Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 120 ท่องบทสวดมนต์จนพ้นทุกข์

บทที่ 120 ท่องบทสวดมนต์จนพ้นทุกข์

เฉินตงพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากบาดแผล

เขาพิงลงบนที่นั่ง แล้วออกแรงสูดหายใจเข้าออกลึกๆ ยังคงรู้สึกเจ็บปวดจนยากจะต้านทานไหว

เสียงของเขาสั่นเครือ เขายิ้มแล้วพูดว่า : “ในเมื่อเธอต้องการที่จะมากล่าวตำหนิในความผิด ถ้าหากฉันไปปรากฏตัวต่อหน้าเธอโดยไม่เป็นอะไรเลย เช่นนั้นโทษจะไม่หนักหรอกหรือ ?”

ท่านหลงอึ้งไป

รู้สึกมีความหดหู่จุกอยู่ในอกอย่างรุนแรง

การทำแบบนี่ที่เฉินตงทำ ในสายตาของเขา ถือเป็นสิ่งที่จำต้องทำโดยไม่มีทางเลือก จึงได้เจตนาที่จะใช้อาการบาดเจ็บนี้แสดงออกให้คุณหญิงใหญ่ได้เห็น

หากคนที่ได้รับบาดเจ็บคือเฉินเทียนเซิง คงไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้

ในตระกูลเฉิน เฉินเทียนเซิงถือเป็นหลานชายคนโปรดของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน หากได้รับบาดเจ็บ ก็ทำแค่เพียงคุกเข่าร้องครวญครางต่อหน้าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็พอแล้ว เพียงเท่านี้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็จะถามหาความยุติธรรมกลับมาให้แก่เขาให้ได้อย่างแน่นอน

ส่วนเฉินตงนั้น กลับต้องใช้วิธีทำให้บาดแผลที่กำลังจะสมานจนหายดี กลับมาปริออกอีกครั้ง เพียงเพื่อร้องขอความเมตตาให้คุณหญิงใหญ่ยอมถอยให้หนึ่งก้าวเท่านั้น !

เป็นคนของตระกูลเฉินเหมือนกัน แต่กลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

“ไม่เป็นไร ท่านหลง”

เฉินตงยิ้มแล้วพูดปลอบใจท่านหลง แล้วหันไปพูดกับคุนหลุนที่ขับรถอยู่ว่า : “ไม่ต้องดูแล้ว รีบเข้าไปเร็วเข้า ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวเลือดจะแห้งเสียก่อน”

คุนหลุนยืนยิ้มออกมา แล้วขับรถโรลส์-รอยซ์ไปต่อ มีเพียงแค่ใบหน้าของเขาเท่านั้นที่ยิ้ม แต่ในใจกลับรู้สึกหดหู่และจนใจ

เพียงแค่คำว่าชาติกำเนิด ก็สามารถทำให้คนไม่เท่าเทียมกันได้

ภายใต้ท้องฟ้ามืดมิด คลับสี่ยิ่นหลบซ่อนอยู่กลางป่าที่อยู่มุมภูเขา เป็นสถานที่ที่ราวกับฝังเอาไว้อยู่ตรงมุมของภูเขา

ในฐานะที่เป็นคลับที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเมืองนี้ แม้แต่คนที่มีอำนาจอย่างโจวเย่นชิวหรือโจวจุนหลงเอง ยังต้องทำเรื่องขอถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปได้ ดังนั้นเศรษฐีที่อยู่ในระดับธรรมดานั้นยิ่งยากที่จะได้เข้าไป

นี่ทำให้ความลึกลับและชื่อเสียงของคลับสี่ยิ่นไม้เป็นที่ปรากฏมากนัก

ถึงขนาดที่เฉินตงเองก็ยังไม่รู้

ประตูบานใหญ่ที่โออ่า ตกแต่งด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมโบราณ กำแพงสูงและลานขนาดใหญ่ โอบล้อมคลับไว้อย่างแน่นหนา

หน้าประตูใหญ่ มีแผ่นป้ายเขียนว่า “คลับสี่ยิ่น” แขวนเอาไว้อยู่ โคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ที่ถูกทำขึ้นเป็นพิเศษสองดวงถูกแขวนอยู่สูงลิ่ว ส่องแสงว่างสีแดงออกมา

ทำให้บรรยากาศยิ่งดูเคร่งขรึมและลึกลับ

ส่วนด้านนอกคลับ ก็มีแสงไฟกระพริบเป็นระยะๆ มีหน่วยลาดตระเวนของคลับคอยขับรถลาดตระเวนไปมา

เฉินตงมองดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมดด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง

ไม่ช้า รถโรลส์-รอยซ์ก็เคลื่อนมาจากตรงหน้าประตูใหญ่ของคลับ

“ขอดูบัตรผ่านด้วยครับ”

“บัตรผ่าน ?” คุนหลุนขมวดคิ้ว

ชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า : “คลับสี่ยิ่น ไม่ต้อนรับแขกที่ไม่มีบัตรขออนุญาตครับ”

ท่านหลงยิ้มแล้วพูดว่า : “คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินที่อยู่ในคลับ ให้มาเข้าพบเป็นกรณีพิเศษ”

พูดพลางก็หันไปแนะนำให้ชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังรู้จัก : “ท่านนี้คือคุณชายของตระกูลเฉิน”

ได้ยินดังนั้น

ชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังก็มีท่าทีเปลี่ยนไปในทันที รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันที แม้กระทั่งท่าทางการยืนก็ดูไม่ได้เข้มงวดเหมือนเมื่อครู่

“ขออภัยด้วยครับ ผมจะรีบไปตรวจสอบให้เดี๋ยวนี้”

ท่านหลงสีหน้าเคร่งขรึม : “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คุณชายของตระกูลเฉินจะเข้าไปในคลับเล็กๆ เช่นนี้ ยังต้องมีการตรวจสอบอีก ?”

ชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังรู้สึกลังเล

ต่อให้เป็นโจวเย่นชิวมาอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็สามารถเอ่ยปากถามถึงบัตรอนุญาตได้อย่างไม่ต้องเกรงใจ

แต่เขาก็เคยเห็นท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนของเจ้าของคลับที่แสดงออกต่อหน้าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินด้วยตาของเขาเองแล้ว

“เชิญด้านในครับ” ชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังหลีกทางให้

รถโรลส์-รอยซ์ค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปในคลับ ส่วนชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังก็รีบขึ้นไปนั่งบนรถลาดตระเวนอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงขับนำทางไป

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างแปลกใจ ขอเพียงแค่มีความสามารถมากพอ กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ตั้งเอาไว้ก็เป็นเพียงแค่ของปลอมเท่านั้น

ภายในคลับกว้างใหญ่มาก มีศาลาและมีธารน้ำไหล

รถโรลส์- รอยซ์ขับตามรถลาดตระเวนมาทางด้านหลัง ค่อยๆ ขับเข้าไปในที่ที่อยู่ไกลออกไป

บริเวณโดยรอบไม่มีสายน้ำไหล ไม่มีศาลา มีเพียงแค่ป่าไผ่เขียวชอุ่มและธารน้ำวนที่เงียบสงบ

“ทั้งสามท่าน เชิญลงมาจากรถแล้วเดินไปด้านหน้าครับ ฮูหยินใหญ่ตระกูลเฉินนั่งรออยู่ที่ศาลาในป่าไผ่ครับ” ชายวัยกลางคนที่สวมชุดราชวงศ์ถังพูดขึ้นหลังลงจากรถ

เฉินตงเอามือกุมบาดแผลเอาไว้แล้วลงจากรถ โดยมีท่านหลงและคุนหลุนคอยประคองอยู่ จากนั้นจึงค่อยๆ เดินเข้าไปในป่าไผ่

ทุกย่างก้าวที่เดินไป ก็จะเกิดความเจ็บปวดอย่างมาขึ้นที่บริเวณบาดแผล นี่ทำให้ท่าทางของเฉินตงดูทุกข์ทรมานอย่างมาก

เดินไปได้ไม่ไกลนัก ก็ปรากฏตึกหลังเล็กๆ อยู่ห่างออกไปจากสายตาไม่ไกลนัก

เป็นตึกที่ดูเรียบง่าย ไม่เข้ากับส่วนอื่นๆ ของคลับสี่ยิ่นเอาเสียเลย

“คุณหญิงใหญ่ คุณชายเฉินตงมาขอพบครับ”

ท่านหลงเดินขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วตะโกนโดยใช้เสียงที่สูงขึ้นเล็กน้อย

“เข้ามาสิ”

มีสียงหนึ่งดังออกมาจากภายในตึก

เฉินตงเดินเข้าไปในตึดอย่างทุกข์ทรมาน โดยมีท่านหลงและคุนหลุนคอยประคองอยู่

ท่านหลงเดินไปพลาง บ่นพึมพำเบาๆ ไปพลางว่า : “คุณชาย อดทนเอาไว้นะครับ”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างหดหู่

ดวงตาเปล่งประกายออกมา ส่วนมือขวาก็ไม่ลืมที่จะกุมบาดแผลที่ท้อเอาไว้แน่น

ถ้าหากเข้าไม่เข้าใจเหตุผลข้อนี้แล้วล่ะก็ เขาจะยอมทำให้บาดแผลที่กำลังจะหายดีปริออกด้วยมือของตนเองหรือ ?

เขาก้าวเดินออกมาจากที่มืดมิด จึงรู้ดีว่า บางครั้ง การยอมก้มหัวในเวลาที่เหมาะสม ก็เพื่อที่จะให้ตนเองขึ้นไปได้สูงยิ่งขึ้นในอนาคต

แอ๊ด……

ประตูของตึกเล็กถูกเปิดออก

ชายในชุดสูททั้งสามคนที่ไปเชิญตัวเฉินตงมาเข้าพบในช่วงเที่ยง ต่างอยู่ในตึกทั้งหมด

คนที่เป็นหัวหน้า ทำท่าทีเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านใน : “คุณหญิงใหญ่อยู่ในห้องพระครับ”

ภายในห้องพระเปิดไฟสว่างไสว

มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของธูปลอยมา

พร้อมกับเสียงสวดมนต์

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินนั่งปิดตาอยู่บนอาสนะหลัก มือขวาค่อยๆ นับลูกประคำพร้อมกับส่งเสียงสวดมนต์ออกมา

ส่วนข้างๆ มีชายวัยกลางขนที่จอนผมทั้งสองข้างเป็นสีขาวกำลังนั่งตัวตรงอยู่ เพื่อคอยคุ้มกันอย่างระมัดระวัง

เมื่อเห็นเฉินตงเข้ามาในห้อง ชายวัยกลางคนก็กระซิบเบาๆ ว่า : “คุณหญิงใหญ่ เฉินตงมาแล้วครับ”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ลืมตาขึ้น ยังคงนับลูกประคำพร้อมกับสวดมนต์ต่อไป

ชายวัยกลางคนเข้าใจในทันทีว่า จึงหันไปส่งสัญญาณให้พวกของเฉินตงทั้งสามคนรอก่อน

เฉินตงกุมบาดแผลเอาไว้ แล้วหันไปพยักหน้ากับชายวัยกลางคน

ชายผู้นี่ เป็นคนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ทำให้เขาต้องรู้สึกลำบากใจ เขาเองก็ไม่โง่พอที่จะหักหน้าอีกฝ่ายเช่นกัน

เพียงแต่ว่าเมื่อมองไปที่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินที่กำลังนั่งสวดมนต์อยู่ แววตาของเฉินตงกลับปรากฏความเย็นชาขึ้น และแสยะยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

แววตาของท่านหลงเองก็มีความรู้สึกประหลาดใจปรากฏขึ้น

เวลาค่อยๆ ล่วงเลยไป

เสียงสวดมนต์ดังก้องกังวานอยู่ภายในห้องพระ

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสวด

แต่บาดแผลของเฉินตงนั้น กลับเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสดเป็นวงกว้าง ถึงกระทั่งว่ามีเลือดไหลออกมาระหว่างร่องนิ้วแล้วหยดลงบนพื้น

ใบหน้าของเขาซีดลง และร่างกายค่อยๆ อ่อนแรง

คุนหลุนขมวดคิ้วแน่น สภาพของเฉินตงตอนนี้ คุนหลุนสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ค่อยดี

คุนหลุนอดไม่ได้ที่จะหันส่งสัญญาณกับท่านหลง

ท่านหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปมองเฉินตงที่มีสภาพอ่อนแอ จากนั้นจึงตัดสินใจออกมาอย่างแน่วแน่

“คุณหญิงใหญ่ครับ คุณชายเฉินตงมาขอพบท่านครับ……”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความนุ่มนวลและอ่อนน้อมถ่อมตน

หลังจากพูดจบ

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินที่กำลังปิดตาสวดมนต์อยู่ ก็หยุดลงทันที จากนั้นจึงขมวดคิ้วแน่นแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ในแววตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความโมโห

“บทสวดมนต์บทนี้ ยิ่งสวดยิ่งยากจริงๆ แกเป็นเพียงแค่คนรับใช้ กล้าพูดแทรกระหว่างที่ฉันสวมมนต์อย่างนั้นหรือ ?”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินตบลูกประคำลงบนโต๊ะ แล้วขมวดคิ้วด้วยความโมโห : “แกรู้ไหมว่าทุกวันฉันจะต้องสวดมนต์หนึ่งร้อยจบเพื่อขอพรให้ตระกูลเฉิน แล้วแกกล้าดียังไงมาขวางฉัน ?”

ท่านหลงหน้าถอดสีทันที แล้วรีบคุกเข่าลงไปบนพื้น

“ขอให้คุณหญิงใหญ่ได้โปรดอภัยด้วย อันที่จริงแล้วเป็นเพราะกระผมเห็นอาการบาดเจ็บของคุณชายเฉินตงนั้นสาหัสนัก ถ้าหากให้รอต่อไป เกรงว่าจะสูญเสียเลือดมากเกินไป จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ครับ”

“หึ !”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเลิกคิ้ว กำลังจะอ้าปากพูด

จู่ ๆเฉินตงก็หัวเราะพรวดออกมา

เสียงหัวเราะนี้ เป็นการตัดบทคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน

จากนั้นเฉินตงก็ก้มหน้าลงมองท่านหลงที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นด้วยความกลัว

“ฉันเสียเลือดมากเกินไปจนต้องตายแล้วจะเป็นอะไรไป ?”

ขณะที่กำลังพูด ใบหน้าของเฉินตงค่อยๆ ปกคลุมไปด้วยความเย็นชา และขุ่นเคืองใจ แววตาจ้องเขม็งไปที่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน จากนั้นจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ไม่ใช่ว่าคุณย่ากำลังสวดมนต์บท 《กษิติครรภโพธิสัตวมูลปณิธานสูตร》 หรอกหรือ ? ถ้าหากผมตายที่นี่ ก็คงจะส่งผมไปสู่สุคติพอดี”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset