War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3374

ตอนที่ 3374 : โน้มน้าวท่านพ่อข้าก่อน
 
“ซือหลิง!?”
 
“เทียนหวู่!?”
 
เงาร่างโฉมสะคราญทั้ง 2 ที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นนั้น ทําให้อวี่เหวินชิงกับโหยวไป๋เฟิงอื้ออึงไปแล้วจริงๆ และพอได้สติทั้งคู่ก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที
 
พวกนางไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าทั้งคู่ที่พึ่งจากไปเมื่อ 2 วันก่อนจะย้อนกลับมาในเวลาแบบนี้
 
ไม่ใช่ว่าตกลงกันแล้วหรือไง?
 
ไฉนทั้งคู่จึงย้อนกลับมา?
 
ในเวลาเดียวกัน ศิษย์ของนิกายกระบี่เมฆรุ้งหลายคนก็ชี้ไปยังโฉมสะคราญทั้ง 2 ที่พึ่งปรากฏตัวออกมาพลางหันไปกล่าวบอกหลานเหิงแทบไม่ทัน “ผู้อาวุโสหลานเหิง นั่นคือต้วนซือหลิง!!”
 
“ผู้อาวุโสหลานเหิง สตรีชุดสีม่วงอ่อนที่พึ่งกลับมาก็คือต้วนซือหลิง!!”
 
“ใช่แล้วอาวุโสหลาน นั่นคือต้วนซือหลิง!”
 
“นางคือต้วนซือหลิงศิษย์ของประมุขอวไม่ผิดคน!”
 
เรียกว่าพอได้เห็นต้วนซือหลิงปรากฏตัวแบบนี้ เหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งเสมือนพบเจอป้ายอาญาสิทธิ์ละเว้นโทษตาย สองตาแต่ละคนลุกวาวจ้าขึ้นมาทันที
 
เพราะเมื่อครู่หลานเหิงยอดฝีมืออันดับ 1 ของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง ได้ประกาศคําอํามหิตเป็นมั่นเหมาะ ว่าถ้าหากวันนี้ไม่เห็นต้วนซือหลิงจะฆ่าล้างนิกายกระบี่เมฆรุ้ง!
 
ถึงแม้ประมุขอย่างอวี่เหวินชิงกับอาวุโสสูงสุดโหยวไป๋เฟิงจะประกาศถอนตัวออกจากนิกายก็แล้ว แต่ไร้ประโยชน์อันใด
 
แถมทุกๆคนยังไม่มีแม้แต่โอกาสจะถอนตัวหลีกหนีหายนะด้วยซ้ำ
 
ดังนั้น
 
ทุกคนแทบจะหมดสิ้นความหวังรอดชีวิตกันแล้ว
 
ทว่าบัดนี้ พอได้เห็นต้วนซือหลิงปรากฏตัวออกมา ทุกคนเสมือนได้เห็นรุ่งอรุณแห่งความหวังอีกครั้ง หลังจากติดอยู่ในห้วงมืดอันไร้ขอบเขตมานาน
 
ผู้ที่ปรากฏตัวออกมาทั้ง 2 ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นต้วนซือหลิง กับเฟิ่งเทียนหวู่นั่นเอง!
 
หลังจากที่ทั้ง 2 ปรากฏตัวออกมา ต้วนซือหลิงก็เร่งรุดไปคุกเข่าเบื้องหน้าอวี่เหวินชิงกับโหยวไป๋เฟิงทันที “ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ย่า ซือหลิงไม่ดี เป็นซือหลิงทําร้ายพวกท่านแล้ว”
 
เฟิงเทียนหวู่ก็ไปคุกเข่าเบื้องหน้าโหยวไป๋เฟิงเช่นกัน
 
นางย่อมรู้เป็นธรรมดา ว่าเหตุผลที่โหยวไป๋เฟิงออกตัวปกป้องต้วนซือหลิงถึงขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะเอ็นดูซือหลิงเป็นที่สุดอะไรเช่นนั้น แต่ทั้งหมดเป็นการทําเพื่อนาง
 
“พวกเจ้าพวกเจ้าจักกลับมาทําอันใดกัน!?”
 
หลังโหยวไป๋เฟิงอื้ออึงกับเรื่องราวไปพักหนึ่ง พอได้สติกลับคืนร่างชราก็สั่นระริกไปด้วยโทสะเรื่องราวมันบานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว ไฉนศิษย์ของนางกับศิษย์หลานถึงได้ย้อนกลับมาอีก?
 
ทั้งคู่สมองกลับไปแล้วหรือไร ถึงได้ไม่รักชีวิตแล้วย้อนกลับมาแบบนี้?
 
“ซือหลิงเจ้ากลับมาทําไม?”
 
สีหน้าอวี่เหวินชิงก็บิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก ร้อยพันหมื่นคาดนางก็ไม่เคยคิดว่าต้วนซือหลิงจะย้อนกลับมา อย่างไรก็ตามนางไม่คิดจะหาความอะไรตอนนี้ เร่งก้าวไปบังซือหลิงไว้ด้านหลัง จากนั้นก็มองจ้องหลานเหิงกับหลานจี้เหนียนด้วยสายตาเย็นชา
 
“เหนียนเอ้อ นังหนูตุ๊กตานั่นก็คือต้วนซือหลิงรึ?”
 
หลังเซียนอมตะต้นกําเนิดที่ผสานพลังธาตุลมของหลานเหิงค่อยๆซาลง มันกวาดตามองไปยังสตรีด้านหลังอวี่เหวินชิงครู่หนึ่ง คอยหันไปถามหลานจี้เหนียน
 
“ใช่แล้วท่านปู่ เป็นนาง!”
 
หลานจี้เหนียนกล่าวตอบด้วยความตื่นเต้น
 
“ประเสริฐ!”
 
หลานเหิงพยักหน้า จากนั้นก็หันไปโบกมือให้คนของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งทั้ง 6 ด้านหลัง พลางกล่าว “ทิ้งสินสอดไว้ที่นี่ พวกเราพานางกลับ!”
 
หลานเหิงกล่าวจบคํา ก็หันไปหรี่ตามองจ้องต้วนซือหลิงทันที
 
“อาวุโสหลานเหิงแต่งห่ามที่ผืนเด็ดย่อมไม่หวาน…ไฉนท่านต้องบีบคั้นผู้คนด้วย?”
 
อวี่เหวินชิงที่ยืนบังขวางต้วนซือหลิงเอาไว้ มองถามหลานเหิงด้วยสีหน้าปั้นยาก
 
หากสามารถโน้มน้าวหลานเหิงได้ง่ายๆ เรื่องราวคงไม่ลุกลามจนกลายเป็นแบบนี้
 
“อวี่เหวินชิง เจ้าไสหัวหลบไปให้พ้นทางเสียประเสริฐกว่า…หาไม่แล้วต้วนซือหลิงศิษย์เจ้าคงได้เป็นคนผมดําส่งผมหงอก!”
 
หลานเหิงมองจ้องอวี่เหวินชิงด้วยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว
 
“ท่านอาจารย์
 
ตอนนี้เองต้วนซือหลิงพลันลุกขึ้นยืน ก่อนจะก้าวออกไปด้านหน้าไม่กี่ก้าวก็บังขวางอวี่เหวินชิงเอาไว้ด้านหลังแทน จากนั้นก็มองจ้องไปยังหลานเหิงด้วยสาตาเย็นชา กล่าวถามออกไปว่า “เจ้าก็คือหลานเหิง อดีตประมุขของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง?”
 
“ยาโถวน้อย”
 
หลานเหิงคลี่ยิ้มเฉยเมย “การที่เจ้าได้แต่งงานกับหลานชายของข้า นับเป็นวาสนาของเจ้า เจ้าอย่าได้ดื้อรั้นไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอีกเลย หากเจ้าไม่อยากให้คนทั้งนิกายกระบี่เมฆรุ้งถูกกลบฝังไปพร้อมกับเจ้า ทางที่ดีเจ้ากลับไปกับพวกเราเสียประเสริฐกว่า”
 
“ฮึ!”
 
ตอนนี้เองเฟิงเทียนหวู่ก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน จากนั้นก็ก้าวออกไปยืนเคียงข้างต้วนซือหลิง มองหลานเหิงพลางพ่นลมเย้ยหยัน กล่าวว่า “หลานเหิง เจ้ายังมีหน้ามากล่าวคําผิดชอบชั่วดีอีกหรือ? กระทั่งหากซือหลิงของข้าแต่งกับหานเจ้าถือเป็นวาสนาของนาง?”
 
“เจ้านั่น มันคู่ควรกับซือหลิงของข้างั้นรึ?”
 
น้ำเสียงของเฟิงเทียนหวู่นั้นประชดประชันหยามหยันถึงขีดสุด สองตายังฉายชัดถึงความรังเกียจขยะแขยง
 
“จักคู่ควรหรือไม่ ข้าเท่านั้นที่เป็นคนตัดสิน!”
 
หลานเหินคลี่ยิ้มปรามาส
 
“หากเจ้าอยากให้ข้าแต่งกับหลานเจ้านักเช่นนั้นเจ้าก็ลองเกลี้ยกล่อมท่านพ่อของข้าดูเถอะ!”
 
ดวงตาทุ่งงามของซือหลิงหลง เอ่ยคําออกมาเสียงเย็น
 
และทันทีที่ต้วนซือหลิงกล่าวคํานี้ออกมา ด้านอวี่เหวินชิงกับโหยวไป๋เฟิงก็หันมามองสบตากันทันใด จากนั้นก็เห็นถึงความเหลือเชื่อในแววตาของกันและกัน
 
“พ่อเจ้า?”
 
หลานเหิงเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงท้าทาย “เฮอะ แล้วพ่อเจ้าไปมุดหัวอยู่ที่ใดเล่า หากมันอยู่ต่อหน้าข้า มีหรือที่มันยังจะไม่กล้าให้หน้าข้าหลานเหิงผู้นี้?”
 
และแทบจะพร้อมๆกันกับที่เสียงพูดหลานเหิงดังจบคํา
 
“หึ!”
 
พอดีกับเสียงพ่นลมสบถเย็นชาหนึ่งดังขึ้นจากหลังม่านเมฆบนฟ้าสูง จากนั้นเมื่อความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดไปยังฟ้าเบื้องบนแล้ว ก็ปรากฏร่าง 3 ร่างโรยตัวลงมาจากหลังม่านเมฆ
 
ทุกคนที่เงยหน้ามองชมอยู่ พอดูให้ดีก็พบว่า
 
ที่โรยตัวลงมาจากม่านเมฆนั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 คนเป็นบุรุษ 1 คนกับอิสตรี 2 คน
 
ผู้ที่โรยตัวนํามาก่อนใครเป็นชายหนุ่มรูปงามในชุดสีม่วง คิ้วคมเข้มปานดาบ สองตาสุกสกาวราวดาวเดือน แรกปรากฏก็พาลให้เหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “อา…ช่างเป็นบุรุษที่หล่อเหลายิ่ง!”
 
อย่างไรก็ตาม พอทุกคนมองไปอีกสักพัก ก็แลเห็นร่าสตรีในชุดขาวราวหิมะแรกฤดูหนาวอยู่ข้างกายชายหนุ่มผู้นั้น ลูกตาของพวกนางจําต้องหดเล็กลงทันใด หลายคนยังอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ
 
“ช่างงดงามอะไรเช่นนี้!”
 
“โอทวยเทพ! ใต้หล้ายังมีโฉมสะคราญไร้ผู้ต้านเช่นนี้ดํารงอยู่ด้วยหรือ!?”
 
สตรีชุดขาวนั้นอิงแอบข้างกายชายหนุ่มอย่างชิดใกล้ ยังกุมมือชายหนุ่มชุดม่วงเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ สายตาของนางสงบราบเรียบนัก อย่างไรก็ตามพอมองทอดไปยังต้วนซือหลิงเบื้องล่าง ในแววตาก็ฉายชัดถึงความอ่อนโยนออกมา
 
นอกจากชายหนุ่มชุดม่วงกับสตรีชุดขาวแล้ว ยังมีสตรีในชุดสีทองที่หน้าตาสะสวยไม่เบาโรยตัวลงมาจากฟากฟ้าเช่นกัน
 
“นี่ๆ พี่ใหญ่หลิงเทียน ข้าได้ยินไม่ผิดใช่ไหมอ่า เมื่อครูไอ้แก่นั่นมันบอกกับซือหลิงว่า หากท่านอยู่ต่อหน้ามัน ท่านไม่กล้าไม่ให้หน้ามันด้วยแหล่ะ”
 
สตรีในชุดทองมองลงมายังร่างหลานเหิง พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มซุกซน
 
“ข้าเองก็อยากจะรอดูเหมือนกันว่าถ้าข้าไม่ให้หน้ามันแล้วมันจะทําอะไร”
 
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มเฉยเมยใบหน้าแลดูมากอัธยาศัย อย่างไรก็ตามสายตาที่ใช้มองหลานเหิงนั้น ไม่มีใดอื่นนอกจากจิตสังหารอันเย็นยะเยือก
 
“นี่พวกมันเป็นจักรพรรดิอมตะเช่นนั้นรึ?”
 
ทั้ง 3 ร่างที่พึ่งปรากฏตัวทําให้หลานเหิงชักสีหน้าเคร่งขรึมอยู่บ้าง เพราะมันไม่อาจมองด่านพลังฝึกปรือของทั้ง 3 ได้ออกสักคน!
 
สิ่งนี้เผยให้มันรู้ว่าทั้ง 3 ผู้มาใหม่…หาใช่คนธรรมดาไม่!
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทสนทนาระหว่างสตรีชุดทองกับชายหนุ่มชุดม่วงนั่น เห็นได้ชัดว่ากําลังดูแคลนมัน!
 
“เจ้าเป็นบิดาของต้วนซือหลิงเช่นนั้นรึ?”
 
เมื่อต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อ และเสี่ยวจินโรยตัวลงมาหยุดยืนข้างๆเฟิงเทียนหวู่กับต้วนซือหลิงแล้ว หลานเหิงก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจังกล่าวถามเสียงหนัก
 
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่สนใจหลานเหิงแม้แต่นิดเดียว เพียงหันไปมองอวี่เหวินชิงด้วยรอยยิ้ม “ประมุขอวี่เหวิน ขอบคุณท่านที่คอยดูแลลูกสาวของข้ามาตลอดเวลาร้อยกว่าปี”
 
“ท่าน…คุณชาย ด้วยความยินดี”
 
หลังอวี่เหวินฟื้นจากอาการตื่นตระหนก ก็เร่งตอบรับอย่างสุภาพเร็วไว กระทั่งคําพูดคําจายังตะกุกตะกัก แลดูอื่นๆอยู่บ้าง
 
ช่วยไม่ได้ เพราะลึกลงไปในใจของนางตอนนี้เสมือนมีมรสุมลูกใหญ่โหมกระหน่ำอยู่!
 
เพราะนางไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ
 
ว่าไม่เพียงแต่ต้วนซือหลิงลูกศิษย์ของนางจะกลับมา แต่อีกฝ่ายยังพาบิดากลับมาด้วย! 
 
และนางได้ยินจากศิษย์น้องอย่างเฟิงเทียนหวู่มามากกว่าหนึ่งครั้ง ว่าบิดาของต้วนซือหลิงลูกศิษย์ของนางนั้น ได้รับสืบทอดมรดกของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนมา และมีโอกาสสูงที่จะถูกรับเป็นศิษย์ของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์! ที่สําคัญเฟิงเทียนหวู่ก็เคยขอให้อาจารย์พาไปหาคนถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์มาแล้วรอบหนึ่ง!!
 
เป็นธรรมดาว่าเมื่อ 100 ปีก่อน ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้อยู่ที่นั่น
 
ตอนนี้พอเห็นบิดาของต้วนซือหลิงปรากฏตัว นางก็ตระหนักได้ถึงความจริงประการหนึ่ง
 
ศิษย์ของนางกับศิษย์น้อง สิบในสิบไม่พ้นไปขอความช่วยเหลือจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ แถมพาคนกลับมาได้จริงๆ!!
 
สวรรค์ช่วย!
 
นั่นมันพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนเชียวนะ!
 
เป็นดั่งสถานที่ๆศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในจี้เมียเทียน!
 
ในเมื่อบิดาบังเกิดเกลาของต้วนซือหลิงศิษย์นาง สามารถอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ได้ ไม่ใช่หมายความว่าตอนนี้อีกฝ่ายได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้สืบทอดจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนแล้วหรือ? เช่นนั้นชายหนุ่มคนนี้คือตัวตนระดับไหนกัน!?
 
นางกล้าพูดได้เลยว่าหากนางไม่ได้มีสายสัมพันธ์ฉันท์ศิษย์อาจารย์กับต้วนซือหลิง ชาตินี้ทั้งชาตินางก็ไม่มีวันได้พบพานตัวตนระดับนี้
 
จังหวะนี้ไม่เพียงแต่อวี่เหวินชิงจะแตกตื่นจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ด้านโหยวไป๋เฟิงอาจารย์ของเฟิงเทียนหวู่ ก็แตกตื่นครั้งยิ่งใหญ่แล้วจริงๆ
 
“ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นบิดาของต้วนซือหลิงชายคนรักที่เทียนหวู่กล่าวถึง?”
 
โหยวไป๋เฟิงได้แต่มองจ้องต้วนหลิงเทียนอย่างอื้ออึง
 
“อาวุโสไป๋เฟิง”
 
ตอนนี้เอง ต้วนหลิงเทียนก็หันมามองกล่าวกับโหยวไป๋เฟิงด้วยรอยยิ้มสดใสจริงใจ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าต้องขอขอบคุณท่านมาก ที่คอยดูแลเทียนหวู่อย่างดี”
 
“ควร.สมควรแล้ว ด้วยความยินดี”
 
โหยวไป๋เฟิงเองก็ลนลานจนพูดไม่ค่อยเป็นคําเช่นกัน ถึงแม้นางจะเป็นจอมราชันอมตะสมญานามแล้วอย่างไร? ชายตรงหน้าคือตัวตนที่สมควรได้รับการยอมรับจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ถึงแม้นางจะชราผ่านโลกมามาก แต่ใจนางก็อดไม่ได้ที่จะสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ!
 
“เฮ้ย! เจ้าหูหนวกหรือไง ไม่ได้ยินที่ท่านปูข้าถามเรอะ!?”
 
ตอนนี้เองหลานจี้เหนียนที่มองจ้องแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนอยู่ก็ทนไม่ไหว โพล่งคําออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
 
“เฮ ไอ้หน้าปลาจวด เจ้านะเหรอที่คิดจะแต่งงานกับซือหลิงของพวกเรา?”
 
ตอนนี้เองเสี่ยวจินก็ก้าวอาดๆไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน มองจ้องหลานจี้เหนียนเขม็ง พลางถามด้วยน้ำเสียงดูแคลน
 
อย่างไรก็ตามนางที่ก้าวไปไม่รีบไม่ร้อน พริบตาต่อมาก็มาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหลานจี้เหนียนอย่างอัศจรรย์
 
“หืม?!”
 
เห็นการเคลื่อนไหวดังกล่าวของเสี่ยวจิน หลานเหิงอดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา 
 
“เสี่ยวจิน”
 
ตอนนี้เอง ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวพลางหันกลับมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”
 
“โอ้?”
 
ได้ยินคําพูดของเสี่ยวจิน เสี่ยวจินก็ชะงักไปเล็กน้อย นางย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟัง เพียงแลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน ก่อนจะหันหลังวิ่งหลุนๆกลับมาทันที
 
นางคิดจะ เล่น” กับหลานจี้เหนียนคนนี้สักหน่อย แต่ในเมื่อพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางบอกว่าจะจัดการเอง เช่นนั้นนางก็อด เล่น” กับมันโดยปริยาย
 
เพราะนางยย่อมรู้สึกได้ ว่าตอนนี้พี่ใหญ่ของนางโกรธมาก!
 
“ฮ่วนเอ๋อ เจ้าอยู่กับซือหลิงก่อน”
 
หลังได้ยินคําพูดต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อก็ปล่อยมือต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็เดินไปหยุดข้างต้วนซือหลิง ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียนก็ก้าวออกไปไม่กี่ก้าวก่อนจะหยุดเผชิญหน้ากับพวกหลานเหิง หลานจี้เหนียน และคนอื่นๆ
 
“แล้วนี่เจ้าเป็นใคร คิดสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ด้วยหรือไม่?”
 
สายตาต้วนหลิงเทียนมองข้ามหลานเหิงกับหลานจี้เหนียนไปตกลงบนร่างชายวัยกลางคนที่นิ่งเงียบอยู่ด้านหลัง
 
ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือเหลยเจิ้นซาน ศิษย์ปิดสํานักของหลานเหิง
 
“มันคือลูกศิษย์ของข้า เหลยเจิ้นซาน”
 
หลานเหิงเอ่ยคําเสียงเข้ม
 
“เช่นนั้นก็พวกเดียวกันกับเจ้าสินะ”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
 
“มิได้-!!”
 
อย่างไรก็ตามพอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคํา เหลยเจิ้นซานก็เร่งโพล่งออกมาเสียงดัง ร่างยังสะท้านไประริกสองตามองจ้องชายหนุ่มชุดม่วงไม่ไกลด้วยแววตาสั่นเครือ
 
“คุณชายท่านนี้ ข้าเหลยเจิ้นซานเดิมที่เป็นลูกศิษย์ของหลานเหิง แต่ตอนนี้ข้าขอประกาศถอนตัวออกจากนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง ทั้งขอตัดสัมพันธ์กับหลานเหิงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หลังจากนี้ข้ากับมันไม่มีใดเกี่ยวข้องกันอีก!!”
 
เหลยเจิ้นซานเร่งโพล่งคําออกมาเป็นมั่นเหมาะ
 

War Sovereign Soaring The Heavens

War Sovereign Soaring The Heavens

Type: Author:
จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้! ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ … ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

Options

not work with dark mode
Reset