War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3221

เมื่ออาวุโสหวังของนิกายจ๋างหั่วฉานกล่าวจบคำ มันก็ทำหน้าปั้นปึ่งและถอยออกไปเล็กน้อย เห็นชัดว่าไม่คิดเข้าไปยุ่งเกี่ยวเพียงอยู่เพื่อชมดูเรื่องราว
 
อาวุโสหลิวของนิกายจ๋างหั่วฉานเห็นดังนั้น มุมปากอดกระตุกไปไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่เหินร่างไปลอยข้างๆอาวุโสหวังเงียบๆ
 
“ไอ้หนู เจ้าเป็นคนฆ่าอาวุโสซุนหยูของนิกายเหิงชาเฉวียนข้างั้นเรอะ!?”
 
อาวุโสฉินแห่งนิกายเหิงชาเฉวียนที่แต่เดิมมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเฉยเมย บัดนี้ในดวงตามันกลับฉายประกายเยียบเย็นวูบวาบ
 
“ใช่”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
 
“ไฉนต้องฆ่าอาวุโสซุนหยูของพวกเราด้วย?”
 
คนของนิกายเหิงชาเฉวียนอีก 3 คนที่เหลือก็เปลี่ยนจากสายตาเฉยเมย เป็นมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็นเช่นกัน
 
“ข้าได้ผลไม้อมตะมาแล้ว แต่มันกลับลงมือแย่งชิงด้วยเจตนาฆ่าฟัน…หากข้าไม่ฆ่ามัน หรือจะรอให้มันฆ่าข้า?”
 
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองคนของนิกายเหิงชาเฉวียนผ่านๆ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
 
“สารเลวน้อย เมื่อเจ้ากล้าฆ่าอาวุโสของนิกายเหิงชาเฉวียนของข้า…วันนี้ ก็หยุดอยู่ที่นี่เถอะ!”
 
ชายวัยกลางคนหนึ่งเดียวในบรรดาคนนิกายเหิงชาเฉวียนทั้ง 4 เอ่ยออกเสียงเย็น ดวงตาท่วมท้นไปด้วยจิตสังหาร
 
คนนิกายเหิงชาเฉวียนอีก 3 คนที่เหลือ โดยเฉพาะชายชราแซ่ฉินเอง ก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนยด้วยสายตาอำมหิตปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน
 
“อะไร? พวกเจ้าคิดฆ่าข้ารึ?”
 
มุมปากต้วนหลิงเทียนยกยิ้มบางๆ จากนั้นก็หยีตามองเพ่งคนนนิกายเหิงชาเฉวียนทั้ง 4 เอ่ยเอ่ยถามเน้นเสียง “เรื่องนี้…พวกเจ้าต้องคิดให้ดี”
 
“เฮอะ! ยังต้องคิดอันใด? ในเมื่อไอ้หนูเจ้าฆ่าอาวุโสนิกายเหิงชาเฉวียนข้า เช่นนั้นวันนี้เจ้าต้องตาย!!”
 
ชายวัยกลางคนแค่นคำเสียงเย็น
 
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เจียนแตกหักเต็มที อาวุโสหลิวของนิกายจ๋างหั่วฉานอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงผ่านพลังไปถามอาวุโสหวังข้างๆ “อาวุโสหวัง พวกเราไม่เตือนพวกมันจักดีหรือ สองคนนั่นไม่พ้นต้องลงมือเข่นฆ่าพวกมันทั้ง 4 จนหมด ไม่ออมรั้งยั้งมือให้เหมือนพวกเราแน่”
 
“อาวุโสหลิว ท่านเป็นอาวุโสนิกายจ๋างหั่วฉาน ส่วนพวกมันเป็นคนของนิกายเหิงชาเฉวียน ความตายของพวกมัน สำคัญกับท่านตรงที่ใด?”
 
อาวุโสหวังส่งเสียงผ่านพลังไปด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
 
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่มันเอ่ยส่งเสียงผ่านพลังจบคำ ทั้ง 4 ของนิกายอมตะเหิงชาเฉวียนก็เปิดฉากเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง
 
เนื่องเพราะพวกมันได้รับทราบจากอาวุโสฉินมาก่อนแล้วว่า ต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญกฏมิติ และยังเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย เช่นนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ต้วนหลิงเทียนหนีรอดไปได้ พวกมันจึงคิดกลุ้มรุมสังหารต้วนหลิงเทียนในกระบวนเดียว
 
เห็นฉากดังกล่าว ด้านอาวุโสหวังของนิกายจ๋างหั่วฉาน ก็ยกยิ้มแสยะราวกับมีความสุขเมื่อเห็นผู้อื่นกำลังจะประสบทุกข์หนัก
 
และเป็นดั่งที่มันคิดไว้ไม่มีผิด ทั้ง 4 คนของนิกายอมตะเหิงชาเฉวียนล้วนตกตายหมดสิ้น ไม่มีผู้ใดรอดพ้น
 
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้มันประหลาดใจก็คือ
 
ตั้งแต่ต้นจนจบชายยหนุ่มชุดม่วงไม่ได้ลงมือเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นสตรีงดงามชุดขาวที่ลอยอยู่ข้างๆเป็นผู้ลงมือฆ่าฟัน
 
ยิ่งไปกว่านั้น สตรีชุดขาวนั่นเข่นฆ่าจอมราชันอมตะทั้ง 4 ของนิกายเหิงชาเฉวียนได้ในเวลาเพียง 1 ลมหายใจเท่านั้น
 
“นั่นมัน…อำนาจจิต? ทักษะวิญญาณ?”
 
เมื่อย้อนนึกถึงฉากการตายของคนนิกายอมตะเหิงชาเฉวียนทั้ง 4 ชายชราแซ่หวังอดไม่ได้ที่จะตกใจ เพราะมันเห็นว่าก่อนที่ทั้ง 4 จะตกตาย แววตาของพวกมันกลับเลื่อนลอย ร่างยังหยุดนิ่งกลางหาว! สิ่งนี้ทำให้ใจมันบังเกิดความหวั่นหวาดอย่างแรง สีหน้ายังฉายชัดถึงความกลัว
 
อาวุโสหลิวที่ลอยร่างข้างๆ ก็หน้าเสียไปเป็นแถบ แววตาเต็มไปด้วยความสยดสยอง อดพึมพำกับตัวด้วยความหวาดเสียวไม่ได้ “โชคดีที่ก่อนหน้านี้นางไม่ได้เล่นงานข้าเช่นนี้…หาไม่แล้วข้าไม่พ้นต้องตายอย่างโง่งม!”
 
เมื่อตรู่ตอนปะทะกับพวกต้วนหลิงเทียน คู่มือของมันก็คือฮ่วนเอ๋อ
 
จังหวะนี้มันยังงตระหนักได้อีกเรื่อง ว่าก่อนหน้าเป็นฮ่วนเอ๋อออมมือให้มันมากมาย
 
หลังเก็บแหวนพื้นที่ของคนนิกายอมตะเหิงชาเฉวียนทั้ง 4 แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองตาอาวุโสหวังของนิกายจ๋างหั่วฉานเขม็ง “หากข้าเข้าใจไม่ผิด…ท่านจงใจใช้พวกเราต่างมือปืนรับจ้างสินะ?”
 
เมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนย่อมเห็นชัดว่าอาวุโสหวังผู้นี้จงใจไม่บอกพลังฝีมือของเขากับฮ่วนเอ๋อ ให้คนของนิกายอมตะเหิงชาเฉวียนทั้ง 4 รับรู้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการให้คนของนิกายเหิงชาเฉวียนทั้ง 4 รอดพ้นคราวเคราะห์
 
“ใต้เท้า…ข้า…ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าในเมื่อพวกข้าขาดทุนแล้ว พวกมันก็สมควรต้องขาดทุนด้วยเช่นกัน หมายให้พวกมันส่งมอบผลไม้อมตะกับสมุนไพรอมตะทั้งหมดให้กับใต้เท้าเหมือนพวกเราเท่านั้น…”
 
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน หน้าอาวุโสหวังของนิกายจ๋างหั่วฉานก็เปลี่ยนสีไปทันใด เร่งกล่าวอธิบายออกมาเร็วไว “ท้ายที่สุดแล้วหากพวกมันไม่คิดลงมือต่อใต้เท้า ไหนเลยใต้เท้าจักมีเหตุผลดีๆ ในการช่วงชิงผลไม้อมตะกับสมุนไพรอมตะของมันเล่า?”
 
“อ้อ นี่เจ้าจะบอกว่าเจ้าหวังดีต่อข้างั้นสิ?”
 
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
 
“ย่อมเป็นเช่นนั้น”
 
อาวุโสหวังพยักหน้ารับเป็นมั่นเหมา กล่าวออกเสียงดังฟังชัด แลดูชอบธรรมอย่างยิ่ง ราวกับมันคิดแบบนี้จริงๆ! สิ่งนี้ถึงกับทำให้อาวุโสหลิวที่อยู่ข้างๆรู้สึกหน้าม้าน อยากขุดหลุมอากาศแล้วมุดหลบอยู่บ้าง!!
 
“ฮ่วนเอ๋อ พวกเราไปกันเถอะ”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวทักฮ่วนเอ๋อ ก่อนจะเหินร่างนำออกไปทันที คร้านจะหยอกล้ออะไรกับอาวุโสหวังอีกต่อไป เจตนาอีกฝ่ายจะอย่างไรก็ช่าง เพราะทั้ง 4 คนนั่นถูกลิขิตให้ต้องตายตั้งแต่เผยจิตสังหารต่อเขาแล้ว
 
และตอนนี้เวลาก็เหลือน้อยเต็มที
 
ก่อนที่จะถึงวินาทีสุดท้าย เขาไม่คิดจะถอดใจ เร่งเดินทางตระเวนหาพื้นที่ๆถูกค่ายกลมายาปกปิดกับฮ่วนเอ๋ออย่างตั้งใจ
 
ทางด้านอาวุโสหวังกับอาวุโสหลิวของนิกายจ๋างหั่วฉาน เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อจากไปลับสายตาแล้ว พวกมันก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
 
“ให้ตายเถอะ ราชาอมตะ 10 ทิศกับจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดไฉนร้ายกาจได้ขนาดนั้นกัน? เห็นทั้งคู่แล้ว ข้ารู้สึกเสมือนชั่วชีวิตที่ผ่านมาของข้า มันไร้ค่าเยี่ยงชีวิตสุนัข!!”
 
อาวุโสหวังคลี่ยิ้มขื่นขม
 
“เฮ่อ ไม่ใช่แค่ท่าน…ข้าเองก็สะเทือนใจยิ่ง”
 
อาวุโสหวังก็ยิ้มแหยๆออกมาเช่นกัน
 

 
ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ นับว่าได้ประโยชน์จากแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 ไม่น้อยเลยทีเดียว และสิ่งนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนมั่นใจมาก ว่าในเวลา 30 ปีที่เหลือ เขาจะสามารถทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะได้แน่!
 
และตลอด 30 ปีที่เหลือ เขาพาฮ่วนเอ๋อกับไปพักที่บ้านลานในนิกายอมตะเสวี่ยหยา ไม่ได้ไปหุบเขาน้ำแข็งอีกเลย
 
นั่นเพราะไอพลังวิญญาณฟ้าดินที่ยังหลงเหลือในหุบเขาน้ำแข็ง มันแทบไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยเมื่อเทียบกับผลไม้อมตะทั้งหลาย
 
นอกจากนี้ฮ่วนเอ๋อก็ชอบจะอยู่ที่บ้านลานในนิกายอมตะเสวี่ยหยามากกว่าอยู่ในหุบเขาน้ำแข็ง
 
วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปเรื่อยๆ จากวสันต์ผ่านพ้นสู่คิมหันต์จนย่างเข้าสารทรอบแล้วรอบเล่า แต่ทัศนียภาพยังติดค้างในเหมันตฤดู
 
20 ปีต่อมา ฮ่วนเอ๋อสามารถทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 3 ศักดิ์ได้อย่างราบรื่น
 
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนกลับยังอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศ ไม่อาจทะวงถึงจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้
 
แม้แต่การเข้าใจในกฏมิติเองก็ไม่อาจก้าวหน้า
 
‘ความลึกซึ้งทั้ง 9 ประการของกฏมิตินอกจากความหมายแห่งมิติแล้ว อีก 8 ประการที่เหลือข้าล่วนบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแต่แรก…’
 
‘แต่มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ทุกคราที่ข้าคิดจะทำความเข้าใจมันให้บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ กลับเสมือนติดข้อจำกัดอะไรบางอย่าง…บ่อยครั้งที่ข้ารู้สึกเหมือนจะเข้าใจ แต่กลับไม่อาจเข้าใจมันได้’
 
ด่านพลังติดขัดไม่ก้าวหน้า ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนหงุดหงิดมากแล้ว
 
ตอนนี้พอการตระหนักรู้กฏมิติกลับหยุดชะงักไปด้วย ทำให้ต้วนหลิงเทียนหัวเสียไปกันใหญ่
 
สุดท้ายหลังจากที่เพลิงเทพโกลาหลได้รับทราบปัญหาของต้วนหลิงเทียน มันก็กล่าวอธิบายออกมาทันที “เจ้าหนู เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเจ้าหรือใครก็ตามจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ หากด่านพลังยังไม่บรรลุถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ”
 
“หากเจ้าคิดจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏให้ถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ เจ้าต้องทะลวงผ่านไปยังขอบเขตจอมราชันอมตะให้ได้สถานเดียว”
 
คำอธิบายของเพลิงเทพโกลาหลก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ทันที และสิ่งนี้ยิ่งทำให้เขารำคาญใจไปกันใหญ่
 
“ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 10 ปีเท่านั้น แดนลับอัจฉริยะก็จะเปิดออกแล้ว…ข้าหวังว่าใน 10 ปีนี้ข้าจะทะลวงด่านพลังได้สำเร็จ”
 
ตอนนี้ระดับพลังบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียนมันปริ่มเปร่จะทะลวงถึงจอมราชันอมตะเต็มที เรียกว่าพลังของเขาเข้าใกล้ขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดอย่างไร้สิ้นสุด
 
อย่างไรก็ตาม ยังไม่อาจทะลวงผ่าน
 
ตอนนี้สถานการณ์ของเขา ไม่ได้แตกต่างอะไรจากฮ่วนเอ๋อตอนที่จะออกจากหลิงหลัวเทียนเลย
 
ทว่าสุดท้ายสถานการณ์ของฮ่วนเอ๋อ ก็สามารถคลี่คลายลงเพราะเวลา…ผ่านไปสักพักด่านพลังของนางก็ทะลวงผ่านไปเอง!
 
“ให้ตายเถอะ หรือข้าทำได้แค่รอคอยเวลาอย่างเดียว?”
 
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มระทม
 
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจออกไปเดินเล่นด้านนอก มองหาโอกาส พยายามทุกทางเพื่อทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะให้ได้ในเวลา 10 ปี
 
เช่นนั้น ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็ได้ออกจากนิกายอมตะเสวี่ยหยาอีกครั้ง เดินทางท่องไปทั่วๆละแวกทุ่งน้ำแข็งทางตอนเหนือ
 
อย่างไรก็ตาม ผ่านปีแล้วปีเล่า แต่ด่านพลังของต้วนหลิงเทียนยังไม่อาจทะลวงผ่าน
 
‘ปีหน้าก็ถึงเวลาที่แดนลับอัจฉริยะจะเปิดออกอีกครั้งในรอบพันปีแล้ว…ข้าเหลือเวลาอีกแค่ปีเดียวเท่านั้น’
 
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันอย่างมาก
 
ตอนนี้ตัวเขาจะมีวาสนาได้เข้าไปในแดนลับอัจฉริยะหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าปีหน้าเขาจะทะลวงงผ่านไปยังขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้ทันเวลารึเปล่า
 

 
การเปิดออกของแดนลับอัจฉริยะในรอบพันปี นับเป็นเหตุการณ์สำคัญของแดนทักษินยุทธ์ ถึงตอนนั้นอัจฉริยะทั้งหมดของแดนทักษินยุทธ์จะมารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตา
 
เช่นนั้นเมื่อย่างเข้าสู่ปีสุดท้ายก่อนที่แดนลับัจฉริยะจะเปิดออก ทั่วทั้งแดนทักษินยุทธ์จะกลายเป็นคึกครื้นรื่นเริงไม่น้อย เซียนอมตะมากมายเลือกที่จะออกจากการปิดด่านฝึกตน ออกมาเสพย์รับบรรยากาศอันมีชีวิตชีวา
 
“เฮ่อ แดนลับอัจฉริยะที่ว่า กล่าวไปก็นานมากแล้วที่ไม่มี ‘อัจฉริยะรากหญ้า’ อันร้ายกาจฝืนฟ้าปราฏตัวขึ้นเลย ทุกคนที่พอมีแววก็ถูกกอัจฉริยะของขุมกำลังระดับ 1 ทั้งหลายสะกดข่มกันหมด…ตลอดหมื่นปีที่ผ่าน แม้จะมีอัจฉริยะรากหญ้าบางคนโดดเด่นขึ้นมา แต่ก็ทำผลงานได้ไม่เท่าอัจฉริยะท้าทายสวรรค์พวกนั้น”
 
“เรื่องนี้มันก็สมเหตุสมผลแล้วล่ะ อัจฉริยะรากหญ้า จะอย่างไรก็ขาดแคลนทรัพยากร ไหนเลยจะไปเทียบพวกอัจฉริยะของขุมกำลังระดับ 1 ที่เกิดมาบนช้อนเงินช้อนทองได้เล่า? เป็นธรรมดาที่พลังฝีมือของพวกมันจะเหนือล้ำกว่าอัจฉริยะสามัญ”
 
“จริง กล่าวไปแค่มีอัจฉริยะรากหญ้าสามารถโดดเด่นขึ้นมาจนเป็นที่ต้องตาพึงใจของขุมกำลังระดับ 1 สุดท้ายจึงถูกทาบทามให้เข้าร่วม เพียงเท่านี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่แล้ว”
 
“นี่ล่ะถึงมีคนกล่าวไว้ ว่าแดนลับอัจฉริยะมิใช่แค่ให้อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของขุมกำลังระดับ 1 ทั้งหลายมาประชันขันแข่งแสวงหาโชควาสนากันเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีให้อัจฉริยะรากหญ้ามีโอกาสแสดงพลังสามารถและศักยภาพเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกด้วย”
 
“อัจฉริยะรากหญ้าที่โดดเด่นจักถูกทาบทามให้เข้าร่วมขุมกำลังระดับ 1 ก็จริง…ทว่าในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมา ในบรรดา 3 ขุมกำลังระดับ 1 ที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนทักษินยุทธ์เรา ดูเหมือนจักมีอัจฉริยะรากหญ้าแค่ 2 คนไม่ใช่หรือไร ที่ถูกเผ่าหงส์ฟ้าโบราณกับตระกูลไป๋ลี่ทาบทาม? ทว่าขุมกำลังระดับ 1 อย่างนิกายกระบี่หมื่นหายนะกลับไม่สนใจอัจฉริยะรากหญ้าคนใดเลย…”
 

 
เผ่าหงส์ฟ้าโบราณ ตระกูลไป๋ลี่ และนิกายกระบี่หมื่นหายนะ เป็นขุมกำลังระดับ 1 ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาขุมกำลังระดับ 1 ทั่วทั้งแดนทักษินยุทธ์
 
เหตุไฉนที่แดนทักษินยุทธ์แห่งนี้ไร้จักรพรรดิอมตะสมญานามปกครอง ก็สืบเนื่องมาจากการดำรงอยู่ของขุมกำลังทั้ง 3
 
บางคนยังตั้งข้อสงสัยว่าอันที่จริงใน 3 ขุมกำลังระดับ 1 นี้ ล้วนมีตัวตนระดับจักรพรรดิอมตะสมญานามดำรงอยู่ แต่เนื่องจากทั้งหมดล้วนรู้ไส้รู้พุงกันดี จึงได้แต่ลอบถ่วงดุลกันและกัน จึงไม่มีผู้ใดคิดจะออกมาอ้างตัวเป็นจ้าวปกครองดินแดนอย่างเบ็ดเสร็จ
 
เช่นนั้นจึงปรากฏสถานการณ์ไร้จักรพรรดิอมตะสมญานามปกครองแดนทักษินยุทธ์ให้เห็น
 
แดนลับอัจฉริยะ เป็นแดนลับที่จะเปิดออกทุกๆรอบ 1,000 ปี และมีเพียงผู้ที่ยังมีอายุไม่ถึง 1,000 ปีรวมถึงบรรลุขอบเขตจอมราชันอมตะแล้วเท่านั้นถึงจะเข้าไปด้านในได้
 
และยกเว้นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของขุมกำลังระดับ 1 แล้ว อัจฉริยะที่มาจากขุมกำลังรองลงมาหรืออัจฉริยะที่เป็นผู้ฝึกตนอิสระไร้สังกัดอะไร จะถูกเรียกเหมารวมว่า ‘อัจฉริยะรากหญ้า’ ทั้งหมด
 
อัจฉริยะอายุไม่ถึงพันปีของขุมกำลังระดับ 1 ทั้งหลายนั้น การเข้าสู่แดนลับอัจฉระของพวกมันโดยปกติแล้วก็เพื่อโดดเด่นในการทดสอบต่างๆเป็นการประกาศศักดิ์ดา รวมถึงแสวงหาสมบัติจากการทำลายสถิติบททดสอบต่างๆ ช่วงชิงโชควาสนาของผู้อื่น
 
สำหรับอัจฉริยะจากขุมกำลังรองลงมาทั้งหลายไม่เว้นอัจฉริยะไร้สังกัด ที่กระตือรือร้นจะเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะนั้น นอกเหนือจากแสวงโชควาสนาแล้ว ยังเพื่อพิสูจน์คุณค่าตัวเอง เพื่อจะได้เข้าสู่ขุมกำลังระดับ 1
 
แน่นอนว่าอัจฉริยะทั้งหลายก็ล้วนมุ่งหวังจะเข้าร่วมกับขุมกำลังระดับ 1 ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้ง 3 อย่างเผ่าหงส์ฟ้าโบราณ ตระกูลไป๋ลี่ และนิกายกระบี่หมื่นหายนะ
 
ทุกครั้งที่แดนลับอัจฉริยะเปิดออก 3 ขุมกำลังที่ว่า จะเปิดรับศิษย์จำนวนหนึ่ง
 
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่จะเป็นศิษย์เหล่านั้นเลือกที่จะเข้าร่วมด้วยตัวเอง
 
ตลอดระยะเวลา 10,000 ปีที่ผ่านมา มีเพียงอัจฉริยะรากหญ้าแค่ 2 คนเท่านั้น ที่ได้รับคำเชิญชวนจากเผ่าหงส์ฟ้าโบราณและตระกูลไป๋ลี่เป็นการส่วนตัว

War Sovereign Soaring The Heavens

War Sovereign Soaring The Heavens

Type: Author:
จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้! ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ … ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset