Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 151 พี่ใหญ่ ? !

บทที่ 151 พี่ใหญ่ ? !

ขณะที่มีเสียงปรากฏขึ้น

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกใจ และหันมองตามที่มาของเสียง

มือของฟ่านลู่เองก็หยุดลงเช่นกัน เธอหันมองไปทั้งน้ำตา

คุนหลุนซึ่งอยู่บนพื้น ยิ่งยินดีและตื่นเต้นยิ่งกว่า เขาตะโกนเสียงดัง : “คุณชาย !”

ภายใต้แสงสว่าง มีร่างของคนคนหนึ่งค่อยๆ เดินมาตามทางของภูเขา

คือเฉินตงนั่นเอง !

เขาตกลงกับกูหลังเอาไว้ว่าจะมาพร้อมกัน แต่ตอนที่มาถึงหมู่บ้านหม่าเถียน กูหลังยังมาไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงนำหน้าไปยังที่ทิ้งศพก่อน

ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว การตัดสินใจเมื่อครู่ถือว่าถูกต้องแล้ว !

ใบหน้าของเฉินตงเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง มือทั้งสองข้างของเขาสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกง เป็นเพราะแสงสว่างของไฟค่อนข้างจ้า ดวงตาของจึงหรี่ลงโดยไม่รู้ตัว

สายฝนที่โปรยปรายลงมา ทำให้เขาเปียกปอนไปทั้งตัว

เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ร่างกายแผ่ซ่านรังสีของความอำมหิตออกมา

“แกคือคนที่รับโทรศัพท์เมื่อกี้หรือ ?”

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วและถ่มน้ำลายลงบนพื้นอย่างแรง : “โธ่เว้ย มาได้ตรงเวลาจริงๆ ขัดจังหวะสนุกของเราหมด”

พูดจบ เขาหันไปมองฟ่านลู่ด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว และรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจนัก

จากนั้นเขาก็หันไปตะคอกเฉินตงว่า : “ไหนล่ะเงินห้าล้าน ?”

“ไม่ได้เอามา”

เฉินตงยกยักไหล่ของเขาพร้อมกับมีรอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นที่มุมปาก

เปรี้ยง !

พวกของชายวัยกลางคนเมื่อได้ยิน ก็รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า

ทันใดนั้น สีหน้าของชายวัยกลางคนก็ดูดุร้ายขึ้นในทันที เขาจ้องตาเขม็ง : “แกอยากตายหรือยังไง ? ฉันให้แกเอาเงินห้าล้านมาเพื่อชดใช้ความผิดและแสดงความขอโทษ หรือแกอยากจะเห็นพวกมันตาย ?”

หลังจากพูดจบ

ลูกสมุนที่อยู่โดยรอบอีก 12 คน ก็พุ่งเข้าไปหาเฉินตงด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรงทันที

“เหอะ……พวกเศษสวะอย่างพวกแก มีสิทธิ์อะไรที่จะให้ฉันไปขอโทษ ?”

เฉินตงจ้องตาเขม็ง ดวงแววตาที่อำมหิต

ทันใดนั้นเอง เขาเหมือนเสือที่เพิ่งกระโจนออกจากถ้ำ ใช้เท้าเตะโคลนที่อยู่ใต้เท้า แล้วสะบัดโคลนใส่หน้าลูกสมุนสองคนที่อยู่ใกล้ตนเองมากที่สุด

จากนั้น เขาก็พุ่งเข้าใส่ในทันที

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทำให้ฟ่านลู่ตกใจจนกรีดร้องออกมาเสียงดัง จากนั้นจึงรีบกลับไปหลบอยู่ข้างๆ คุนหลุนอย่างรวดเร็ว เธอกอดคุนหลุนเอาไว้แน่น เพราะเกรงว่าก่อนต่อสู้จะบานปลายมาถึงตัวคุนหลุน

“ไม่ ไม่เป็นไร ฝีมือระดับคุณชาย สามารถรับมือพวกสวะพวกนี้ได้สบาย !”

คุนหลุนยกมือขึ้น แล้วตบหลังฟ่านลู่เบาๆ แล้วพูดด้วยความปวดใจ : “ทำไมคุณถึงโง่อย่างนี้ ? ผมไม่จำเป็นต้องให้คุณช่วย !”

ฟ่านลู่ไม่ตอบอะไร เอาแต่ร้องไห้เงียบๆ

“โอ๊ย !”

ลูกสมุนคนหนึ่งถูกเฉินตงเตะเข้าตรงกระดูกซี่โครงจนหัก แล้วเตะกระเด็นออกไป

เฉินตงยังไม่คิดที่จะหยุด เขาพุ่งตรงเข้าไปอีกครั้ง โดยครั้งนี้พุ่งตรงเข้าไปหาลูกสมุนตัวเล็กๆ อีกคนหนึ่ง

เขาไม่เคยคิดจะชดใช้ ขอโทษหรือสร้างความสมานฉันท์กับพวกเศษสวะที่สามารถขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของผู้อื่นได้พวกนี้

ต่อให้ต้องเจรจากับคนพวกนี้จริงๆ อย่างน้องก็คงต้องให้คนพวกนี้ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นก่อน ถึงจะยอมพูดคุยด้วย !

เฉินตงซึ่งได้รับการฝึกฝนร่างกายมาจากคุนหลุน ไม่ว่าจะด้านพละกำลังของร่างกายหรือด้านทักษะการต่อสู้ พวกสมุนตัวเล็กๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่มีทางเทียบชั้นได้

ในการต่อสู้ เฉินตงหลบหลีกและพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว เขาปล่อยหมัดที่แข็งแกร่งราวกับสายฟ้าฟาดลงบนตัวของลูกสมุนทุกคนเหมือนเป็นการทักทายอย่างซึ่งหน้า

เพียงเวลาสิบกว่าวินาที มีหกคนจากสิบสองคนที่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น

ทั้งหกคนนอนจมอยู่ในโคลน แล้วร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด

หากไม่ใช่ขาหักแขนหัก ก็กระดูกซี่โครงหัก ไม่มีใครเหลือรอดแม้แต่คนเดียว ทำให้หมดสภาพที่จะสู้ต่อ

ทันในนั้น คุนหลุนที่จับตาดูการต่อสู้มาโดยตลอด ก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลายออกมา

เฉินตงสามารถจัดการกับคนหกคนได้ภายในเวลาเพียงแค่สิบกว่าวินาที ทำให้การต่อสู้หลังจากนี้ ไม่น่าวิตกกังวลอีกต่อไป

ทันใดนั้นเอง รูม่านตาของคุนหลุนหดลงอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ

“คุณชาย ระวัง !”

เปรี้ยง !

ราวกับเสียงฟ้าผ่าทะลุผ่านอากาศลงมา

ย่า !

มีแสงสะท้อนส่องเข้าในดวงตาของเฉินตง เป็นแสงที่ฉาบไปด้วยความรู้สึกที่น่ากลัว

ไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนพุ่งเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ในมือของเขาถือมีดผีเสื้อที่ฉาบไปด้วยลำแสงเย็นเยือกที่น่ากลัวเอาไว้ มีดพุ่งตรงเข้ามาที่หน้าอกของเขา !

“แกตายซะเถอะ !”

เฉินตงหน้าถอดสี เรื่องอันตรายที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น เขายกมือทั้งสองข้างไปตรงหน้าอก

ซวบ !

มือขวาของเขาจับใบมีดของมีดผีเสื้อเอาไว้แน่น ความเจ็บปวดแล่นผ่านเข้ามา ทำให้เฉินตงขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเบิกโพลง

เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากฝ่ามือของเขา

ชั่วพริบตาเดียว

มือซ้ายของเขาก็บีบข้อมือของชายวัยกลางคนเอาไว้แน่นในทันที จากนั้นจึงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ แล้วจึงออกแรง

ย่า !

ด้วยแรงที่แข็งแกร่งทำให้กระดูกข้อมือของชายวัยกลางคนหักในทันที

ขณะที่ชายวัยกลางคนกำลังร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเหมือนกับหมูถูกเชือดอยู่นั้น

เฉินตงก็จับมีดผีเสื้อเอาไว้ แล้วแทงลงไปด้านล่างทันที

สวบ !

เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นออกมา

มีดผีเสื้อปักลงไปที่ต้นขาของชายวัยกลางคนจนมิดด้าม

ชายวัยกลางคนล้ม “พรึ่บ” ลงไปอยู่ในโคลน ใบหน้าบิดเบี้ยว ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

เฉินตงกลับมายืนหยัดอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีเย็นชา

เขาสะบัดเลือดที่ติดอยู่ที่ฝ่ามือด้านขวาออกอย่างลวกๆ แล้วเหลือบตาไปมองลูกสมุนอีกหกคนที่เหลือ

“ถ้าใครอยากจะสู้อีกล่ะก็ ฉันเองก็ยินดีที่จะช่วยทำให้พวกแกพิการเอง !”

ทั้งหกคนหันมองหน้ากันด้วยความตื่นตระหนก

“สู้กับมันสิ ฉันบอกให้สู้กับมัน”

ชายวัยกลางคนพยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้ แล้วตะโกนออกมาเสียงดัง

ตุ๊บ !

เฉินตงเหยียบลงบนมีดที่ปักอยู่ตรงต้นขาของชายวัยกลางคน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย : “แกลองเดาดูซิว่าถ้าฉันเหยียบลงไป ขาของแกจะถูกมีดเล่มนี้เฉือนเอาหรือไม่ ?”

ชายวัยกลางคนเม้มริมฝีปาก ไม่กล้าขยับเขยื้อนอีก

ความเจ็บปวดทำให้เขาเหงื่อไหลไปทั่วตัว เมื่อเห็นแววตาที่น่ากลัวของเฉินตง เขาไม่รู้สึกสงสัยเลยสักนิดว่าเฉินตงจะทำเช่นนี้ได้จริง

เพราะเขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดจากคมมีดของมีดผีเสื้อ บาดลึกลงไปในชั้นผิวหนังขงเขาเรียบร้อยแล้ว

ด้วยความรู้สึกกลัวจนถึงขีดสุด ทำให้เขาไม่แม้แต่จะกล้าส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา

เฉินตงค่อยๆ หันหน้ากลับไปมองทั้งหกคน : “ว่ายังไง ?”

แค่คำง่ายๆ แต่ทำให้รับรู้ได้ถึงเจตนาฆ่า และแสดงความดูถูกออกมาอย่างชัดเจน

ทั้งหกคนส่ายหัวพร้อมกัน แล้วจึงค่อยๆ เดินถอยหลังไปสามก้าว

เฉินตงหันกลับไปจ้องมองชายวัยกลางคน ใช้มือด้านขวาที่เปื้อนเลือดตบลงไปบนหน้าของชายวัยกลางคน

“ถ้าจะให้ฉันชดใช้หรือว่าขอโทษ ฉันคงไม่มีวันทำ แต่ตอนนี้พี่น้องของฉันกับน้องสาวของฉันถูกพวกนายรังแกหนักขนาดนี้ นายจะต้องคุกเข่าเพื่อขอโทษพวกเขา !”

ชายวัยกลางคนผงะไป เขารู้สึกถึงความอัปยศอดสูอย่างรุนแรง

เขาเม้มปาก ทำทีท่าว่าจะโต้กลับ

แต่จู่ๆ เฉินตงกลับหัวเราะออกมา

เป็นการหัวเราะที่ทำให้คนรู้สึกกลัว

ทำให้ชายวัยกลางคนกลืนคำพูดที่ตนเองจะพูดออกมากลับเข้าไปดังเดิม

จากนั้น

เฉินตงยกมือขึ้นชี้ไปยังหลุมศพที่ถูกขุดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วพูดว่า : “ฉันไม่ได้กำลังปรึกษากับแกอยู่ ถ้าแกไม่ยอมชดใช้ด้วยการขอโทษล่ะก็ ฉันจะจับแกฝังลงไป !”

เฉินตงขู่ด้วยท่าทีที่ไม่แยแสเลยสักนิด

แต่กลับทำให้ความดุร้ายในตัวของชายวัยกลางคนปะทุขึ้นมา

เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น : “ทำไมต้องขอโทษด้วย ? ต่อให้ต้องตาย ฉันก็ไม่มีทางขอโทษเด็ดขาด ! ถ้าแกฆ่าฉันจริงๆ ล่ะก็ แกเองก็ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้ต่อไม่ได้เหมือนกัน ! พวกพี่ใหญ่ของฉัน จะต้องตามฆ่าแกไปทั่วเมืองอย่างแน่นอน !”

เฉินตงเงียบไป

แต่เจตนาฆ่าของเขายังคงรุนแรงอยู่

แต่ทันใดนั้นเอง

มีร่างร่างหนึ่งวิ่งตรงเขามาจากทางบนภูเขาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

ทุกคนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวนี้ได้ในทันที

เมื่อร่างคนนี้วิ่งเข้ามาอยู่ภายใต้แสงสว่าง ก็หยุดฝีเท้าลงกะทันหัน

คนที่มาคือกูหลังนั่นเอง !

ยังไม่ทันที่กูหลังจะเอ่ยปากพูดอะไร

จู่ๆ ชายวัยกลางคนที่อยู่ที่พื้นก็แววตาเป็นประกาย เขาตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ : “พี่ใหญ่ !”

มุมปากของเฉินตงกระตุก เขาเหลือบมองชายวัยกลางคนด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ จากนั้นจึงหันมองกูหลังด้วยความประหลาดใจ

บังเอิญ……ขนาดนี้เลยหรือ ?

กูหลังถูกเฉินตงจ้องมองอยู่ จนทำให้มีเหงื่อไหลออกมาทั่วตัว

เขาเดินตรงเข้ามาหาเฉินตงและชายวัยกลางคนด้วยท่าทีอึดอัดใจ

ชายวัยกลางคนเมื่อเห็นกูหลังก็รู้สึกดีใจราวกับได้เกิดใหม่ เขาหัวเราะออกมาเสียงดังและตะโกนเยาะเย้ยเฉินตง : “นี่ นี่คือหนึ่งในพี่ใหญ่ของฉัน แก แกเสร็จแน่ !”

ทันทีที่พูดจบ

กูหลังหันไปโค้งคำนับเฉินตง : “คุณเฉิน กรุณาฟังผมอธิบายก่อน”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset