Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 126 เทียบเชิญ!

บทที่ 126 เทียบเชิญ!

เรื่องครั้งที่แล้ว หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งกลับบ้าน เธอต้องใช้พลังงานมากในการค่อยๆสงบอารมณ์ให้กลับมาปกติ

เธอก็เข้าใจเฉินตงแล้วด้วย

และครั้งนี้พาคุณพ่อกับคุณแม่เจอเฉินตง เธอกลับกระวนกระวายมาก

ตอนนี้เฉินตงแม้ว่าจะมีผลงานออกมาบ้าง แต่เมื่อเทียบกับตระกูลของเธอ มันยังห่างไกลกันมาก

กู้ชิงหยิ่งไม่ใช่เจ้าหญิงที่โง่ เธอรู้ดี “ฐานะทางบ้านที่เหมาะสมกัน” มันสำคัญแค่ไหน

ไม่อย่างนั้น เวลาสามปีในอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร พ่อของเธอคงไม่ต้องวุ่นกับการจัดการนัดบอดของเธอกับลูกชายของเศรษฐี ของผู้ประกอบการน้ำมัน และลูกชายของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซิลิคอนวัลเลย์

เพราะใจเธอนั้นอยู่ที่เฉินตง ดังนั้นจึงปฏิเสธไปหมด

แต่ตอนนี้พาพ่อแม่มาเจอคนรักของเธอ ต่อให้เธอจะไม่ถือสาฐานะของเฉินตง แล้วพ่อแม่?

ยิ่งไปกว่านั้น เฉินตงยังเคยผ่านการหย่าร้างมาอีก!

ในสายตาคนรุ่นก่อน มันเหมือนหยามหนามที่ทิ่มอยู่บนตา เป็นเรื่องที่ทนไม่ได้เลย!

ตอนนี้อาศัยที่พ่อแม่ชื่นชมเฉินตง เสนอให้เจอกัน บางทีอาจจะช่วยเพิ่มคะแนนความประทับใจให้กับเฉินตงได้บ้าง

หากยืดเยื้อไปอีก ความชื่นชมที่พ่อมีต่อเฉินตงนั้นหายไป แล้วค่อยเจอกับเฉินตง อาจจะไม่เหลือคะแนนความประทับใจเลยก็ได้

เป็นเช่นนั้นจริง!

ชายวัยกลางคนเก็บรอยยิ้ม แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “เสี่ยวหยิ่ง ลูกตัดสินใจแล้วจริงๆเหรอ?”

กู้ชิงหยิ่งตกใจ กะพริบตา ริมฝีปากแดงไม่รู้จะพูดอะไร

ในความเป็นจริง ตอนที่ตัดสินใจกลับมาเจอเฉินตง พ่อแม่ก็ไม่เคยหยุดพูดถึงเรื่องนี้เลย

เคยแต่งงานแล้ว!

เป็นความจริงที่ไม่สามารถลบล้างได้!

“ลูกต้องเข้าใจ เขาเคยแต่งงานแล้ว แต่ลูกยังเป็นดอกไม้ที่บริสุทธิ์ ไม่พูดถึงการแต่งงานของเขากับอดีตเพื่อนซี้หวางหนันหนันของลูก ลูกต้องการใช้ทุกอย่างของตัวเองเดิมพันบนตัวเขาเหรอ?”

น้ำเสียงของชายวัยกลางคนใจเย็นมาก กลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่หดหู่ใจ

เหมือนกับมีดทื่อเล่มหนึ่ง มันค่อยๆกรีดไปหัวใจของกู้ชิงหยิ่ง ทำให้เธอทรมานอย่างมาก

“เสี่ยวหยิ่ง ลูกเป็นเหมือนมุกราตรีที่อยู่ในมือของพ่อแม่ ที่ผ่านมาพ่อกับแม่นั้นเคารพการตัดสินใจของลูกเสมอ แต่เรื่องบางเรื่อง พวกเราอยากให้ลูกคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วน” สาวสวยที่อยู่ด้านข้างก็พูดอย่างจริงจัง น้ำเสียงไม่ได้ดุดัน เป็นขั้นเป็นตอน อ่อนโยนและมีเหตุผล

ในความเป็นจริง นี่มันเป็นการสื่อสารใจชีวิตประจำวันของครอบครัวนี้

“หากลูกแต่งงานกับเขา อนาคตยังมีหนทางที่ยาวไกลให้พวกเธอต้องเดิน ต้องเจออุปสรรคอีกนับครั้งไม่ถ้วน อาจถึงขั้นสูญเสียทุกอย่างที่เคยมี”

น้ำเสียงของสาวสวยงามนั้นต่ำลงเล็กน้อย และสายตาที่มองตามกู้ชิงหยิ่งรู้สึกสงสารและทนไม่ได้ “ลูกมีชาติตระกูลที่ดีแบบนี้ ลูกสามารถมีคนที่ดีกว่าได้ และเฉินตงเขาเป็นคนที่เคยหย่าร้าง ตอนนี้แม้ว่าจะมีบริษัทก่อสร้างเล็กๆ แต่มันยังไม่สามารถที่จะให้ความรู้สึกปลอดภัยกับลูกได้”

กู้ชิงหยิ่งยิ้มอย่างอ่อนโยน

เธอรู้ว่าพ่อแม่นั้นกำลังคิดแทนเธอ

แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนโต เธอเป็นคนที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจ

ไม่เช่นนั้น แยกจากกับเฉินตงสามปี เธอก็คงไม่กลับมาหาเฉินตงอย่างหุนหันพลันแล่น หลังจากที่เขาหย่าทันที

บางทีอาจจะเรียกมันว่าอาลัยอาวรณ์ความรักครั้งเก่า หรือเรียกว่ารักฝังใจ

ในรถ บรรยากาศตึงเครียดเล็กน้อย

พ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่งไม่ได้บีบบังคับให้กู้ชิงหยิ่งแสดงท่าทีออกมา

มันเกี่ยวกับความสุขทั้งชีวิตของลูกสาว พวกเขาจำเป็นต้องให้เวลาลูกสาวเพียงพอในการคิดตัดสินใจ

“คุณพ่อ คุณแม่”

กู้ชิงหยิ่งจู่ๆก็เงยหน้าขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ยิ้มอย่างสวยงาม “เขาเคยบอกค่ะ ว่าจะไม่ให้หนูแพ้”

“คุณใช้ทั้งชีวิตมาเป็นเดิมพัน ผมจะยอมให้คุณแพ้ได้ยังไง?”

ชายวัยกลางคนพึมพำด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขาส่องแสงเป็นประกาย “คืนนี้เราก็เจอเขาละกัน พอดีเลยก็จะได้ชวนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เห็นมาหลายปีมาสังสรรค์กัน”

“ขอบคุณค่ะพ่อ”

กู้ชิงหยิ่งดีใจจนโผเข้าไปในอ้อมอกของชายวัยกลางคน

สาวสวยดุชายวัยกลางคนด้วยสายตา

ชายวัยกลางคนยิ้มเล็กน้อย “ก็ลูกสาวเราชอบน่ะ”

จากนั้น เขาผลักกู้ชิงหยิ่งออก แล้วพูดอย่างจริงจัง “เพียงแต่เจอกันเท่านั้น พ่อคุยกับลูกไว้ก่อนเลย งานเลี้ยงในคืนนี้มีไว้เพื่อให้พ่อกับแม่ช่วยลูกคัดเลือกสามีในอนาคต เฉินตงคนนั้นจะเป็นทองแท้หรือเปล่า ยังต้องผ่านการเผาก่อน เมื่อถึงเวลานั้นลูกห้ามออกหน้าปกป้องเขา”

“พ่อคะ พ่อคิดจะทำอะไร?” กู้ชิงหยิ่งตื่นเต้นเล็กน้อย

ชายวัยกลางคนไม่ได้ตอบ แต่กลับพูดต่อ “หากลูกไม่ตกลง งั้นพ่อกับแม่ก็จะไม่เจอเขา ก็จะไปทันที”

“ตกลง หนูตกลง”

กู้ชิงหยิ่งไม่กล้าถามให้มากความ ตอบตกลงอย่างรีบร้อน

ในเวลาเดียวกัน

เฉินตงที่อยู่ในบริษัทไท่ติ่งที่ยังไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้

เขาไม่เคยคิดเลยว่ากู้ชิงหยิ่งจะกลับมาในวันแรกของเดือน!

ตามข้อมูลตัวเลขที่ถูกส่งมาแบบเรียลไทม์ของโครงการทั้งสามโครงการ ยังคงรักษามาตรฐานที่ดีไว้ตลอด ตามแนวโน้มการพรีเซลล์ในวันแรกโครงการที่ขายออกในครั้งนี้ น่าจะขายหมดในเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์

นี่สำหรับเขา มันเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว

ภายใต้การไม่โชว์ศักยภาพนั้น สามารถเห็นผลประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว

เย็นนี้เวลาห้าโมงเย็น เฉินตงได้ให้เสี่ยวหม่าจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองเอาไว้แล้ว

แต่มีเทียบเชิญใบหนึ่งได้ถูกส่งที่โต๊ะทำงานของเขา ทำให้แผนการที่เขาวางเอาไว้ต้องล้มเลิก

เมื่อเห็นอักษรสี่ตัวบนเทียบเชิญ เฉินตงก็ขมวดคิ้วแน่น ทั้งดีใจทั้งประหลาดใจ

อักษรที่น่าประทับใจบนเทียบเชิญคือ คลับสี่ยิ่น

เป็นเทียบเชิญของคลับสี่ยิ่น บัตรที่ใช้เข้างาน!

“ใครเป็นคนส่งมา?” เฉินตงมองกูหลัง

กูหลังส่ายหัว “เป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง เอาเทียบเชิญให้ผมแล้วบอกว่าให้เอาให้คุณ ก็จากไปโดยตรง ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย”

เฉินตงหัวเราะอย่างอดไม่ได้

เทียบเชิญนี้เป็นของจริง ไม่ว่ายังไงเบื้องหลังของคลับสี่ยิ่นก็แข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่มีใครกล้าปลอมแปลงอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามเทียบเชิญก็ยังสามารถเรียก “การ์ดเชิญ” กล่าวคือเจ้าภาพขอให้คลับสี่ยิ่นออกเทียบเชิญ เพื่อเชิญแขกที่ต้องการเชิญ

และบนเทียบเชิญนี้ ไม่ได้มีชื่อของคนเชิญ

หรือ…..จะเป็นท่านเมิ่ง?

เฉินตงเลิกคิ้ว ด้วยสถานะที่พิเศษของท่านเมิ่ง หากจะส่งเทียบเชิญ ก็ไม่มีทางที่จะใส่ชื่อของตัวเองอยู่แล้ว

“เสี่ยวหม่า วันนี้นายเป็นตัวแทนฉันในการดื่มฉลองนะ ฉันจะไปตามนัดหมาย”

เฉินตงชูเทียบเชิญขึ้นมา กล่าวกับเสี่ยวหม่า

หากเป็นเทียบเชิญของท่านเมิ่ง เขาไม่สามารถที่จะหักหน้าของอีกฝ่าย

เทียบเชิญที่เรียบง่ายแบบนี้ มันเป็นเทียบเชิญที่มีค่ามากกว่าสมบัติ ที่พวกโจวเย่นชิว โจวจุนหลง อยากจะได้มาก!

วันนี้อีกฝ่ายได้ส่งมันมาถึงมือของเขา หากเขาไม่ถนอมน้ำใจนี้ไว้ ไม่เท่ากับเป็นคนไม่ฉลาดหรอกเหรอ?

เมื่อตกกลางคืน

คลับสี่ยิ่นยังคงมีความลึกลับและความเคร่งขรึมเป็นเอกลักษณ์

ในลานป่าไผ่

สว่างไสวด้วยแสงไฟ เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะ

คนนอกรู้ว่าคลับสี่ยิ่นนั้นลึกลับ ไม่มีเทียบเชิญนั้นไม่สามารถจะเข้ามาได้

มีเพียงแต่แขกประจำของคลับสี่ยิ่นที่จะเข้าใจ พื้นที่คลับสี่ยิ่นทั้งหมด มีเพียงลานป่าไผ่เท่านั้นที่จะเป็นสถานที่ที่มีเกียรติอย่างแท้จริง

สวยงามและเงียบสงบ

แตกต่างจากบรรยากาศสุดอลังการในส่วนอื่นของคลับสี่ยิ่น

เหมือนสวรรค์ ไม่เปื้อนฝุ่นของโลกมนุษย์

ถ้าไม่ใช่แขกระดับสูง นอกจากเจ้าของคลับที่จะพักอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นคนธรรมดาก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเดินเข้าไปในลานป่าไผ่ได้

ครั้งก่อน คือคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน

และครั้งนี้ คือตระกูลกู้!

“เมิ่งหัวเหล็ก หลายปีที่ฉันไม่อยู่ แกก็กลายเป็นข้าราชการชั้นสูงแล้วเหรอ?”

ชายวัยกลางคนใช้หมัดชกไปที่หน้าอกของชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาวอย่างอารมณ์ดี

ภาพนี้ หากคนนอกมาเห็นเข้า ต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก

วันนี้ ต่อให้เป็นนักธุรกิจที่พอมีชื่อเสียงอย่างโจวเย่นชิว เมื่ออยู่ต่อหน้าชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาว ยังต้องก้มหน้าประจบ หัวเราะเป็นเพื่อน

อยู่ในเมืองนี้ สามารถที่จะพูดและกระทำแบบนี้ หาคนที่สองไม่เจอแล้วอย่างแน่นอน!

“ไอ้หมากู้ นายอย่าเฉไฉ ไปก็นานหลายปีเลย วันนี้เชิญเพื่อนพวกไหนมาบ้าง? ฉันจะบอกนายนะ คลับสี่ยิ่นวันนี้ปิดคลับขอบคุณลูกค้า หากไม่ทำให้นายเมา กูจะไม่แซ่เมิ่ง” ชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาวหัวเราะอย่างมีความสุข

ท่านเมิ่งที่เป็นแบบนี้ เวลาปกติไม่มีทางที่จะได้เห็น!

ทั้งสองคนไม่ได้จริงจังเหมือนกันวันปกติ เหมือนกับว่าได้ย้อนกลับไปในอดีต หัวเราะและทะเลาะกัน ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว

“ฮ่าๆๆๆ……ไอ้เฒ่าทารก!”

ชายวัยกลางคนหัวเราะด่าไปหนึ่งคำ ชี้ไปที่กู้ชิงหยิ่ง แล้วกล่าว “วันนี้ให้พวกแกมาช่วยหลานสาวดูหลานเขย เดี๋ยวพวกแกอย่าแสดงอะไรโง่ๆออกมาล่ะ!”

เมื่อท่านเมิ่งเห็นกู้ชิงหยิ่ง ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง

เขามีความรู้สึกเหมือนเคยเจอ อดไม่ได้จึงถาม “หลานสาว พวกเราเคยเจอกันมั้ย?”

ยังไม่ทันที่กู้ชิงหยิ่งจะตอบ ชายวัยกลางคนก็มาขัดอย่างติดตลก “เฮ้ย ไอ้เฒ่าทารก ใครก็คุ้นเคยไปหมดเลยนะ”

กู้ชิงหยิ่งกะพริบตา มองท่านเมิ่งไปแวบหนึ่ง หากพูดว่าเคยเจอกัน น่าจะเป็นเพราะข่าวครั้งก่อนที่เฉินตงแสดงความรักต่อเธอ ทำให้ท่านเมิ่งเคยเห็นมั้ง?

“ไปไกลๆเลย!” ท่านเมิ่งถลึงตาใส่ชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง เอาล่ะ เดี๋ยวจะช่วยแกดู ไอ้หมอนั่นเป็นใครกันแน่?”

ชายวัยกลางคนทำเป็นเรื่องลับลมคมใน แล้วยิ้มๆ “เดี๋ยวแนะนำให้พวกแกรู้จัก!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset