Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 111 ชีวิตที่ต่ำต้อย

บทที่ 111 ชีวิตที่ต่ำต้อย

น้ำเสียงที่เย็นชาและบึ้งตึง

ทำให้ทุกคนหันกลับไปมองในทันที

ด้วยแรงยุยงของฟ่านลู่ ทำให้หลี่หลานรู้สึกโกรธจนตัวสั่น

มีท่านหลงและคุนหลุนยืนขนาบอยู่ด้านหลังของเธอทั้งซ้ายและขวา

เรื่องข้างนอกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ พวกเขาล้วนรู้ดีแก่ใจ แต่หลี่หลานตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าไปสนใจอีก

เฉินตงหย่ากับหวางหนันหนันเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองไม่ได้ติดต่อกันอีก

คนที่หวางเห้าหาคือเฉินเทียนเซิงไม่ใช่เฉินตงเสียหน่อย

แต่คำพูดของเฉินเทียนเซิงนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการใส่ร้ายเฉินตง เพื่อให้ “รับผิดแทนตนเอง” ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเฉินตงเลยแม้แต่น้อย แต่ความผิดกลับมาตกอยู่ที่เฉินตง

ในฐานะของคนเป็นแม่ หลี่หลานไม่อาจทนเห็นลูกชายตนเองต้องมารับผิดในสิ่งที่ไม่ได้ก่อได้ !

ยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลานรู้จักนิสัยและพฤติกรรมของคนในตระกูลหวางเป็นอย่างดี

ถ้าหากปล่อยให้เฉินตงถูกใส่ร้ายเช่นนี้ ไม่เท่ากับว่าเป็นการทำให้คนของตระกูลหวางยิ่งกัดเฉินตงไม่ยอมปล่อยหรอกหรือ ?

การเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ทำให้หลี่หลานรู้สึกสงสารเฉินตงที่ตอนนี้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว จึงไม่ต้องการให้คนของตระกูลหวางมาคอยสร้างความวุ่นวายให้เฉินตงอีก

“นังแก่ ! เฉินตงล่ะ ให้ไอ้สารเลวเฉินตงออกมาเดี๋ยวนี้ !”

หวางเห้าซึ่งถูกเหยียบอยู่ เมื่อเห็นหลี่หลานก็จ้องตาเขม็งด้วยความโมโห ยืดคอตะโกนออกมาเสียงดัง

“หุบปาก !”

หลี่หลานจ้องมองแล้วพูดด้วยความโกรธ : “ตระกูลหวางของพวกแก เมื่อไหร่จะยอมปล่อยตงเอ๋อของฉันเสียที ? พวกแกอยากประจบสอพลอเอง พอมาวันนี้ถูกหลอกใช้ขึ้นมา กลับคิดที่จะใส่ร้ายตงเอ๋อของฉันอีกหรือ ?”

เพราะความโมโหเกินไป ขณะพูดทำให้หลี่หลานหายใจเร็วผิดปกติจนกระทั่งเหนื่อยหอบ

ฟ่านลู่ตกใจมาก รีบเข้าไปลูบอกของหลี่หลาน : “คุณป้าคะ ใจเย็นๆ หน่อย เป็นห่วงสุขภาพด้วย”

หลี่หลานยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณว่าตนเองนั้นไม่เป็นอะไร

“อ้าว……ไม่เจอกันหลายปีเลย”

เฉินเทียนเซิงมองหลี่หลานด้วยท่าทียั่วโมโห : “ถ้าตอนนั้นคุณกล้าปล่อยให้ผมตกลงไปตายที่กำแพง คุณเองก็คงต้องตายไปด้วยไม่ใช่หรือ ?”

หลี่หลานขมวดคิ้วแน่น ไม่พูดอะไรอีก

กลับเป็นท่านหลงที่หัวเราะเสียงดังแล้วเดินออกมา : “เฉินเทียนเซิง เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา และยิ่งไม่เกี่ยวข้องกับคุณชายของพวกเราด้วย ถ้าหากคุณยังใส่ร้ายคุณชายของเราอีกล่ะก็ คุนหลุนคงจะต้องขับไล่คนผิดออกไปเสียแล้ว

ยังไม่ทันจะพูดจบ คุนหลุนก็เดินออกมา แล้วมายืนอยู่ต่อหน้าทั้งสามคน

รูปร่างที่สูงตระหง่านเหมือนกับหอคอยเหล็ก ทำให้ตอนนี้ทุกคนรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก

หลังจากที่คอยติดตามนายท่านของตระกูลเฉิน คุนหลุนผู้ซึ่งเคยเป็นทหารรับจ้าง ก็มีหน้าที่รับผิดชอบเพิ่มประสิทธิภาพทักษะการต่อสู้ให้แก่คนรุ่นใหม่ไฟแรงของตระกูลเฉินโดยเฉพาะ หรือจะพูดว่าเป็นอาจารย์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในตระกูลเฉินก็คงไม่ผิด

เฉินเทียนเซิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ยั่วโทสะ : “ท่านหลง พูดเช่นนี้ก็ดูจะเกินไปหน่อย อีกอย่าง คุนหลุนจะกล้าหรือ ?”

เขามองไปที่คุนหลุนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม

ไม่ว่าจะเป็นท่านหลงหรือว่าคุนหลุน ก็เป็นเพียงแค่คนรับใช้ของตระกูลเฉินเท่านั้น

ในตระกูลเฉิน แม้กระทั่งต่อหน้าคนธรรมดาคนรับใช้ก็ยังต้องก้มหัวให้ แล้วนับประสาอะไรกับคนที่เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดมรดกเช่นเขา !”

“คุณอยากลองดูไหมล่ะ ?”

ท่านหลงเลิกคิ้วหัวเราะ : “ถึงผมจะเป็นคนรับใช้ แต่ก็ติดตามรับใช้นายท่านมานาน ตอนนั้นก็ใช่ว่าจะไม่เคยตีผู้สอบทอดมรดกจนตาย !”

ถึงจะดูเหมือนเป็นการพูดลอยๆ แต่ภายใต้คำพูดและเสียงหัวเราะเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง ที่ยากจะหาอะไรเปรียบได้

ถึงกระทั่งว่าทำให้สีหน้าของเฉินเทียนเซิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เขาหัวเราะ ยืดตัวขึ้น แล้วยกเท้าออกจากใบหน้าของหวางเห้า

หวางเห้าลุกขึ้นมาด้วยความโมโห และจ้องเฉินเทียนเซิงตาเขม็ง จากนั้นจึงหันไปจ้องถามหลี่หลาน

เขามาเพื่อที่จะหาเรื่อง !

แต่ทำไมตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องระหว่างหลี่หลานกับเฉินเทียนเซิงไปได้ ?

แต่ว่า บทสนทนาระหว่างหลี่หลานกับเฉินเทียนเซิงเมื่อครู่นี้ กลับทำให้หวางเห้าเกิดความมั่นใจในเรื่องๆ หนึ่งขึ้น

นั่นก็คือ……เฉินเทียนเซิงกับเฉินตงรู้จักกัน !

ในเมื่อรู้จักกัน ถ้าเช่นนั้นเรื่องต่างๆ เหล่านี้ที่เกิดขึ้นภายในบ้าน จะต้องเป็นแผนการของเฉินตงอย่างแน่นอน !

เพราะกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ หวางเห้าจึงไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง เขาพุ่งเข้าไปหาหลี่หลานแล้วตะโกนออกมาด้วยความโมโห

“นังแก่ รีบส่งไอ้สารเลวเฉินตงของแกมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ มันทำลายครอบครัวของพวกเราจนไม่เหลือชิ้นดี !”

สีหน้าของหลี่หลานแสดงออกถึงความโกรธจนแทบจะระงับอารมณ์ไม่อยู่

ทำไมหวางเห้าถึงโง่เขลาได้ขนาดนี้ ?

“คุณป้า ระวังสุขภาพด้วยค่ะ อย่าโมโห อย่าโมโห……

ตอนนี้ฟ่านลู่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลี่หลาน ก็รู้สึกใจเต้นอย่างเป็นกังวล แล้วจึงหันไปตะคอกคุนหลุนอย่างอารมณ์เสียว่า : “พี่คุนหลุน ตอนนี้จะปล่อยให้คุณป้าโมโหจนกระทบถึงสุขภาพไม่ได้นะ !”

ขณะที่เพิ่งจะพูดจบ หวางเห้าก็ตรงเข้ามาอยู่ตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว

คุนหลุนก้าวเข้าไป แล้วจึงยกเท้าขึ้นเตะเขาออกไป

ปัง !

หวางเห้าไม่อาจต้านทานแรงได้ เขาถูกเตะลอยไปไกลกว่าสามเมตร หลังจากตกกระแทกลงบนพื้นสีหน้าก็ซีดเผือดทันที : “พรวด” เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากปากของเขา

ภาพที่ปรากฏขึ้นนี้ ทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบกว่าคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างรู้สึกตกใจและเสียวสันหลังขึ้นมา

“เป็นใครมาจากไหน กล้าดียังไงที่มาเข้าใกล้คุณหญิงของเรา ?”

เสียงของคุนหลุนหนักแน่นราวกับเสียงตีกลอง : “คุณชายของเราใจดีมีเมตตา ไม่ถือสาตระกูลหวางของพวกแก แต่ฉันคุนหลุนไม่ใช่คนใจกว้างเช่นนั้น !”

คำขู่ที่เอาจริงเอาจัง เป็นการเตือนหวางเห้าไม่ให้เข้ามาใกล้

ส่วนหวางเห้าเอง หลังจากที่กระอักเลือด ก็ไม่คิดที่จะเข้ามาใกล้อีก

แต่กลับล้มตัวลงนอนอยู่ลงพื้น ใช้เท้าและมือตบพื้น นอนกลิ้งไปมา และตะโกนร้องเสียงดังลั่น

“ไม่ยุติธรรมเลย ! ถึงขนาดจะฆ่าจะแกงกันแล้ว บนโลกนี้ยังมีกฎหมายอยู่อีกไหม ?”

เสียงร้องไห้เสียดแทงเข้าไปในหู

เฉินเทียนเซิงขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองหวางเห้าด้วยความสมเพช : “หนวกหู”

จากนั้นเขาก็หันไปมองบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย : “หรือจะให้ฉันเป็นคนจับเขาโยนออกไปเอง ?”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบกว่าคนได้สติในทันที พวกเขาวิ่งกรูกันเข้าไปหาหวางเห้า จากนั้นจึงใช้กำลังบังคับยกหวางเห้าขึ้นมา

“ปล่อย ปล่อยฉันลง พวกแก ไอพวกสุนัขรับใช้ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้”

แต่ไม่ว่าหวางเห้าจะต่อสู้ขัดขืนเช่นไร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบกว่าคนนั้นก็ไม่ยอมปล่อยเขา หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวัยกลางคนถึงขนาดใช้กำปั้นต่อยเข้าไปที่ท้องของหวางเห้าอย่างแรง : “หุบปากเดี๋ยวนี้ !”

หวางเห้าหน้าตาบูดเบี้ยว หลังจากถูกต่อยเข้าไปหนึ่งหมัดเข้าก็รู้สึกว่าอวัยวะภายในของเขาผสมปนเปกันไปหมด เจ็บจนพูดไม่ออก

หลังจากบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหามหวางเห้าออกไปแล้ว

เฉินเทียนเซิงจึงหันไปมองท่านหลงและคุนหลุน แล้วค่อยๆ ชูนิ้วโป้งขึ้นมา : “ท่านหลง คุนหลุน พวกคุณสองคนเป็นสุนัขรับใช้ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ !”

ความอับอายที่เกิดขึ้น ทำให้ท่านหลงและคุนหลุนขมวดคิ้วพร้อมกัน

แต่ทั้งสองต่างก็ข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ ด้วยความแตกต่างของฐานะ ทำให้พวกเขาจำต้องอดทนไปก่อน

ถึงแม้ท่านหลงจะเคยฆ่าผู้สืบทอดมรดกมาก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะฆ่าได้ตามอำเภอใจ !

เหตุการณ์ที่เกิดข้นในตอนนั้นไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ ดังนั้นหลังจากที่เขาฆ่าแล้วจึงยังสามารถใช้ชีวิตต่อได้อย่างสงบสุข แต่สถานการณ์ในตอนนี้ หากเขาฆ่าเฉินเทียนเซิงจริง แม้แต่นายท่านก็คงไม่อาจปกป้องเขาได้ !

กฎของบ้านตระกูลเฉิน คือ “วิถีปฏิบัติ” ที่ทุกคนภายในตระกูลเฉินต้องยึดถือ !

“แก ออกไปได้แล้ว !”

จู่ๆ หลี่หลานก็กัดฟันแน่นแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง : “เฉินเทียนเซิง ถ้าแกกล้าแตะลูกชายของฉันล่ะก็ ฉันจะยอมพาแกไปลงนรกพร้อมกับชีวิตที่ไร้ค่าของฉันเอง !”

“โถ ! แกนี่ช่างมีอารมณ์ขันเสียจริง !”

เฉินเทียนเซิงหัวเราะเยาะออกมา จากนั้นจึงยมมือขึ้นขยับแว่นที่วางอยู่บนดั้งจมูก : “ชีวิตของแกไม่ไร้ค่าเลยแม้แต่น้อย ยังมีค่ามากกว่าชีวิตของฉันเสียอีก”

พูดจบเขาก็กลอกตา เหมือนจู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นจึงตบหัวตัวเองแล้วหัวเราะเยาะขึ้นมา

“อ้อๆๆ ฉันลืมไปเสียสนิทเลย หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นในตอนนั้น ชีวิตของแกก็ดูเหมือนจะไร้ค่าจริงๆ ดังนั้นถึงได้เกิดไอ้ลูกนอกคอกแบบเฉินตงออกมาได้”

“แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ !”

ได้ยินคำว่า “ไอ้ลูกนอกคอก” หลี่หลานก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ตะคอกออกไปเสียงดังสั่น

แต่หลังจากสิ้นเสียงตะโกน ใบหน้าของหลี่หลานก็ซีดเผือดทันที

จากนั้นตัวก็แข็งทื่อ ความดันเลือดพุ่งสูง จนตากลับ และหมดสติไปในอ้อมแขนของฟ่านลู่

“คุณป้า……”

“คุณหญิง……”

ฟ่านลู่ ท่านหลง และคุนหลุนต่างก็ตกใจจนหน้าซีดทันที

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset