายทำคู่กับผม
เจนีน คีตัน เป็นนักพูด เธอบอกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างจากคนอื่นและจะไม่ส่งผลกระทบเลวร้ายใหญ่โตราวกับเป็นห่วงเพราะต้องเข้าสู่โลกที่ยังไม่รู้จัก นอกจากนี้ตอนที่ถ่ายทำฉากโซโล่คราวก่อนก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก จึงมีกระแส อยากให้ทอมมี่ถ่ายทำตอนต่อไปอย่างจริงจังหลั่งไหลเข้ามา มันเป็นคำพูดที่ฟังดูเกินจริง ทั้งคำชมและการโน้มน้าวของเธอไม่ได้เข้าหูผมสักนิด สิ่งเดียวที่ดึงดูดใจผมคือจำนวนเงินที่จะได้รับจากการถ่ายทำต่างหาก เงินจำนวน 5,000 ดอลลาร์ แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นเงินจำนวนน้อยนิดที่ได้รับเป็นค่าตอบแทนจากการขายวิญญาณ
การตัดสินใจชั่ววูบจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่และเกิดบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟ็กต์ [1] ที่ส่งผลกระทบต่ออนาคต ผมนึกถึงใบหน้าของนักแสดงหนังโป๊ฮาโล ควาดรา ซึ่งทำให้เกิดข้อถกเถียงกันในสังคมอเมริกาและหญิงสาวที่มีเซ็กซ์กับม้าเพื่อเงินขึ้นมา
แต่ผมก็ตัดสินใจโดยไม่ลังเล แม้ว่าความคิดไร้สาระจะพรั่งพรูออกมาเต็มไปหมด มันคือจิตใจที่รู้สึกต่อต้านเล็กน้อย ไม่ใช่ทุกคนที่สูดดมโคเคนจะถูกทำลายตัวตน นอกจากจะไม่มีใครเข้าใจความยึดมั่นในพรหมจรรย์ของผม เมื่อเคยรักนวลสงวนตัวเหมือนสาวพรหมจรรย์แล้ว ผมยังไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตโดยมีอักษรของคนบาปตราอยู่บนหน้าอกเพียงเพราะถ่ายหนังโป๊เกย์ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ในพรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหลังจากถ่ายทำฉากโซโล่ไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน การชำระหนี้ทั้งหมดของหน่วยงานราชการที่ผมผัดผ่อนมาห้าเดือนคือการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างสำหรับผม ทัศนคติในเรื่องศีลธรรมของผมที่เพิกเฉยต่อความเจ้าชู้ของแอชแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในเวลานั้น ไม่มีดินแดนแห่งสวรรค์ให้คนอย่างผมไปเยือน และผมก็ไม่ได้รู้สึกละอายต่อบาปของตนเอง ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลที่ชัดเจน หากงูยื่นผลไม้แสนหวานมาให้ [2] ผมก็คงจะกัดกินมันโดยไม่ลังเล
หัวของงูเหลี่ยมจัดที่ล่อลวงเอวาผู้ไร้เดียงสาเพื่อความพึงพอใจแสนเจ้าเล่ห์ของตัวเองอยู่ที่ไหนกันนะ