Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 156 ถ้าไม่ยอมปิดบังมันเพื่อฉัน ฉันก็จะยอมตาย !

บทที่ 156 ถ้าไม่ยอมปิดบังมันเพื่อฉัน ฉันก็จะยอมตาย !

เฉินตงรู้สึกว้าวุ่นใจตลอดทั้งบ่าย

ตอนนี้ในสมองของเขา มีแต่ภาพที่เขากับหวางหนันหนันพบหน้ากันในวันนี้ปรากฏอยู่เต็มไปหมด

เขาเพียงแค่เห็นแก่ความสัมพันธ์เป็นครั้งสุดท้าย แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ความรู้สึกดีๆ ครั้งสุดท้ายที่เขามีให้ จะถูกหวางหนันหนันนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์เช่นนี้

นังอสรพิษ

ความโลภของตระกูลหวาง ทำให้เขาตาสว่างอีกครั้ง !

การพบหน้ากันเพื่อกล่าวลาธรรมดาๆ กลับถูกใช้เป็นหลักฐานเพื่อนำมาขู่กรรโชกเขา !

สำหรับเฉินตงแล้ว นี่ถือเป็นความอัปยศอดสูจริงๆ

อารมณ์โกรธของเขาคุกรุ่น จนยากที่จะสงบลงได้

แต่เขาก็กลัวว่าหากเขาตอบโต้คนเลวพวกนี้ จะกระทบกระเทือนถึงคนอื่นไปด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าระบายความแค้นกับตระกูลหวางโดยตรง

ในเมื่อตระกูลหวางกล้าขู่กรรโชกเงินจากเขาหนึ่งร้อยล้าน นั้นหมายความว่าพวกเขาก็กล้าที่จะส่งรูปพวกนี้ไปให้กับกู้ชิงหยิ่งเช่นกัน

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกู้ชิงหยิ่ง จะถูกเติมเต็มให้สมบูรณ์ในปลายเดือนนี้แล้ว

ในระหว่างนี้ เขาจะยอมปล่อยให้มีปัญหาเข้ามากระทบไม่ได้เด็ดขาด !

หลังจากเลิกงานในช่วงเย็น

เฉินตงออกจากบริษัทโดยที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่เขานั่งอยู่ในรถแท็กซี่ ก็ต่อสายโทรศัพท์หากู้ชิงหยิ่ง

ไม่ช้า ปลายสายก็รับโทรศัพท์

“คนโง่ ในที่สุดคุณก็รู้จักโทรหาฉันแล้วหรือ ?” ในสายเป็นเสียงบ่นของกู้ชิงหยิ่ง

เฉินตงรู้สึกโล่งใจ เขายิ้มแล้วพูดว่า : “ในเมื่อคุณไม่หาผม ผมก็จำเป็นจะต้องหาคุณเองแล้ว”

“เชอะ……ฉันก็กำลังรอให้คุณมาขอฉันแต่งงานตอนปลายเดือนอยู่นี่ไง” กู้ชิงหยิ่งพูดพลางหัวเราะ

“วางใจเถอะ ปลายเดือนนี้ผมจะทำให้คุณจำไปจนวันตายเลย !”เฉินตงพูด

“รู้แล้ว คุณรีบพักผ่อนเถอะ อย่าหักโหมเกินไป จุ๊บๆ”

หลังจากพูดจบ กู้ชิงหยิ่งก็วางสายโทรศัพท์

เฉินตงรู้สึกสงบลงเล็กน้อย เขามั่นใจว่ากู้ชิงหยิ่งยังคงไม่รู้เรื่องนี้ ทำให้เขารู้สึกเบาใจไม่น้อย

อย่างน้อย เอาก็สามารถใช้เงินร้อยล้านเพื่อจัดการเรื่องนี้ได้

อย่างน้อยก็จะไม่มีผลกระทบกับการขอกู้ชิงหยิ่งแต่งงานในช่วงปลายเดือนนี้ !

แต่สิ่งที่เฉินตงไม่รู้ก็คือ

ขณะที่กู้ชิงหยิ่งกำลังคุยโทรศัพท์กับด้วยท่าทีที่มีความสุขอยู่นั้น ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งกลับเต็มไปด้วยคราบน้ำตา และทั้งตัวของเธอก็สั่นเทา

ในสายโทรศัพท์ เธอเพียงแค่บังคับตัวเองให้แสร้งทำเป็นมีความสุขเท่านั้น

หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว กู้ชิงหยิ่งก็ไม่สามารถทนฝืนได้อีกต่อไป ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เธอเอาหัวมุดเข้าไปในผ้าห่ม แล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนักด้วยความรู้สึกน้อยใจ

ด้านนอก มีเสียงอันแสนอบอุ่นของผู้เป็นแม่ดังขึ้น

“เสี่ยวหยิ่ง ออกมาทานข้าวเย็นได้แล้วลูก”

“แม่คะ หนูไม่หิว พ่อกับแม่ทานเถอะค่ะ” กูชิงหยิ่งพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วตอบกลับไปหนึ่งประโยค

ด้านนอก

หลี่หวั่นชิงขมวดคิ้วแน่น เธอครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และท้ายที่สุดก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงเดินไปยังห้องอาหาร

กู้โก๋ฮั๋วซึ่งกำลังนั่งรออยู่ เมื่อเห็นด้านหลังของหลี่หวั่นชิงไม่มีกู้ชิงหยิ่งเดินตามมา ก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “เสี่ยวหยิ่งไม่กินข้าวหรือ ?”

“เธอไม่หิว” ใบหน้าของหลี่หวั่นชิงเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

“ผมจะไปเรียกเอง ถ้าหิวจนเป็นลมเป็นแล้งไปจะทำยังไง”

กู้โก๋ฮั๋วลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกห้องอาหารทันที : “เด็กคนนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต เวลามีเรื่องไม่สบายใจก็จะไม่ยอมกินข้าว แล้วยังคิดว่าจะปิดบังพวกเราได้อีก”

“คุณหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ !” หลี่หวั่นชิงกระทืบเท้าแล้วพูดออกมาด้วยความโมโห

“ลูกต้องมีเรื่องปิดบังเราอยู่แน่นอน ถ้าปล่อยให้เธอเก็บงำเอาไว้เช่นนี้ จะต้องสติแตกแน่ๆ” กู้โก๋ฮั๋วรู้สึกไม่เต็มใจนัก

“กินข้าว !” หลี่หวั่นชิงลากกู้โก๋ฮั๋วกลับมานั่งที่โต๊ะอาหาร

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน

ภาในห้องรับแขกบรรยากาศเงียบสงัด

ฟ่านลู่ยังคงดูแลหลุนคุนอยู่ที่โรงงพยาบาลลี่จิง

ภายในบ้านมีเพียงท่านหลุนกับหลี่หลาน

ทั้งสองนั่งแยกกันอยู่บนโซฟา ต่างคนต่างก็นิ่งเงียบ

มีเพียงแววตาของท่านหลุนที่เอาแต่จับจ้องอยู่ที่หลี่หลานซึ่งเต็มไปด้วยความซับซ้อน

หลี่หลานมีท่าทีงุนงง เธอก้มหน้าก้มตา ประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน

ในที่สุด

หลี่หลายตัดสินใจทำลายบรรยากาศของความเงียบภายในห้องรับแขก : “ท่านหลง เรื่องนี้อย่าบอกให้เฉินตงรู้นะ”

“แต่คุณชายสังเกตเห็นความผิดปกติของคุณผู้หญิงแล้ว อีกทั้งยังกำชับให้กระผมไปตามสืบมาอีกด้วย”

ท่านหลงยิ้มอย่างขมขื่น : “กระผมคิดไม่ถึงเลยว่า หลายวันมานี้คุณผู้หญิงต้องกระวนกระวายใจเพราะเรื่องนี้”

“ถ้าอย่างนั้นนายก็บอกเฉินตงไปนะว่าไม่สามารถสืบอะไรได้ ฉันไม่อยากให้เขาต้องเป็นกังวลเพราะเรื่องของฉัน”

หลี่หลานเงยหน้าขึ้นจ้องมองท่านหลง แววตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ : “เรื่องนี้เป็นเรื่องของฉัน ฉันสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง”

ท่านหลงถอนหายใจ แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน : “กระผมเคยเตือนคุณผู้หญิงเอาไว้นานแล้ว กระผมเชื่อว่าคุณผู้หญิงจะสามารถแก้ไขเรื่องนี้ด้วยตนเองได้ แต่คุณผู้หญิงครับ แม้แต่ต้นไม่ใหญ่ก็ยังถูกลมพัดให้สั่นไหวได้ ดังนั้นผมจึงคิดวว่าควรที่จะบอกเรื่องนี้แก่คุณชาย อย่างน้อยคุณชายจะได้เตรียมใจเอาไว้ !”

ปัง !

จู่ๆ หลี่หลานก็เอามือตบโต๊ะด้วยความโมโห แรงสั่นสะเทือนทำให้ได้ยินเสียงกระทบของแก้วน้ำชาบนโต๊ะ

ตอนนี้เอง ใบหน้าที่โอบอ้อมอารีของหลี่หลาน ก็กลับกลายเป็นใบหน้าที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง และเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ

ถ้าหากเฉินตงมาเห็นเข้าล่ะก็ คงจะต้องรู้สึกแปลกใจไม่น้อย

เป็นเพราะตั้งแต่เล็กจนโต น้องครั้งที่เขาจะเห็นแม่มีสีหน้าท่าทางเช่นนี้

“ในเมื่อนายเรียกฉันว่าคุณผู้หญิง แล้วยังคิดที่จะขัดคำสั่งของฉันอีกหรือ ?” หลี่หลานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาดุดัน จ้องเขม็งไปที่ท่านหลง

“ท่าทางของคุณผู้หญิงในตอนนี้ ทำให้กระผมนึกย้อนไปถึงสมัยก่อน”

ท่านหลงอยู่ในท่าทีที่สงบ และไม่คิดที่จะหลบสายตา : “แต่อย่างไรเสีย ทุกสิ่งที่กระผมทำก็เป็นเพราะหวังดีต่อคุณชาย”

เพล้ง !

หลี่หลานหยิบแก้วน้ำชาขึ้นมา แล้วโยนลงไปบนพื้น จากนั้นจึงก้มลงเก็บเศษแก้วขึ้นมา แล้วจ่อไปที่คอ : “ถ้านายไม่ช่วยฉันปิดบังเรื่องนี้กับตงเอ๋อแล้วล่ะก็ ฉันก็จะขอตายให้ดู !”

“คุณผู้หญิง……” ท่านหลงหน้าถอดสีในทันที เขาตกใจและรีบลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินเข้าไปหา

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !”

หลี่หลานตะคอก : “ฉันบอกแล้วว่า ฉันไม่ยอมให้เรื่องนี้กระทบตงเอ๋อเป็นอันขาด ฉันสามารถจัดการมันได้แน่นอน !”

ท่านหลงยืนนิ่งไปชั่วขณะ จนในที่สุดก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา : “กระผมยอมรับปากแล้วครับ !”

เมื่อได้ยินดังนั้น

หลี่หลานก็มีสีหน้าท่าทีที่อ่อนโยนลงเล็กน้อย เธอวางเศษแก้วที่อยู่ในมือลง แล้วก้มหน้าพูดอย่างจนใจ : “เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นก็ผ่านไปแล้ว แต่วันนี้มันกำลังจะหวนกลับมา ในเมื่อได้มองสิทธิ์ในการเป็นผู้สืบทอดมรดกให้แก่ตงเอ๋อแล้ว เช่นนั้นตงเอ๋อก็ควรจะได้ใช้พลังใจพลังกายทั้งหมดที่มี ไปกับการทำหน้าที่ผู้สืบทอดมรดก ไม่ควรจะต้องมาเหนื่อยด้วยเรื่องวุ่นวายพวกนี้”

น้ำเสียงที่ฟังดูแผ่วเบา สะท้อนให้เห็นถึงความโศกเศร้าและความรู้สึกจนใจ

ทำให้ท่านหลงเองก็พลอยหดหู่และว้าวุ่นใจไปด้วย

เรื่องของคุณผู้หญิง ถือเป็นเรื่องซับซ้อนจริงหรือ ?

ถ้าหากสามารถจัดการได้เรียบร้อยจริง แล้วทำไมในตอนนั้นถึงสับสนวุ่นวายนัก ?

เพียงแต่คำพูดเหล่านี้ท่านหลงไม่กล้าพูดออกมา หลี่หลานใช้แผนการขั้นเด็ดขาดในการบังคับให้เขาปิดปากเงียบแล้ว

ตอนนี้เอง ประตูบ้านถูกเปิดออก

เฉินตงเดินเข้ามา เมื่อเห็นแก้วน้ำชาที่แตกกระจายอยู่บนพื้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย

ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่หลาน จากนั้นก็หายวับไปในทันที เธอรีบก้มลงไปเก็บเศษแก้วที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น

“แม่ครับ เดี๋ยวผมเก็บเอง” เฉินตงรีบเดินเข้าไปหา

“ให้แม่เก็บเองเถอะ” หลี่หลานยิ้ม “แม่ไม่ระวังจนทำแก้วน้ำชาหล่นแตก แก้วใบนี้คงจะแพงน่าดู น่าเสียดายจริงๆ”

“ที่ไหนกันครับ” เฉินตงหัวเราะร่า

เมื่อหลี่หลานเก็บเศษแก้วเรียบร้อย ก็ปล่อยให้เฉินตงไปพักผ่อนสักพัก ส่วนตัวเธอเองก็เข้าไปทำอาหารในห้องครัวตามลำพัง

เฉินตงมองตามผู้เป็นแม่เดินเข้าห้องครัวไป จากนั้นจึงได้เอ่ยปากถามท่านหลงว่า : “ท่านหลง เรื่องที่ให่ไปสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง ?”

ท่านหลงรับปากหลี่หลานแล้ว จึงต้องแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง และยิ้มพร้อมกับพูดว่า : “คุณชาย อาจเป็นเพราะพวกเราเข้าใจคุณผู้หญิงผิด เธอออกไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายเท่านั้นจริงๆ”

“จริงหรือ ?” เฉินตงเลิกคิ้ว จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วพึมพำ : “หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็ดี ฉันกลัวว่าแม่จะมีเรื่องอะไรที่กลัวจะเกี่ยวพันถึงตัวฉันแล้วทำให้ฉันต้องเหนื่อย ดังนั้นถึงได้จงใจที่จะปิดบังเอาไว้”

ริมฝีปากของท่านหลงขยับ แววตาเต็มไปด้วยความซับซ้อน

แต่ทว่า เฉินตงกลับไม่สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับท่านหลง

เรื่องของหวางหนันหนันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและโมโห จนยากที่จะรู้สึกสงบลงได้

เขาทักทายกับท่านหลงเพียงคำเดียว จากนั้นจึงเดินตรงไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นบน

ตอนนี้ เขาหวังว่าจะใช้เงินจัดการกับปัญหาทุกอย่างได้ และรีบส่งครอบครัวของหวางหนันหนันให้ออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการจบปัญหาเรื่องนี้

เป็นเพราะถูกขู่กรรโชก ทำให้วันรุ่งขึ้น เฉินตงก็ยังคงรู้สึกหดหู่อยู่ เป็นการยากที่เขาจะสามารถสงบสติอารมณ์และมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานได้

วันที่ดูสับสนหนึ่งวันค่อยๆ ผ่านพ้นไป เมื่อกลับถึงบ้าน เฉินตงก็นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง ยากที่จะข่มตาหลับลงได้

เขาอดหลับอดนอนจนกระทั่งฟ้าสว่าง

เฉินตงลุกขึ้นจากเตียงแต่เช้า วันนี้……เป็นวันที่ครอบครัวของหวางหนันหนันจะออกไปจากเมืองนี้

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset