ตอนที่ 3602 : เยเป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์แห่งนิกายฟ้าจรัสแสง?
ถึงแม้เฉียนเว่จิ้นจะเป็นคนโลภ แต่มันก็รู้ดีว่าหากข่าวการตายของศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงหลังเข้าร้านโอสถฮุ่ยเฉินของพวกมันแพร่ออกไป ตระกูลเฉียนของมันที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลักไม่พ้นต้องถูกทำลาแน่นอน
“ข้าจะนำหินเทพ 1,000 ก้อนไปมอบให้มันด้วยตัวเอง จักได้ตรวจสอบมัน”
ถึงแม้เฉียนตงจะกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนไปว่า กำลังมีคนนำหินเทพ 1,000 ก้อนมาส่ง แต่อันที่จริงนั้นเฉียนเยว่จิ้น ผู้นำตระกูลเฉียนยังไม่ได้ สั่งให้ใครนำหินเทพ 1,000 ก้อนไปส่งทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ในตระกูลเฉียนก็ใช่ว่าจะมีคนที่ครอบครองหินเทพจำนวนนี้มากมาย แม้แต่ลูกหลานสาตรงยังไม่อาจไว้ใจได้ด้วยซ้ำ หากผู้ที่นำหินเทพไปส่งบังเกิดความโลภหนีไปจะให้ทำอย่างไร?
ดังนั้นผู้ที่จะนำหินเทพจำนวนนี้ไปส่งได้ ก็มีแต่บุคคลสำคัญของตระกูลเฉียนทั้งสิ้น
เฉียนเยว่จิ้น ผู้นำตระกูลเฉียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“หลังจากที่ข้าไปถึง ให้เจ้าเรียกหาข้าว่าผู้อาวุโสสูงสุด…และก่อนข้าจะไปถึงเจ้าอย่าได้ลืมกล่าวเตือนทุกคนในร้านโอสถด้วย ว่าอย่าเปิดเผยตัวตนของข้าเด็ดขาด ให้พวกมันเรียกข้าว่าอาวุโสสูงสุดเช่นกัน”
ระหว่างเดินทางไปยังร้านโอสถฮุ่ยเฉิน เฉียนเยว่จิ้นก็ไม่ลืมส่งข้อความไปกำชับเฉียนตง
พอเฉียนตงได้รับข้อความดังกล่าว มันก็ไม่กล้าละเลย เร่งสั่งให้พนักงานต้อนรับข้างๆ นำความไปแจ้งแก่ทุกคนในร้านทันที
“นายน้อยต้วน ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเฉียนของพวกเรากำลังเดินทางมาส่งมอบหินเทพ 1,000 ก้อนให้ท่าน…ขอท่านรอสักครู่”
ขณะเดียวกันเฉียนตงก็หันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม
และนี่เป็นครั้งที่ 2 ที่มันพูดว่าหินเทพกำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางมาส่ง
ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็หันไปเหลือบมองมันผ่านๆ ไม่ได้พูดอะไร
จากนั้นราวๆ 1 เค่อต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้พบกับผู้อาวุโสสูงสุดที่เฉียนตงกล่าวถึง เป็นชายวัยกลางคนในชุดผ้าหรูหรา หน้าตาดูน่าเกรงขาม คิ้วปานพยัคฆ์ของมันตอบรับกับดวงตากลมใหญ่ แววตายังฉายประกายแหลมคมนัก
“อาวุโสสูงสุดตระกูลเฉียน?”
พอได้เห็นคนตรงหน้า ต้วนหลิงเทียนก็ลอบแปลกใจอยู่บ้าง เพราะรูปร่างลักษณะของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเฉียน มันไม่ตรงกับที่เขาเคยได้ยินมา
จากนั้นก็ฉุกคิดขึ้นได้ ว่าอีกฝ่ายไม่แน่ว่าจะใช่อาวุโสสูงสุดจริงๆ
ถึงแม้เขาจะไม่เคยเห็นอาวุโสสูงสุดของตระกูลเฉียนมาก่อน แต่ก่อนหน้านี้ตอนไปนั่งฟังเรื่องราวในเหลาสุราเลิศล้ำ เขาก็เคยได้ยินมาว่าอาวุโสสูงสุดนั้นเป็นชายชรารูปร่างผอมบาง และหว่างคิ้วยังมีปานรูปจันทร์เสี้ยวอีกด้วย
ทว่าชายวัยกลางคนเองหน้ามันแตกต่างจากลักษณะของอาวุโสสูงสุดของตระกูลเฉียนที่เขาได้ยินมาอย่างมาก เขาจึงเดาได้ว่าอีกฝ่ายปลอมเป็นอาวุโสสูงสุด
แล้วที่มาเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องปลอมตัวเป็นอาวุโสสูงสุดตระกูลเฉียนด้วย?
นอกจากนั้นเฉียนตงกับคนในร้าโอสถฮุ่ยเฉินยังให้ความร่วมมืออย่างดีโดยการเรียกหาว่า ‘ผู้อาวุโสสูงสุด’
ชั่วพริบตาก็มีความคิดมากมายแล่นวาบในหัวของต้วนหลิงเทียน โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นปานขนาดเล็กบริเวณใต้หูขวาของอีกฝ่าย เขาก็เดาตัวตนของมันได้ทันที
ผู้นำตระกูลเฉียน เฉียนเยว่จิ้น
ขณะเดียวกันมันยังเป็น 1 ในตัวตนขอบเขตเทพของตระกูลเฉียน ระดับพลังบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตเทพขั้นต่ำ
‘จักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ?’
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคาดเดาตัววตนของผู้มาได้แล้ว ด้านเฉียนเยว่จิ้นก็ใช้สำนึกเทวะตรวจสอบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนทันที หากแต่ใบหน้าของมันยังคงฉายรอยยิ้มไร้พิษภัย “อาวุโสสูงสุดตระกูลเฉียน ยินดีที่ได้พบนายน้อยต้วน”
“หินเทพเล่า?”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้เฉียนเยว่จิ้นเบาๆ ไม่คิดเปิดโปงอีกฝ่าย เพียงเอ่ยถามออกไปเสียงเรียบ
“ข้านำมาแล้ว”
เฉียนเยว่จิ้นก็พยักหน้าตอบคำ แต่พอพูดจบมันก็ไม่ได้ส่งหินเทพให้ต้วนหลิงเทียนแต่อย่างไร เพียงยิ้มถามว่า “ข้าเองก็รู้จักนิกายฟ้าจรัสแสงไม่น้อย…มิทราบว่านายน้อยต้วนเป็นศิษย์ของผู้ใดในนิกายฟ้าจรัสแสงหรือ?”
ศิษย์ของใครในนิกายฟ้าจรัสแสง?
พอได้ยินคำถามดังกล่าวของเฉียนเยว่จิ้น ต้วนหลิงเทียนก็ลอบตกใจอยู่บ้าง และตระหนักว่าอีกฝ่ายคิดทดสอบเขา
แต่ผิวเผินเขายังแลดูสงบไม่แยแส เพียงเหลือบมองเฉียนเยว่จิ้นผ่านๆ กล่าวคำเสียงเฉย “โฮ่? อาวุโสสูงสุดตระกูลเฉียน รู้จักนิกายฟ้าจรัสแสงของข้าดีรึ?”
“ย่อมรู้เป็นธรรมดา”
เฉียนเยว่จิ้นพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรเสีย นิกายฟ้าจรัสแสงก็เป็นนิกายที่เคยปรากฏตัวตนระดับจักรพรรดิเทพ ที่มีชื่อเสียงในคฤหาสน์ตงหลิงเรา”
ในระนาบเทพ กองกำลังใดก็ตามที่เคยปรากฏตัวตนระดับจักรพรรดิเทพขึ้นมา จะถูกเรียกหาว่ากองกำลังระดับจักรพรรดิเทพ หากกองกำลังนั้นเคยปรากฏตัวตนระดับอริยะเทพ ก็จะถูกเรียกว่ากองกำลังระดับอริยะเทพ…ตระกูลก็เช่นกัน
แน่นอนว่ากองกำลังระดับจักรพรรดิเทพทั้งหลาย ก็ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด ยังมีความแตกต่างกันให้เห็น
มีกองกำลังระดับจักรพรรดิเทพ ที่ในปัจจุบันยังมีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอู่ แถมอาจไม่ได้มีแค่คนเดียว
บางกองกำลังนั้นในอดีตเคยยปรากฏตัวตนระดับจักรพรรดิเทพขึ้นมา แต่ในปัจจุบันกลับไม่มีตัวตนระดับนั้นอีกต่อไป
และนิกายฟ้าจรัสแสงเป็นอย่างหลัง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคำ ‘อูฐผอมยังตัวใหญ่กว่าม้า’ ถึงแม้ในปัจจุบันนิกายฟ้าจรัสแสงจะไม่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่อีกต่อไป และไม่ใช่กองกำลังที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆในเขตคฤหาสน์ตงหลิงตะวันออกเหมือนวันวาน แต่รากฐานความเป็นมา ก็ทำให้ไม่มีใครกล้าดูเบา…
สำหรับเฉวียนเยว่จิ้น ผู้นำตระกูลในเมืองเล็กๆอย่างเมืองหลินซาน นิกายฟ้าจรัสแสงนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับนิกายระดับจักรพรรดิเทพที่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่หลายคน เพราะเป็นอะไรที่ห่างไกลจากชีวิตมันเกินไป
‘คฤหาสน์ตงหลิง?’
ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้อยู่แล้วว่าภูเขาไร้สิ้นสุดที่สกุลต้วนตั้งอยู่ รวมถึงเมืองหลินซาน ล้วนตังอยู่ในเขตคฤหาสน์ตงหลิงฝั่งตะวันออก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาก็คือ นิกาฟ้าจรัสแสงที่เขายกอ้างออกมา กลับอยู่ในเขตคฤหาสน์ตงหลิงด้วย
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรแบบนี้!?
ลึกลงไปในแววตาต้วนหลิงเทียนทอประกายจ้าขึ้นมาอย่างที่ใครยากจะมองเห็น
‘ผู้นำตระกูลเฉียนไม่พ้นกำลังคิดทดสอบข้าอยู่…ดูเหมือนข้าจะดูเบามูลค่าหินเทพ 1,000 ก้อนที่มีต่อตระกูลเฉียนต่ำไป’
เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะแลกเปลี่ยนหินเทพแค่ 1,000 ก้อน ไม่แลกมากไปกว่านี้ เพราะต้วนหลิงเทียนไม่อากทำให้ตระกูลเฉียนบังเกิดความโลภกับเงินเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าทั้งๆที่แค่แลกหินเทพพันก้อน แถมยังยกอ้างนิกายฟ้าจรัสแสงออกไปแล้ว แต่ตระกูลเฉียนยังบังเกิดความโลภอยู่อีก…กระทั่งกระตุ้นให้คนใหญ่คนโตของตระกูลเฉียน อย่างผู้นำตระกูลมาตรวจสอบด้วยตัวเอง
“ในเมื่อเจ้ารู้จักนิกายฟ้าจรัสแสงดี เช่นนั้นก็ต้องเคยได้ยินชื่อของอาจารย์ข้าแน่…”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเฉียนเยว่จิ้นด้วยสาตาเฉยเมย กล่าวออกเสียงเรียบ “อาจารย์ข้าคือเย่เป่ยหยวน”
เย่เป่ยหยวน!
ชายชราที่ช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนในระนาบสมรภูมิ
ตอนนี้ด้วยสถานการณ์พาไป เขาก็ทำได้แค่ยกอ้างอีกฝ่ายแล้ว
หากเฉียนเยว่จิ้นรู้จักอีกฝ่าย ต้องเพาะสร้างความกลัวให้มันมากกว่าเดิมแน่ และหากมันไม่รู้จัก แสดงว่ามันก็ไม่ได้รู้เรื่องนิกายฟ้าจรัสแสงดีอย่างปาก
ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสชนชั้นจอมราชันเทพขั้นกลาง ต้วนหลิงเทียนเชื่อว่าฐานะของเป่ยหยวนในนิกายฟ้าจรัสแสงต้องไม่ใช่ต่ำทรามแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้วขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตคฤหาสน์ตงหลิน ก็เป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพเท่านั้น…สิ่งนี้ต้วนหลิงเทียนเคยได้ยินคนพูดถึงในเหลาสุราเลิศล้ำ
เพียงแค่เขาไม่เคยได้ยินใครพูดถึงนิกายฟ้าจรัสแสงเท่านั้น
และในเมื่อเฉียนเยว่จิ้นมันพูดมาก่อนหน่าวานิกายฟ้าจรัสแสงเคยเป็นขุมกำลังที่เคยปรากฏจักรพรรดิเทพมาก่อน เช่นนั้นจึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว
ตอนนี้นิกายฟ้าจรัสแสงแม้จะเป็นนิกายระดับจักรพรรดิเทพ แต่ไม่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่แล้ว แค่เคยปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์เท่านั้น
เช่นนั้น เย่เป่ยหยวนที่เป็นถึงจอมราชันเทพขั้นกลาง ฐานะในนิกายฟ้าจรัสแสงต้องไม่ใช่ชั่วแน่นอน!
หากเฉียนเยว่จิ้นมันรู้จักนิกายฟ้าจรัสแสงดีอย่างปากว่า มันต้องรู้จักเย่เป่ยหยวน
“ท่าน…ท่านเป็นลูกศิษย์ของใต้เท้าเย่เป่ยหยวน?!”
และข้อเท็จจริงก็พิสูจน์ว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนคาดเดาไว้มันถูกเผง ทันทีที่เสียงกล่าวเขาดังจบคำ ลูกตาเฉียนเยว่จิ้นก็หดเล็กลงเร็วไว สีหน้าฉายชัดถึงความตกใจไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม อาวุโส 7 ของตระกูลเฉียนอย่างเฉียนตงนั้น ตอนนี้กำลังยืนอึ้งอึงสีหน้าเหรอหรา เห็นชัดว่ามันไม่รู้จักเย่เป่ยหยวน
แม้แต่นิกาฟ้าจรัสแสง มันก็เพียงแค่เคยได้ยินมาเท่านั้น ไม่รู้หรอกว่าผู้ใดอยู่ในนิกายบ้าง
มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประมุขนิกายฟ้าจรัสแสงชื่ออะไร
ให้มองไปทั่วตระกูลเฉียน นอกจากเฉียนเยว่จิ้นแล้ว ก็มีอีกแค่คนสองคนเท่านั้นที่รู้จักนิกายฟ้าจรัสแสง…รวมถึงเรื่องที่ใครเป็นประมุขนิกายยฟ้าจรัสแสงด้วย
และมีเพียงเฉียนเยว่จิ้นคนเดียวที่รู้เรื่องราวของนิกายฟ้าจรัสแสงมากว่าใคร
นอกจากนั้นเฉียนเยว่จิ้นยังกล้าพูดได้เต็มปาก ว่าให้มองไปทั้งเมืองหลินซาน แต่คนที่รู้เรื่องราวนิกายฟ้าจรัสแสงเท่ามัน เกรงว่าจะมีไม่ถึง 5 คน
ดังนั้นทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยชื่อ เย่เป่ยหยวนออกมา เฉียนเยว่จิ้นก็แทบจะเชื่อหมดใจ
ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นคนจากนิกายฟ้าจรัสแสงจริงๆ
นอกจากนี้อีกฝ่ายยังเป็นถึงศิษย์ เย่เป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์แห่งนิกายฟ้าจรัสแสง!
“โฮ่? ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าอาวุโสในตระกูลเล็กๆในเมืองหลินซานเช่นเจ้า จะรู้จักอาจารย์ข้าด้วย”
ต้วนหลิงเทียนมองลึกไปยังเฉียนเยว่จิ้นพลางกล่าว
“ข้าเพียงโชคดีเคยได้ยินมา”
เฉียนเยว่จิ้นตอนนี้แผ่นหลังเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น พอคิดว่าก่อนหน้ามันถึงกับจะลงมือกับศิษย์ของเย่เป่ยหยวน มันก็อดกลัวขึ้นมาไม่ได้
ในที่สุด ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับหินเทพ 1,000 ก้อน
“ข้าออกมาเที่ยวเล่นครั้งนี้ ไม่คิดว่าจะทะลวงถึงสุดปลายจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ…ในเมืองชนบทแห่งนี้ มีที่ใดขายโอสถทะลวงเทพหรือไม่?”
หลังจากเก็บหินเทพ 1,000 ก้อนเข้าแหวน ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องเฉียนเยว่จิ้นพลางถาม
โอสถทะลวงเทพ เป็นโอสถระดับเทพที่มีไว้สำหรับเหล่าครึ่งก้าวขอบเขตเทพโดยเฉพาะ
ตามชื่อ มันช่วยให้ทะลวงไปถึงขอบเขตเทพ
แต่เป็นธรรมดาว่าโอสถทะลวงเทพ ก็แค่ช่วเพิ่มโอกาสในการบรรลุถึงขอบเขตเทพเท่านั้น ไม่ใช่ว่าใช้แล้วจะบรรลุถึงขอบเขตเทพได้เสมอไป
ปกติแล้ว โอสถทะลวงเทพจะเกิดผลมากที่สุดก็เมื่อครึ่งก้าวขอบเขตเทพที่จวนเจียยนจะบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วใช้มันเท่านั้น ตัวตนเช่นนี้ต่อให้ไม่ใช้เรื่องที่จะบรรลุถึงขอบเขตเทพก็ขึ้นอยู่กับเวลา
ที่สำคัญโอสถทะวงเทพจะมีผลแค่ครั้งแรกที่กิน
ในระนาบเทพ แม้โอสถทะลวงเทพจะเป็นโอสถระดับเทพ แต่มันก็ไม่ได้หายากอะไรเลย แม้แต่ในเมืองใหญ่เข้าหน่อย โอสถทะลวงเทพก็แค่โอสถเทพดาษๆ หาซื้อได้ตามร้านโอสถขนาดย่อม
อย่างไรก็ตาม ในเมืองเล็กๆแถบชนบทอย่างเมืองหลินซาน มันก็กลายเป็นของหายากทันที
พอได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียนย เฉียนตงก็หันไปมองเฉียนเยว่จิ้นพ่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า มันก็รีบกล่าวว่า “นายน้อยต้วน โอสถทะลวงเทพนั้น ค่อนข้างหายากในเมืองหลินซานเรา”
“ผู้หลอมโอสถของตระกูลเฉียนเรามีอัตราการหลอมโอสะทะลวงเทพสำเร็จแค่ 1 ใน 10 ส่วนเท่านั้น…และเมื่อ 2 ปีก่อนตระกูลเฉียนเราก็พึ่งขายโอสถโอสถทะลวงเทพออกไป”
“และนั่นเป็นโอสถทะลวงเทพเม็ดเดียวที่ตระกูลเฉียนเราหลอมสำเร็จในรอบ 10 ปี…”
วัตถุดิบสมุนไพรที่ใช้ในการหลอมปรุงโอสถทะลวงเทพนั้นไม่ใช่หาได้ง่ายๆในพื้นที่ชนบทแบบนี้ และด้วยยอัตราหลอมสำเร็จต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ตระกูลเฉียนจึงสามารถผลิตโอสถทะลวงเทพได้แค่เม็ดเดียวทุกรอบๆ 10-20 ปีเท่านั้น
พอเห็นต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว เฉียนตงก็เร่งกล่าวสืบต่อว่า “อย่างไรก็ตาม ข้าได้ยินมาว่าผู้หลอมโอสถของตระกูลเมิ่งพึ่งจะหลอมโอสถทะลวงเทพสำเร็จเมื่อ 3 เดือนก่อน และหลังจากนำมาวางขายก็ยังไม่มีผู้ใดซื้อไป”
“เช่นนั้นนายน้อยต้วนเพียงไปศาลาสือสุ่ยของตระกูลเมิ่ง ก็น่าจะซื้อได้”
ศาลาสือสุ่ยนั้นเป็นชื่อร้านค้าโอสถของตระกูลเมิ่ง
“อ้อ แล้วตระกูลเมิ่งที่ว่ามันขายโอสถทะลวงเทพเท่าไหร่?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“3,000 หินเทพ”
เฉียนตงตอบ