Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 140 แย่ง ?

บทที่ 140 แย่ง ?

“จางซิ่วจือ เธอปล่อยลูกเดี๋ยวนี้นะ !”

หวางเธอพูดด้วยความโกรธ เขาโยนก้นบุหรี่ลง แล้วตรงเข้าไปในห้องน้ำ

เผียะ !

เขาตบหน้าจางซิ่วจืออย่างแรง แล้วพูดด้วยความโมโหว่า : “ในครอบครัวมีสภาพแบบไหนแล้ว ? ต้องโทษตัวเธอทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ครอบครัวจะมีสภาพเช่นนี้หรือ ? หนันหนันเป็นแบบนี้แล้ว เธอซึ่งเป็นแม่ยังคิดที่จะลงมือได้อีกหรือ ?”

ภาพที่เกิดขึ้น ทำให้จางซิ่งจือและหวางเห้าที่ยืนอยู่ด้านนอก ต่างตื่นตกใจ

แต่ไหนแต่ไรมา หวางเต๋อเป็นคนที่ดูซื่อสัตย์ อดทนอดกลั้นและดูอ่อนแอมาโดยตลอด

“คุณตะโกนอะไรใส่ฉันกันนักกันหนา ?” หลังจากที่จางซิ่วจืออึ้งไปสักพัก ก็ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

“คุณยังจะร้องอีกหรือ ? คุณเชื่อไหมว่าวันนี้ผมสามารถตีให้คุณตายคามือได้ ?” หวางเต๋อง้างมือขึ้นจะตบ ทำให้จางซิ่งจือตกใจจนหัวหด

หวางเห้าเห็นท่าไม่ดี จึงรีบเข้าไปห้ามปราม : “พ่อ ทำไมถึงตบแม่อย่างนี้ล่ะครับ ?”

“แม่แกจะตีพี่สาวแกให้ตายอยู่แล้ว จะไม่ให้ฉันเข้าไปช่วยได้ยังไง ?”

หวางเต๋อตาแดงก่ำ หันกลับไปมองด้วยความโกรธ

หวางเห้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ รีบเข้าไปลากจางซิ่วจือกลับเข้าห้องไป

หวางเต๋อหันมองหวางหนันหนันที่นั่งอยู่บนพื้น ดวงตาแดงก่ำ มีน้ำตาเอ่อล้นอยู่

หวางหนันหนันนั่งคุดคู้อยู่บนพื้น บนใบหน้ามีรอยฝ่ามือสีแดง แต่แววตาของเธอกลับยังคงว่างเปล่า เอาแต่ถูร่างกายไม่หยุด

ปากก็เอาแต่บ่นพึมพำว่า : “สกปรก……สกปรก……”

ภาพที่เห็น ทำให้หวางเต๋อรู้สึกเหมือนมีมีดมากรีดเข้าที่หัวใจ

พรึ่บ !

เขาคุกเข่าลงไปกับพื้น แล้วร้องไห้ออกมา : “นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรกัน ? หนันหนัน……พ่อเองที่ทำผิดต่อลูก”

จู่ๆ ร่างกายของหนันหนันก็หยุดสั่น

ทันใดนั้น

“พ่อ……”

หวางหนันหนันโผเข้าไปในอ้อมกอดของหวางเต๋อ แล้วร้องไห้โฮออกมา

สองพ่อลูกกอดคอกันร้องไห้ หวางเต๋อเอาแต่กล่าวขอโทษและตบหลังเพื่อปลอบใจหนันหนันไม่หยุด

……

เมื่อแสงแรกของแดดยามเช้าส่งกระทบลงมายังพื้นโลก

เฉินตงตื่นขึ้นมาจากภวังค์ด้วยความรู้สึกสดชื่น หนึ่งวันที่ผ่านพ้นไป ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง

เขาเสร็จสิ้นการฝึกร่างกายกับคุนหลุนตั้งแต่เช้า

หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังบริษัททันที

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

ใบหน้าของทุกคนต่างเต็มไปด้วยรัศมี และรอยยิ้มที่ดูสดใส

ตอนนี้ ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเต็มก่อนจะถึงเวลาเข้างาน

แต่ทุกคนกลับมาถึงที่ทำงานแต่เช้า

ถึงขั้นว่า เสี่ยวหม่าและพนักงานระดับกลาง ต่างก็รีบมาถึงบริษัททันทีที่ฟ้าสาง

“พวกคุณดูข่าวเมื่อคืนแล้วหรือยัง ? สวรรค์ ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองฝันไปแล้วจริงๆ !”

“เกินคาดจริงๆ ยี่เคอ กรุ๊ปจะกลับมาปักหลักอีกครั้ง ในหมู่บ้านของผมมีคนที่เคยเข้ามาซื้อบ้านที่ภาคตะวันตกกับเราเอาไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อคืนเอาแต่ร้องไห้ตลอดทั้งคืน”

“บริษัทชิงหยิ่นกับยี่เคอ กรุ๊ป สอบริษัทยักษ์ใหญ่จะเข้ามาปักหลัก ราคาอสังหาริมทรัพย์มนภาคตะวันตก จะต้องพุ่งทะยานขึ้นอย่างแน่นอน แต่จะต้องสูงกว่าเมื่อก่อนด้วย”

……

พนักงานกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกันอย่างคึกคัก

มีเพียงเสี่ยวหม่าเท่านั้นที่นั่งอยู่ข้างๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

เขาเป็นคนที่มาถึงบริษัทเร็วที่สุด เมื่อคืนหลังจากที่การรายงานข่าวภาคค่ำจบลง เขาก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน

แต่ตอนนี้ เขากลับไปรู้สึกเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย

ในสมองของเขา เหมือนกำลังฉายภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาสองวันที่ผ่านมา

จนในที่สุด ภาพก็ไปหยุดอยู่ที่เฉินตง

“พี่ตงไม่แสดงอาการตื่นเต้นตกใจเลยตั้งแต่ต้นจนจบ หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนานแล้ว ?”

ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้น รูม่านตาของเสี่ยวหม่าก็หดลงทันที หัวใจของเขาเต้นแรง

หรือว่า……นี่จะเป็นแผนของพี่ตง ?

ยิ่งคิด ความกลัวในจิตใจของเสี่ยวหม่าก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

เขาเป็นคนที่เฉินตงปั้นขึ้นมากับมือ หลังจากเขามาทำงานในบริษัทก็คอยติดตามเฉินตงมาโดยตลอด เขาจึงเข้าใจเฉินตงมากที่สุด

ถ้าเฉินตงไม่ได้มีแผนการแต่เนิ่นๆ ทำไมภายในเวลาทั้งสองวันนั้น เฉินตกถึงมีท่าทีที่สงบและไม่สะทกสะท้านเช่นนั้นได้ ?

หลังจากที่คิดออกแล้ว เสี่ยวหม่าก็หันมองบรรดาเพื่อนร่วมงานที่พูดคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นก็มีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

ยังไงเสียในบริษัทนี้ ก็มีแค่ฉันคนเดียวที่เข้าใจพี่ตงที่สุด !

พวกนายยังมัวแต่สงสัยสาเหตุที่ยี่เคอ กรุ๊ปและบริษัทชิงหยิ่นต่างก็เสนอตัวเข้ามา แต่กลับไม่รู้เลยว่าพี่ตงได้วางแผนเรื่องพวกนี้เอาไว้ทั้งหมดแล้ว !

คิดวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าอย่างรอบคอบ สมแล้วที่เป็นพี่ตง !

ในเวลานี้ ภาพของเฉินตงที่อยู่ในใจของเสี่ยวหม่านั้น ส่งแสงเป็นประกายและแข็งแกร่ง

เขาไม่พยายามคิดว่าทำไมเฉินตงถึงได้ร่วมมือกับยี่เคอ กรุ๊ปและบริษัทชิงหยิ่น นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่เขา ซึ่งเป้นเพียงพนักงานควรคิด สิ่งที่เขาคิดก็คือ จะต้องคอยติดจามเฉินตงอย่างไม่ลดละ !

เมื่อเฉินตงมาถึงบริษัท ก็หันมองบรรดาพนักงานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสดใส เขาก็ยิ้มออกมาทันที

แปะ แปะ แปะ……

เสียงปรบมือดึดดูดความสนใจของทุกคน

“ประธานเฉิน !”

พนักงานตะโกนเรียกโยพร้อมเพรียงกัน

เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้ม : “เรื่องเมื่อคืนคงรู้กันแล้วสินะ ? วันนี้ควรจะทำอย่างไร ก็ให้ทำซะ !”

บรรดาพนักงานหัวเราะร่าออกมา จากนั้นจึงทุ่มเททำงานด้วยความกระตือรือร้น

ในขณะเดียวกัน

หลังจากผ่านพ้นไปหนึ่งคืน คนทั้งเมืองก็แทบจะบ้าคลั่ง

บ้าคลั่งยิ่งกว่าครั้งแรกที่ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศว่าจะเข้ามาปักหลักเสียอีก

ในสายตาของทุกคน ภาคตะวันตกของเมืองกลายเป็นบ่อเงินบ่อทองไปเสียแล้ว

ถ้าไม่ซื้อบ้าน ไม่เท่ากับว่าเป็นคนโง่หรอกหรือ ?

ฟ้ายังไม่ทันสว่าง บริเวณด้านหน้าของที่ทำการขายทั้งสี่แห่งของไท่ติ่ง ก็มีการต่อแถวกันยาวเหยียด

เหมือนกับเมื่อวานและเมื่อวานซืน ทุกคนต่างมีท่าทีแข็งกร้าว ดวงตาแดงก่ำ

แต่สิ่งเดียวที่ต่างออกไปก็คือ ก่อนหน้านี้มาเพื่อขายบ้านคืน แต่ตอนนี้มาเพื่อแย่งซื้อบ้าน !

ภายในเวลาคืนเดียว ใจของคนได้เปลี่ยนไปแล้ว !

แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ

ขณะที่ประตูของศูนย์กลางที่ทำการขายถูกเปิดออก

ภายในศูนย์กลางที่ทำการขายทั้งสี่แห่ง ต่างขึ้นป้ายเหมือนกันโดยไม่มีข้อยกเว้น

“ทุกวันจำกัดสิทธิ์ผู้ซื้อเพียง 50 สิทธิ์ !”

เปรี้ยง !

ผู้ซื้อที่เตรียมความพร้อมจะมาแย่งซื้อบ้นทั้งหมด ต่างรู้สึกเหมือนตนเองถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ

บริเวณด้านหน้าของหลงถิงฮัวหยวน ชายหัวโล้นมองดูแผ่นป้ายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เขากัดฟันแล้วพูดว่า : “มีสิทธิ์อะไรมาจำกัดผู้ซื้อ ? ทำไมจะต้องจำกัดปริมาณการซื้อด้วย ? ก่อนหน้านี้ผมก็เคยมาที่นี่เพื่อซื้อบ้านกับพวกคุณนะ !”

“คุณผู้ชายครับ แต่ก่อนหน้านี้คุณได้ขายคืนบ้านไปแล้ว เมื่อขายคืนแล้ว ตอนนี้ก็จำเป็นจะต้องซื้อใหม่ ถ้าต้องการซื้อใหม่ ก็จะเป็นต้องยึดตามกฎการจำกัดสิทธิ์เพื่อมาซื้อ”

ผู้จัดการฝ่ายขายพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และยืนตัวตรงพร้อมผายมือออกโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงพูดอย่างจนใจว่า : “เป็นเพราะสองวันมานี้บริษัทของเราดำเนินขั้นตอนการรับซื้อคืนบ้านในจำนวนที่มากเกินไป จึงยังไม่อาจจัดการให้แล้วเสร็จได้ ดังนั้นการจำกัดจำนวนการซื้อ ก็เพื่อที่จะจัดการกับเอกสารและขั้นตอนต่างๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อยกระดับบริการที่ดีแก่ทุกท่าน”

ชายหัวโล้น : “…..”

เผียะ !

เขาตบตัวเองแรงๆ หนึ่งครั้ง

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

เสี่ยวหม่าเดินเข้าไปในห้องทำงานด้วยความประหลาดใจ : “พี่ตง จะต้องจำกัดปริมาณการซื้อจริงหรือครับ ? หากทำเช่นนี้กลัวว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างนะครับ !”

“ก็ปล่อยให้วิจารณ์กันไปเถอะ”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย : “จำเอาไว้ประโยคหนึ่งนะว่า อะไรที่ควรจ่ายก็ต้องจ่าย อะไรที่ควรได้ก็ต้องได้ ตอนที่ขายบ้านคืน ฉันยินดีที่จะแบกรับภาระเอาไว้คนเดียวทั้งหมด อยากจะคืนก็คืน แต่เวลาที่ขาย อะไรที่ฉันควรได้ ฉันก็ต้องได้ เมื่อวานนายเป็นคนทิ้งเงินก้อนโตไปเอง มาวันนี้จะมาร้องห่มร้องไห้ เช่นนี้เขาเรียกว่าทำอะไรก็ได้อย่างนั้น !”

เสี่ยวหม่าอึ้งไป จากนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ

หลังจากรอให้เสี่ยวหม่าออกไปจากห้องทำงานแล้ว

เฉินตงก็ก้มหน้าลงไปทำงานต่อ

ตอนนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตก ภายใต้การผลักดันของยี่เคอ กรุ๊ปและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง กำลังพุ่งทะยานขึ้นไปไม่หยุด สำหรับเขาแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขา !

สิ่งที่ทำให้เขามีความมั่นใจ และไม่ถูกคนอื่นกดดันเอาได้ง่ายๆ !

แต่ทว่า มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกะทันหัน

เป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย

เฉินตงขมวดคิ้ว จากนั้นจึงกดวางสาย

แต่หมายเลขนั้นก็โทรกลับเข้ามาอีกครั้งในทันที

เขากดรับสายโทรศัพท์อย่างเลี่ยงไม่ได้

“คุณยังชอบกดวางโทรศัพท์ของฉันเหมือนเดิมเลยนะ”

ในสายโทรศัพท์ มีเสียงหัวเราะที่หดหู่ดังขึ้น

เฉินตงขมวดคิ้วแน่น เขานิ่งเงียบไม่พูดจา

จากนั้นก็มีเสียงากปลายสายดังขึ้นว่า : “เจอหน้ากันครั้งสุดท้ายได้ไหม ? ตอนเที่ยงที่ร้านอาหาร Blue Enchantress ฉันจะไปจากมืองนี้แล้ว”

หางตาของเฉินตงกระตุก

ร้านอาหาร Blue Enchantress……นั้นเป็นร้านอาหารที่เขาและหวางหนันหนันออกเดทกันเป็นครั้งแรก

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset