Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 114 ในชีวิตนี้ มีสามสิ่งที่จะต้องปกป้อง !

บทที่ 114 ในชีวิตนี้ มีสามสิ่งที่จะต้องปกป้อง !

รอยยิ้มเยาะเย้ย และน้ำเสียงที่ดูไม่สะทกสะท้าน

ทำให้เฉินเทียนเซิงขมวดคิ้วและหางตากระตุกโดยไม่รู้ตัว

ต่อให้เป็นตัวเขาก็คิดไม่ออกว่า ทำไมตอนนี้เฉินตงถึงได้แสดงอาการที่แปลกประหลาดเช่นนี้

ยิ่งคิดไม่ออก หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้น จนเกิดความกลัวขึ้นในใจ

ส่วนคุนหลุนกับกูหลังเองก็หันมองเฉินตงด้วยความสงสัย

แปลกจริงๆ !

นอกจากคำว่าแปลกประหลาดแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนไม่สามารถหาคำอื่นมาใช้อธิบายเฉินตงได้เลย

รู้ทั้งรู้ว่าผิดกฎของตระกูล แต่ก็ยังคงปล่อยหมัดแรกออกไป

หลังจากนั้นยังยอมที่จะได้รับบาดเจ็บแล้วล่าถอยไป แล้วยังใช้ให้พวกเขาสองคนเข้าจัดการกับเฉินเทียนเซิงอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถแสยะยิ้มออกมาได้

ทำเช่นนี้……มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ?

“จัดการ !”

เสียงของเฉินตงเคร่งขรึมลง

เปรี้ยง !

มีสายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำ ด้านนอกวิลล่า

คุนหลุนมีท่าทีดุดัน : “กูหลัง ลงมือ !”

ขณะที่พูดอยู่นั้น รูปร่างที่สูงตระหง่านเหมือนหอคอยเหล็กของเขา เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ดูยิ่งใหญ่เหมือนกับภูเขาไท่ซาน พุ่งตรงเข้าไปหาเฉินเทียนเซิง

เฉินเทียนเซิงหน้าถอดสีทันที เขาไม่กล้าประมือกับคุนหลุน จึงรีบกระโดดถอยหลังไป

ในตระกูลเฉิน ถึงแม้คุนหลุนจะเป็นเพียงแค่คนรับใช้ แต่เขาก็เป็นผู้ที่สอนทักษะการต่อสู้ให้กับบรรดาชนชั้นสูง จึงเป็นเหมือนกับหัวหน้าผู้ฝึกสอนของชนชั้นสูงทั้งหมด !

เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุนหลุนเลย !

เพียงชั่วพริบตา

กูหลังปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของเฉินเทียนเซิงอย่างแม่นยำ

เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ปล่อยหมัดตรงเข้าไปที่เฉินเทียนเซิงทันที

“เหอะ ! ไอ้ขยะ !”

เฉินเทียนเซิงยิ้มเยาะออกมา แล้วจึงหันตัวกลับทันที แล้วใช้แขนที่ดูเหมือนไม่มีกระดูกของเขา เข้าไปรัดแขนของกูหลังเอาไว้ จากนั้นจึงใช้แรงตรงเข้าบีบคอของกูหลัง

เผียะ !

มีเสียงดังขึ้นเบาๆ

มืออีกข้างของกูหลัง จับกรงเล็บของเฉินเทียนเซิงเอาไว้

ในขณะเดียวกันนั้น มุมปากของกูหลังก็เผยให้เห็นรอยยิ้มของความกระหายเลือดที่ดูแปลกประหลาดออกมา

ราวกับราชาหมาป่าในทุ่งหญ้า ที่จ้องมองเหยื่อที่กำลังจะตาย !

เฉินเทียนเซิงหน้าถอดสีทันที หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

ยังไม่ทันที่เขาจะผละตัวออกมา ทันใดนั้นก็มีแรงลมปะทะเข้ามาจากทางด้านข้าง

ตุ้บ !

คุนหลุนใช้หมัดต่อยเข้าที่เอวของเฉินเทียนเซิง แรงที่มหาศาลจนน่ากลัวทำให้เฉินเทียนเซิงลอยกระเด็นออกไป

หลังจากลงมือหนึ่งครั้งแล้ว คุนหลุนและกูหลังก็ยังไม่คิดที่จะหยุด พวกเขาทำตัวเหมือนกับลูกธนู พุ่งตรงเข้าไปเข้าไปหาเฉินเทียนเซิง

ด้านนอกวิลล่า

ฟ้าฝนกระหน่ำอย่างหนัก

มีทั้งเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่า ช่างเป็นภาพการรุมต่อสู้ที่ดูโหดร้ายจริงๆ

การต่อสู้ด้วยกำปั้น

ทำให้ภายในวิลล่า มีเสียงโครมครามดังก้อง

มีเพียงเฉินตง ที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีเงียบสงบ มุมปากเผยรอยยิ้มที่ดูแปลกประหลาดออกมา คอยนั่งชื่นชมการภาพการต่อสู้ในครั้งนี้ ด้วยแววตาที่ลึกซึ้งอย่างมาก

เฉินเทียนเซิงนั้นเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุนหลุน ดังนั้นกระบวนท่าในการรุกทั้งหมดจึงใช้สำหรับเข้าโจมตีกูหลัง เขาใช้ประโยชน์จากจุดแข็งและหลีกเลี่ยงจุดอ่อนในการต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ

แต่ในทางตรงกันข้ามกัน คุนหลุนและกูหลังที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ก็ได้อาศัยประโยชน์จากสิ่งนี้

ไม่สิ ควรจะพูดว่าประสบการณ์ในการฆ่าคนถึงจะถูก

อย่างน้อย ในสายตาของเฉินตง การที่กูหลังใช้ตนเองเป็นเหยื่อครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เพื่อที่จะล่อให้เฉินเทียนเซิงตรงเข้าโจมตีตนเอง เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้คุนหลุนได้ลงมือ

เฉินตงไม่รู้ว่าเฉินเทียนเซิงจะรู้เรื่องนี้หรือไม่

เป็นไปได้ว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นอาจดูไม่ออก แต่คนที่คอยสังเกตการณ์อยู่นั้นสามารถดูออกอย่างชัดเจน

ต่อให้เฉินเทียนเซิงจะรู้ตัว แล้วจะมีประโยชน์อะไร ?

เฉินเทียนเซิงยังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ ?

ภายใต้วงล้อมของคุนหลุนและกูหลัง เขาจำต้องใช้วิธีหลีกเลี่ยงคนที่แข็งแกร่งแล้วเข้าโจมตีคนที่อ่อนแอวิธีนี้เท่านั้น เพราะแม้กระทั่งโอกาสที่จะหนีก็ยังไม่มี !

ในสายตาของเฉินตงตอนนี้ เฉินเทียนเซิงก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายที่ติดกับดัก

การคุกเข่าลง เป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว !

และตอนที่เฉินเทียนเซิงคุกเข่าลงนั้น ถึงจะเป็นเวลาที่เขาจะลงมือจริงๆ

ภายใต้เสียงฝนฟ้าที่เทกระหน่ำลงมาและเสียงของฟ้าร้อง

ทำให้เสียงการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสามคนไม่ดังนัก

แต่บรรยากาศของความเป็นความตายนั้นก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย แต่กลับยิ่งเข้มข้นขึ้น

ไม่ช้าเฉินเทียนเซิงก็ตกเข้าไปอยู่ในวงล้อมของคุนหลุนและกูหลัง

ตกหลุนพลางครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกคุนหลุนโจมตีอย่างหนักครั้งแล้วครั้งเล่า

ยังไม่ทันจะถึงสองนาที มุมปากของเฉินเทียนเซิงก็มีเลือดไหลออกมา บนหน้าอกมีรอยสีแดงขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นถึงอาการที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก

ส่วนการร่วมมือกันระหว่างคุนหลุนและกูหลังนั้น กลับเข้าขากันมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับสัตว์ร้ายสองตัวที่ช่วยกันล่าเหยื่อ ผลัดกันเข้าโจมตีเฉินเทียนเซิงครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร้ความปรานี

ไม่ว่าจะเป็นคุนหลุนหรือกูหลัง ต่างก็เตรียมใจที่จะตายแทนเฉินตงอยู่แล้ว

ในเมื่อแม้กระทั่งต้องตายก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว แล้วมีหรือที่จะสนใจเรื่องอื่นอีก ?

เพียะ !

แส้ของคุนหลุนฟาดลงไปที่เฉินเทียนเซิง จนตัวของเขาลอยกระเด็กออกไป

เฉินเทียนเซิงหล่นกระแทกเข้ากับโต๊ะ แล้วตกลงมาบนพื้น แต่ไม่ได้ลุกยืนขึ้นมาทันทีเหมือนเมื่อครู่อีก

“พรวด !”

เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากปาก กระจายไปทั่วพื้น

ตอนนี้ใบหน้าของเฉินเทียนเซิงเต็มไปด้วยเลือด เนื้อตัวมอมแมม แม้กระทั่งแว่นตาก็แตกกระจัดกระจาย เหลืออยู่เพียงแค่กรอบแว่นที่บิดเบี้ยว ความเย่อหยิ่งที่มีอยู่เมื่อครู่หายไปหมดสิ้น เหลือไว้แต่เพียงความอัปยศอดสู

คุนหลุนและกูหลังไม่ได้ลงมือต่อ แต่หันกลับไปสบตากับเฉินตงโดยพร้อมเพรียงกัน

จากประสบการณ์ที่พวกเขามี หากต่อสู้กันต่อ……เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน !

“ลงมือต่อ !”

เฉินตงถูจมูกไปมา แล้วพูดออกมาอย่างเยือกเย็นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

เหมือนกับลมหนาวที่พัดออกมาจากจิ่วโยว

คุนหลุนและกูหลังแสดงออกถึงท่าทีที่เด็ดขาดโดยพร้อมเพรียงกัน เฉินตงได้แสดงเจตนาออกมาอย่างชัดเจนแล้ว !

ทั้งสองยังไม่ทันจะได้ขยับตัว จู่ๆ เฉินเทียนเซิงที่นอนอยู่บนพื้นก็ส่งเสียงขู่ออกมาด้วยความโกรธแค้น : “ฉัน ฉันเป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน แก สุนัขรับใช้อย่างพวกแกสองคน ใครกล้าฆ่าฉัน ?”

“ถ้ากล้าฆ่าฉันละก็ พวกแกเตรียมตัวถูกฆ่าล้างโคตรเอาไว้ได้เลย !”

“พวกแกอย่าหวังนะว่าไอ้ลูกนอกคอกนี่จะปกป้องพวกแกได้ ต่อให้เป็นมัน ก็จะต้องตายไปพร้อมกับฉันด้วย !”

เฉินเทียนเซิงพูดพลางพยายามกระเสือกกระสนลุกขึ้น แต่แววตานั้นกลับเหลือบมองไปที่เฉินตงที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างประหลาดใจ

เขารู้สึกตื่นตกใจจริงๆ

คาดไม่ถึงว่าเรื่องทั้งหมดจะดำเนินมาถึงจุดที่เขาไม่เหลือข้อได้เปรียบอะไรอีก

การหลอกล่อให้เฉินตงทำผิดกฎของตระกูลคือเป้าหมายของเขา

แต่ผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำเช่นนี้ ควรจะเป็นการที่เฉินตงต้องพ้นสภาพจากการเป็นผู้สืบทอดมรดก ไม่ควรเป็นการที่เขาต้องเอาชีวิตมาทิ้งเช่นนี้

ไม่ว่าจะเป็นท่าทีที่แปลกประหลาดของเฉินตง หรือจะเป็นการลงมือที่ดุเดือดและเด็ดขาดของคุนหลุน ต่างก็ทำให้เขารู้สึกว่าไม่อาจใจเย็นได้อีกต่อไป

ต่อให้เป็นคนที่ยากจะคาดเดาเพียงใดก็ตาม แต่หากต้องเผชิญหน้ากับความตาย ยังไงเสียก็ต้องเผยธาตุแท้ออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน !

ถึงขั้นที่ว่ายอมไม่สนใจหน้าตาและศักดิ์ศรี ใช้อำนาจของตระกูลเฉินในการข่มขู่ เพื่อขอหนทางที่จะรอดชีวิต !

แต่

“เหอะ !”

เฉินตงยิ้มเยาะออกมา : “ลงมือต่อ !”

ปัง !

เฉินเทียนเซิงเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ใจเต้นระส่ำ

แทบจะในเวลาเดียวกัน

คุนหลุนยื่นมือออกไปจับกูหลังเอาไว้ แล้วพูดอย่างเยือกเย็นว่า : “ฉันตัวคนเดียว ให้ฉันลงมือเอง !”

กูหลังเผยรอยยิ้มของความกระหายเลือดออกมา : “พูดเหมือนกับว่าฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอย่างนั้นแหละ ถ้าหากกลัวตายจริงๆ ละก็ ฉันก็คงจะยอมอยู่ในที่มืดมิดนั่นตลอดชีวิตไปแล้ว คงไม่ติดตามคุณเฉินออกมาอยู่ในที่ที่สว่างรุ่งโรจน์เช่นนี้หรอก”

เฉินเทียนเซิงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื่อนอยู่ตรงที่เดิมด้วยความตกตะลึง

บทสนทนาระหว่างคุนหลุนและกูหลังทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังในทันที

สองคนนี้……ทำไมถึงยอมสละให้เฉินตงได้แม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ?

ทันใดนั้นตรงหน้าของเขาก็มืดลงในทันที

เฉินเทียนเซิงตกใจเป็นอย่างมาก สายตาของเขาสอดส่ายอย่างรวดเร็ว กลับเห็นเป็นมือขนาดใหญ่ฟาดลงมา

ทันใดนั้นเอง คอของเขาก็ถูกบีบเอาไว้ การหายใจเริ่มยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ

เดิมทีเฉินเทียนเซิงคิดที่จะต่อต้าน แต่การถูกโจมตีต่อเนื่องอย่างหนักเมื่อครู่ ทำให้เขาหมดสิ้นกำลังที่จะสู้ไหวแล้ว

กรอบ…..กรอบ……

เสียงที่ฟังดูน่ากลัวของกระดูกและเนื้อที่ถูกบีบอยู่ดังขึ้น

คุนหลุนอยู่ในท่าทีเรียบเฉย มือขวาค่อยๆ ออกแรง แล้วยกเฉินเทียนเซิงขึ้นไปลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

“คนที่ฉันติดตามคือนายท่านกับคุณชาย ถ้าจะให้เอาชีวิตฉัน เพื่อแลกกับชีวิตแก ก็ถือว่าคุ้ม !”

เฉินเทียนเซิงขัดขืนดิ้นรนอย่างสุดกำลัง มือทั้งสองข้างของเขาจับข้อมือของคุนหลุนเอาไว้แน่น

แต่มือของคุนหลุนกลับแข็งเหมือนคีมเหล็ก ไม่เพียงแค่ไม่ยอมปล่อยเท่านั้น แต่เมื่อยิ่งออกแรงกลับยิ่งรู้สึกว่าขอของเขาเหมือนกำลังจะถูกบีบจนขาดออกมา

การหายใจที่ยากลำบาก ทำให้เฉินเทียนเซิงอ้าปากกว้างเพื่อดิ้นรนที่จะหายใจ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกอย่างชัดเจนว่าอากาศในปอดของเขานั้นถูกบีบออกไปจากร่างกายอย่างรวดเร็ว

เขาค่อยๆ หน้ามืด

ความตายใกล้เข้ามาทุกทีๆ

“ปล่อยเขาลง !”

ทันใดนั้นเอง เสียงของเฉินตงก็ดังขึ้นมา

คุนหลุนขมวดคิ้วแน่น นึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ก็ยอมปล่อยเฉินเทียนเซิงลง

เฉินเทียนเซิง “ฟุบ” ร่วงลงบนพื้น หายใจเข้าออกแรงและเร็วอย่างเหนื่อยหอบ ใบหน้าสีม่วงคล้ำค่อยๆ ดีขึ้น

เปรี้ยง !

ประจวบเหมาะกับที่ด้านนอกห้องมีแสงฟ้าผ่าฟาดลงมา

ครืน !

อาศัยแสงของฟ้าผ่าส่องสว่างให้กับภายในห้อง

เฉินเทียนเซิงหน้าถอดสี จ้องมองเฉินตงด้วยดวงตาเบิกโพลง

ตอนนี้เฉินตงลุกยืนขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว

เขาค่อยๆ เดินเข้ามาหาเฉินเทียนเซิงทีละก้าวๆ อย่างไม่รีบร้อน ส่วนในมือกำลังกวัดแกว่งกริชที่ดูน่ากลัวเล่มหนึ่ง

กริชเล่มนี้แหลมคมจนส่องแสงสะท้อนออกมา ทำให้เฉินเทียนเซิงแทบจะหยุดหายใจ หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ

ภายในห้องรับแขกที่เงียบสงัด ค่อยๆ มีเสียงอันเยือกเย็นของเฉินตงดังสะท้อนขึ้นมา

“ในชีวิตของฉัน เฉินตง มีของสามสิ่งที่ต้องรักษา”

“พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดูฉันมา !”

“หญิงคนรักที่อยู่ในอ้อมแขนของฉัน !”

“พี่น้องที่ผ่านความเป็นความตายร่วมกันมา !”

ตอนที่เฉินตงยืนอยู่ด้านหน้าของเฉินเทียนเซิง เจตนาในการฆ่าที่รุนแรงก็ปรากฏออกมาเหมือนกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก

เฉินเทียนเซิงตกใจอย่างถึงที่สุด ภายใต้ความมืด ในสายตาของเขาเห็นเฉินตงเหมือนกับเทพเจ้าแห่งการเข่นฆ่าอย่างเลือดเย็น เจตนาฆ่าที่รุนแรงนั้น ทำให้เขาตกใจกลัวอย่างสุดขีด ในหัวเต็มไปด้วยความว่างเปล่า

เฉินตงชูกริชขึ้นพร้อมกับพูดด้วยความเคียดแค้นว่า

“แกทำร้ายแม่ฉัน ฉันจะขอสู้ตายกับแก !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset