Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 117 เครื่องบินขับไล่คุ้มกัน “จักรพรรดิตัวจริง”มาถึงแล้ว

บทที่ 117 เครื่องบินขับไล่คุ้มกัน “จักรพรรดิตัวจริง”มาถึงแล้ว

เมื่อเห็นคุนหลุนและกูหลังสำลักจนไอออกมา เฉินตงก็มาสามารถกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้

พันล้านก็สามารถทำให้พวกเขาทั้งสองตื่นตกใจได้ขนาดนี้ แต่สำหรับเขาแล้วเทียบไม่ได้กับข้อความที่เขาได้รับหลังจากเรื่องของเงินพันล้านนี้เลย

ครั้งนี้……ดูเหมือนว่าสวรรค์จะเข้าข้างเขาแล้ว !

สิ่งที่เขาพยายามมาทั้งหมดนั้น ในที่สุดพ่อและท่านหลงก็ไม่ทำให้เขาต้องเสียแรงเปล่า

ส่วนเรื่องอื่น เขาไม่รู้สึกกังวลเลย

ขอแค่ตนเองยังคงยืนอยู่ในกระดานหมากรุก ไม่ได้ถูกออกจากการประลอง เช่นนั้นเขาก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเดินหน้าแข่งขันต่อไปได้ !

เฉินตงบิดขี้เกียจแล้วยิ้ม จากนั้นจึงพูดว่า : “กูหลัง ออกไปซื้ออาหารเช้ามาหน่อย ฉันรู้สึกหิวแล้ว”

“ได้ครับคุณเฉิน”

หลังจากที่กูหลังเดินออกไปแล้ว คุนหลุนเองถึงจะนึกออก เขายิ้มออกมาอย่างโล่งใจ : “คุณชาย การเจ็บตัวครั้งนี้ถือว่าไม่ได้เจ็บฟรี นายท่านกับท่านหลงทำสำเร็จแล้ว”

“อืม แต่หลังจากนี้ก็คงจะยังมีเรื่องวุ่นวายอีกไม่น้อย”

เฉินตงถูจมูกไปมา แววตาลึกซึ้ง : “เรื่องนี้คงจะไม่จบลงง่ายๆ เช่นนี้อย่างแน่นอน เฉินเทียนเซิงเองก็ไม่ได้มีนิสัยที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ”

คุนหลุนพยักหน้า เหมือนมีความคิดอะไรบางอย่าง

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นจึงโทรหาท่านหลงอีกครั้ง

แต่หลังจากที่กดเปิดลำโพง ระบบก็ยังคงแจ้งว่าเครื่องปิดอยู่

“ไม่ต้องรีบร้อน ถ้ามีเรื่องอะไรจริงๆ ท่านหลงจะต้องติดต่อพวกเรากลับมาอย่างรวดเร็วแน่นอน” เฉินตงพูดอย่างสบายใจ

เฉินตงยังคงอยู่รักษาตัวต่อในโรงพยาบาลหลังจากนั้นอีกหลายวัน

มีเพียงกูหลังที่คอยดูแลอยู่ข้างๆ ส่วนคุนหลุนต้องไปที่โรงพยาบาลลี่จิงเพื่อคอยปิดบังเรื่องของเขาไม่ให้แม่รู้

ครั้งนี้แม่ป่วยจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หากมารับรู้เรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บอีกล่ะก็ คงจะเป็นการทำลายสุขภาพของแม่เพิ่มอย่างไม่ต้องสงสัย

ส่วนเรื่องของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง เขาได้ออกคำสั่งจากระยะไกลเพื่อให้เสี่ยวหม่าไปดำเนินการ

บวกกับที่มีโจวจุนหลงจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

อีกทั้งเขาเองยังมีความสามารถในการควบคุมหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงได้อย่างเบ็ดเสร็จ ถึงแม้จะได้มาอย่างไม่ถูกต้องนัก เพราะได้มาจากการที่โจวจุนหลงถูกท่านหลงบังคับให้นำออกมา แต่โจวจุนหลงเองก็คงไม่กล้าประมาทเกี่ยวกับเรื่องนี้

มิเช่นนั้นสิ่งที่โจวจุนหลงจะต้องสูญเสียอาจจะไม่เพียงแค่ส่วนเล็กน้อยนี้

ถึงแม้จะยังไม่สามารถติดต่อท่านหลงได้ แต่สำหรับเฉินตงแล้ว อย่างน้อยก็รู้สึกว่าเรื่องทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่สงบแล้ว

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน

เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งถึงตอนเที่ยงแล้ว แต่โจวเย่นชิวกลับยังไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด

จริงๆ แล้ว หลายวันมานี้เขาแทบจะไม่ยอมกินอะไรเลย มีความคิดที่สับสนวุ่นวายอยู่เต็มสมอง

จู่ๆ เฉินเทียนเซิงก็จากไป ทำให้แผนการที่เขาตั้งใจจะย้ายข้างไปอยู่กับเฉินเทียนเซิงก่อนหน้านี้ล้มเหลวลงทันที

อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น เขาก็ได้ยินจากฝ่ายส่วนกลาง เขตวิลล่าเขาเทียนซานมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เฉินตงพาคนเข้ามาบุกบ้านของเฉินเทียนเซิง หลังจากที่เฉินตงกลับไปแล้ว เฉินเทียนเซิงก็จากไปด้วยร่างกายที่บาดเจ็บไปทั่วตัว

ข้อความเพียงแค่สั้นๆ ทำให้เขาไม่สามารถจับใจความได้เลยว่าวันนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

แต่ตามที่เขาเข้าใจตระกูลเฉินแล้วนั้น นี่คงไม่ใช่การต่อสู้ที่จะจบลงง่ายๆ ภายในครั้งเดียวแน่ ดังนั้นการที่เฉินเทียนเซิงจากไปก็คงไม่ใช่เรื่องธรรมดา

ทางฝั่งหนึ่งคือเฉินเทียนเซิงที่จากไปอย่างกะทันหัน

ส่วนอีกฝั่งหนึ่งคือเฉินตงที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล

สุดท้ายแล้วควรจะอยู่ข้างใครกันแน่ ทำให้โจวเย่นชิวคิดไม่ตกจริงๆ

เครดิตในการช่วยจักรพรรดิขึ้นครองบัลลังก์ ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้น

ถึงแม้โจวเย่นชิวจะเป็นผู้นำของห้างสรรพสินค้าในเมืองนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น

ถ้าหากยังคงเป็นมังกรอยู่ ยังไงเสียก็ยังคงถูกเรียกว่าเป็นผู้มีความสามารถ

แต่หากเมื่อไหร่ที่กลายเป็นแมลงขึ้นมา เมื่อนั้นก็จะไม่สามารถหวนกลับคืนมาได้ไปตลอดกาล

ก๊อก ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น !

“ไสหัวไป ! บอกแล้วไงว่าฉันไม่ต้องการจะพบใครทั้งนั้น !”

โจวเย่นชิวตะโกนออกมาด้วยความโมโห

ด้วยลักษณะนิสัยส่วนตัวของเขา ปกติแล้วจะไม่มีทางเกิดเหตุการณ์ที่ไม่อาจควบคุมเช่นนี้ขึ้นได้เลย

แต่ตอนนี้ เรื่องของตระกูลเฉินทำให้เขาคิดไม่ตก

“คุณท่าน มีโทรศัพท์โทรมาหาคุณครับ ปลายสายเป็นคุณชายแซ่เฉินท่านหนึ่ง”

มีเสียงของชายชราดังมาจากด้านนอก

“โทรศัพท์ ?”

โจวเย่นชิวอึ้งไป จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา เขารีบเดินไปเปิดประตู แล้วเดินไปยังห้องทำงานของตนเอง

เมื่อได้ยินว่าปลายสายเป็นเสียงของเฉินเทียนเซิง เขาก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที

“คุณเฉิน ทำไมจู่ๆ คุณถึงหายไปล่ะ ?” โจวเย่นชิวถามถึงสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาจนทรมานอยู่หลายวันออกมา

“แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย ?”

เฉินเทียนเซิงที่อยู่ในสาย ยังคงมีท่าทีหยิ่งผยอง เหมือนกับกำลังออกคำสั่งลูกน้อง : “คืนนี้จะมีเครื่องบินของตระกูลเฉินลงจอดที่เมืองของคุณ ช่วยจัดการต้อนรับให้ผมด้วย”

“ได้เลยครับ ได้เลยครับ แน่นอนอยู่แล้ว ผมจะต้อนรับอย่างดีที่สุด”

โจวเย่นชิวรับปากอย่างรวดเร็ว แล้วก็เอ่ยถามอีกว่า : “ผมขอละลาบละล้วงสักหน่อย ไม่ทราบว่าเป็นคนของตระกูลเฉินท่านไหนหรือครับ ?”

“ในเมื่อรู้ว่าละลาบละล้วง แล้วยังจะถามอีกหรือ ?”

น้ำเสียงของเฉินเทียนเซิงเย็นชา แสดงออกถึงความดูถูกเล็กน้อย : “จำเอาไว้ เป็นสุนัขรับใช้ก็ต้องมีสัญชาตญาณของสุนัข สุนัขไม่มีวันที่จะอ้าปากถามเจ้านายหรอกนะ !”

ตู๊ดๆๆ !

โทรศัพท์ตัดสายไป

ใบหน้าของโจวเย่นชิวแดงก่ำ นิ่งอึ้งไป

มีความโกรธแค้นปรากฏขึ้นภายใต้แว่นตาสีทองนั้น

ทันใดนั้นความโกรธในแววตาของเขาก็จางหายไป กลับปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมาแทน เขาค่อยๆ วางโทรศัพท์ลง

หัวเราะเยาะตัวเอง แล้วบ่นพึมพำออกมาว่า : “ใช้สิ กลายเป็นสุนัขรับใช้ไปแล้วนี่”

เวลาเที่ยงคืน

สนามบินที่อยู่นอกเมืองยังคงคึกคัก

บริเวณห้องโถงผู้โดยสาร มีไฟเปิดสว่างไสว เสียงประกาศของเจ้าหน้าที่ในสนามบินดังขึ้นเป็นระยะ

บนรันเวย์ก็มีเครื่องบินขึ้นและลงจอดอยู่ตลอดเวลา

ในฐานะที่เป็นสนามบินขนาดใหญ่ ถึงแม้จะเป็นเวลาเที่ยงคืน กิจกรรมทุกอย่างก็ยังคงดำเนินต่อไปย่างไม่หยุดพัก

มีเพียงรันเวย์ช่องหนึ่งเท่านั้น ทีว่างเปล่าจนหน้าแปลกใจ

รันเวย์ที่อยู่รอบๆ มีเครื่องบินขึ้นและลงอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีลำไหนเลยที่ใช้รันเวย์ช่องนี้

ดูเหมือนจะเป็นช่องทางพิเศษของสนามบินนอกเมืองทั้งสนามบิน

มีแสงสว่างส่องมาจากที่ไกลๆ

มีรถโรลส์-รอยซ์แฟนท่อมสีดำขับนำหน้ามา

หลังจากรถโรลส์-รอยซ์แฟนท่อม ยังมีรถเบนซ์ GLS500 สีดำตามมาอีกเก้าคัน

ช่างเป็นภาพที่ดูยิ่งใหญ่

ถ้าหากเป็นตอนกลางวัน ถูกผู้โดยสารคนอื่นๆ เห็นเข้าแล้วก็จะต้องมองตาค้างอย่างแน่นอน

แต่ประจวบเหมาะที่ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก ภาพที่ปรากฏขึ้นนี้จึงถูกความมืดยามค่ำคืนช่วยบดบังเอาไว้

รถโรลส์-รอยซ์เคลื่อนมาจอดอยู่ด้านนอกรันเวย์ ประตูรถเปิดออก

โจวเย่นชิวลงมาจากรถ

สายลมยามค่ำคืนพัดเย็น เขาจึงกระชับเสื้อบนตัวเข้ามา

“คุณท่าน ดึกมากแล้ว ใส่เสื้อคลุมอีกสักตัวเถอะครับ”

ชายชราเดินตามลงมาจากรถ เตรียมที่จะสวมเสื้อคลุมในมือลงบนไหล่ของโจวเย่นชิว

“ไม่ต้องแล้ว”

โจวเย่นชิวยกมือขึ้นปฏิเสธ แววตาจริงจัง

เหมือนกับที่เฉินเทียนเซิงพูดเอาไว้ คืนนี้……เขามาในฐานะสุนัขรับใช้ !

เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า เขาก็มีสิทธิ์เป็นได้แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งเท่านั้น

การที่เฉินเทียนเซิงโทรศัพท์มาสั่งการด้วยตนเองนั้น แสดงให้เห็นว่าคนที่มาจากตระกูลเฉินในคืนนี้จะต้องเป็นคนที่มีอำนาจอย่างมากแน่นอน ถ้าหากสวมเสื้อคลุมไป “ต้อนรับ” ก็จะแสดงออกว่าไม่ให้ความเคารพ

“น่าจะใกล้มาถึงแล้วล่ะ ?”

โจวเย่นชิวหันมองรอบๆ แล้วพึมพำออกมาเบาๆ

“คุณท่านรู้ได้อย่างไรครับ ?” พ่อบ้านเอ่ยถาม

โจวเย่นชิวยิ้มเล็กน้อย : “นายดูเครื่องบินที่อยู่ในสนามบินเหล่านี้สิ”

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สนามบินที่เดิมทีมีแต่ความโกลาหลพลุกพล่าน จู่ๆ ก็สงบเงียบลงอย่างน่าประหลาดใจ

ไม่มีเครื่องบินบินลง และไม่มีเครื่องบินบินขึ้น

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

เงียบเสียจนน่ากลัว !

ครืน…….

จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืนจากที่ไกลๆ

ราวกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังก้องจนหูอื้อ

ไม่เหมือนกับเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินปกติ เสียงที่ดังก้องเคลื่อนมาถึงท้องฟ้าที่อยู่เหนือขึ้นไปบนศีรษะของเขาแล้ว

โจวเย่นชิวเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเป็นเงาสีดำขนาดใหญ่กำลังลอยอยู่เหนือท้องฟ้า

ทันใดนั้นเอง มีความประหม่าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา หัวใจเต้นแรงและเร็ว

“นี่ นี่มัน……เครื่องบินรบ ?”

โจวเย่นชิวอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง เหมือนมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมอยู่ภายในใจ : “เครื่องบินขับไล่คุ้มกัน……”

ในขณะที่กำลังตื่นตกใจอยู่นั้น ม่านตาของเขาก็หดเข้ามาถึงขีดสุด

ทั้งหมด……เป็นเครื่องบินรบจำนวนสิบลำ !

อีกทั้งยังสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เครื่องบินรบทั้งสิบลำกำลังบินวนอยู่บนท้องฟ้า จากนั้นจึงมีเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งที่บินอยู่ตรงกลาง ค่อยๆ บินลดระดับลงมา !

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset