Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 158 กล้ารังแกลูกสาวฉัน เฉินตง นายสมควรตาย !

บทที่ 158 กล้ารังแกลูกสาวฉัน เฉินตง นายสมควรตาย !

หวางหนันหนันยืนอึ้งไป

หวางเต๋อและหวางเห้าเองก็หน้าถอดสี

ต่อให้เป็นพวกเขาสองคน ก็ยังรู้สึกว่าสิ่งที่จาวซิ่วจือพูดออกมานั้นเกินไปจริงๆ !

“แม่ ทำไมถึงพูดกับพี่แบบนี้ ?” หวางเห้าพูดเตือนสติ

แต่จางซิ่วจือกลับเงยหน้าแล้วพูดด้วยท่าทีหยิ่งผยองว่า : “หรือแกจะบอกว่าที่ฉันพูดไปทั้งหมดนั้นไม่ถูก ? หลังจากที่เธอแต่งงานกับเฉินตง ได้เงินมาสักเท่าไหร่กัน ? สามารถช่วยเหลือครอบครัวได้มากน้อยแค่ไหนกัน ? แม้แต่เรื่องที่แกจะแต่งงานกับเสว่เอ๋อ เธอยังช่วยไม่ได้เลย พอมาตอนนี้ ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ก็พยายามอย่างที่สุดที่จะคิดหาวิธีให้เธอได้เงินชดเชยในการหย่าร้างกลับมา แต่กลับกลายเป็นความผิดของฉันแล้วอย่างนั้นหรือ ?”

พูดจบ จางซิ่วจือก็หันไปเหลือบมองหวางหนันหนัน

“อยู่กับสัตว์ร้ายอย่างเฉินตงมันจะมีประโยชน์อะไร ? ไม่สู้อยู่กับเทียนเซิง นอนกับเขาแล้ว อย่างน้อยก็ยังได้ค่าเหนื่อยอีกหลายล้าน !”

“คุณพอได้แล้ว !”

หวางเต๋อตัวสั่น เขายกมือขึ้นแล้วฟาดลงไป

เผียะ !

เขาใช้ฝ่ามือตบลงไปอย่างสุดพลัง

จนเกิดเสียงดังสนั่น

จางซิ่วจือเดินโซเซไปข้างหลัง ใบหน้าซีกหนึ่งของเธอบวมขึ้นในทันที

ผู้หญิงที่มีนิสัยหยิ่งผยองและบ้าอำนาจอย่างเธอ แน่นอนว่าคิดจะด่ากลับในทันที แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นแววตาเกรี้ยวกราดราวกับจะกินคนได้ของหวางเต๋อ เธอก็รู้สึกใจเต้นด้วยความตกใจกลัว และพยายามระงับสติอารมณ์เอาไว้

หวางเต๋อยืนตัวสั่น กัดฟันด้วยความโมโหและจ้องมองจาวซิ่วจือตาเขม็ง : “จางซิ่วจือคุณยังมีความเป็นคนอยู่อีกไหม ? คุณพยายามจะฆ่าลูกหรืออย่างไร ? คุณมัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับทรัพย์สินเงินทองจนถึงขั้นที่ไม่สนใจลูกสาวแล้วอย่างนั้นหรือ ?”

“พ่อ……”

เมื่อได้ยินว่าพ่อปกป้องตนเอง หวางหนันหนันก็ร้องไห้โฮออกมาแล้วโผเข้าไปในอ้อมกอดของหวางเต๋อในทันที

หวางเต๋อตบหลังของหวางหนันหนันเพื่อปลอบใจไปพลาง ก็จ้องมองจาวซิ่วจือด้วยความโมโหไปพลาง : “ผม ผมทนคุณไม่ไหวอีกแล้ว บางครั้งผมถึงขั้นที่คิดจะหย่ากับคุณ ถึงขั้นคิดที่จะฆ่าคุณให้ตายเสียด้วยซ้ำ !”

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ฆ่าเลยสิ !” จางซิ่วจือเองก็รู้สึกโมโหขึ้นมา เธอถือบัตรธนาคารเอาไว้แน่น : “แต่อย่างไรเสียตอนนี้ฉันก็มีเงินแล้ว หากหย่ากันจริงๆ ฉันก็จะพาลูกชายไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม นอกเสียจากว่าคุณจะฆ่าฉัน !”

“คุณ……” หวางเต๋อโกรธจนพูดไม่ออก

“พ่อ อย่าทะเลาะกันอีกเลย ไม่มีประโยชน์หรอก พูดไปแม่ก็ไม่มีวันเข้าใจ”

หวางหนันหนันร้องไห้และเข้าไปขวางผู้เป็นพ่อเอาไว้ เธอรู้ดีว่า ถ้าแม่ของเธอคิดได้จริงๆ เพียงสักนิด ครอบครัวคงไม่ต้องมีสภาพอย่างเช่นทุกวันนี้

ในเมื่อถูกกล่าวหาไปแล้ว ก็ปล่อยให้ถูกกล่าวหาไป !

เธอแค่อยากจะอยู่เงียบๆ เปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต เพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่

ความคิดเช่นนี้เรียกได้ว่า “ถูกทำให้เจ็บปวดจนกระทั่งรู้สึกชินชา” หรือจะพูดว่าเหมือนแก้วที่หล่นลงไปแตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หวางหนันหนันไม่มีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ดังนั้นจึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน : “ไปกันเถอะค่ะ พวกเราไปจากที่นี่กัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเฉินตงอีกแล้ว ปลายเดือนนี้เขาก็จะขอเสี่ยวหยิ่งแต่งงานแล้ว ตระกูลหวางของเรากับเฉินตง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”

อย่างไรก็ตาม

จู่ๆ จางซิ่วจือก็หัวเราะเยาะออกมา : “ขอแต่งงานหรือ ? เขาคงฝันไปล่ะสิ !”

หวางหนันหนันตัวสั่นและหยุดเดินอย่างกะทันหัน

หวางเต๋อหันหลังกลับไปในทันที : “คุณ คุณสร้างปัญหาอะไรอีก ?”

“สร้างปัญหาหรือ ? นี่ฉันกำลังช่วยหนันหนันแก้แค้นอยู่ต่างหาก ! คิดว่าลูกสาวของฉันสามารถรังแกได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ ?”

จางซิ่วจือพูดอย่างภาคภูมิใจ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม : “รูปถ่ายกองโต ฉันได้ส่งไปให้นังเด็กกู้ชิงหยิ่งนั่นแล้ว ตอนนี้ก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าในใจของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ปลายเดือนนี้เฉินตงคิดจะขอเธอแต่งงานอย่างนั้นหรือ ? รอดูเฉินตงถูกกู้ชิงหยิ่งสลัดทิ้งก็แล้วกัน !”

เปรี้ยง !

ใบหน้าของหวางหนันหนันซีดเผือดจนมองไม่เห็นเส้นเลือดแม้สักเส้นเดียวในทันที

จนสุดท้าย ร่างกายของเธอก็ไร้สิ้นเรี่ยวแรง ล้มลงไปอยู่ในอ้อมแขนของหวางเต๋อ

ณ ลานป่าไผ่ ในคลับสี่ยิ่น

สองวันมานี้ กู้ชิงหยิ่งเอาแต่นั่งเหม่อลอย ไม่ยอมกินข้าวกินปลา

ในหัวมีแต่เรื่องรูปถ่ายวนเวียนอยู่

เธอพยายามที่จะทำความเข้าใจเฉินตงด้วยตัวของเธอเอง แต่รูปถ่ายกลับเป็นหลักฐานที่แน่นหนา ที่เข้ามาทำลายคำพูดโน้มน้าวจิตใจของตัวเธอเองครั้งแล้วครั้งเล่า

เสียงบรรเลงเปียโนที่ไพเราะดังก้องกังวาน

กู้ชิงหยิ่งนั่งพิงอยู่ที่หน้าต่าง นั่งมองพุ่มดอกไม้และน้ำพุที่อยู่ภายในลานเล็กๆ ดวงตาของเธอแดงก่ำและบวมเล็กน้อย

เธอยังคงตั้งตารอการขอแต่งงานที่จะเกิดขึ้นปลายเดือนนี้

เธอถึงขั้นมีความปรารถนาที่ไร้เดียงสา ที่จะได้เห็นเฉินตงสวมใส่ชุดเกราะสีทอง เดินผ่านสายรุ้งและก้อนเมฆลงมาจากบนท้องฟ้าเพื่อขอเธอแต่งงาน

แต่ทว่าตอนนี้ ภาพความฝันและความปรารถนาทั้งหมด จู่ๆ เหมือนจะถูกโยนลงไปในถ้ำน้ำแข็ง แปลเปลี่ยนกลายเป็นความหนาวเหน็บและเย็นชา

ก๊อก ก๊อก !

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เสี่ยวหยิ่ง ถึงเวลากินข้าวเที่ยงแล้วลูก” กู้โก๋ฮั๋วยืนตะโกนอยู่ด้านนอก

กู้ชิงหยิ่งเช็ดคราบน้ำตา : “พ่อคะ หนูไม่หิว พ่อกับแม่ทานเถอะค่ะ”

“เจ้าลูกคนนี้ ไม่กินข้าวมาสองวันแล้ว ถ้าหิวจนเป็นลมเป็นแล้งไปจะว่าอย่างไร ?” น้ำเสียงของกู้โก๋ฮั๋วเริ่มแสดงความโมโห แต่นั่นเป็นเพราะความเป็นห่วงที่มีต่อลูกสาว

กูชิงหยิ่งพูดด้วยความรำคาญว่า : “โถ่ พ่อคะ หนูโตแล้วนะ อย่าคิดว่าหนูยังเป็นเด็กอยู่อีกจะได้ไหม ?”

“เสี่ยวหยิ่ง ลูกมีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า ? บอกพ่อได้นะ หรือว่าเฉินตงรังแกอะไรลูก ?”

เสียงของกู้โก๋ฮั๋วที่ดังอยู่ด้านนอก ทำให้หัวใจของกู้ชิงหยิ่งเต้นระส่ำ

เธอรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า : “ไม่ค่ะ ไม่ใช่ ! คนโง่อย่างเฉินตงจะรังแกอะไรหนูได้ ? ถ้าเขากล้ารังแกหนู หนูชกเขาทีเดียวเขาก็ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว”

“อืม……อย่างนั้นก็ดี” กู้โก๋ฮั๋วถอนหยายใจ จากนั้นด้านนอกก็ไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ อีก

กู้ชิงหยิ่งกำลังกัดริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอเอาไว้แน่น จากนั้นจึงพูดพึมพำว่า : “เป็นเพราะคนโง่คนนั้นรังแกหนู……”

ในห้องอาหาร

กู้โก๋ฮั๋ซเดินมานั่งลงข้างๆ หลี่หวั่นชิงด้วยใบหน้าที่หดหู่ : “ดูๆ ไปแล้วเสี่ยวหยิ่งกับเฉินตงคงจะมีเรื่องทะเลาะกันจริงๆ”

ที่เขาเอ่ยถามไปเมื่อครู่ เพราะต้องการหยั่งเชิงดู

ถึงแม้กู้ชิงหยิ่งจะพยายามปิดบังอย่างสุดความสามารถ แต่ด้วยประสบการณ์ของกู้โก๋ฮั๋วแล้ว เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงก็พอจะฟังออกแล้ว

“เฮ้อ……ไม่ง่ายเลยที่เด็กสองคนนี้จะมาอยู่ด้วยกันได้ ปลายเดือนนี้ก็จะขอแต่งงานแล้ว แล้วยังมีเรื่องทะเลาะอะไรกันอีก ?” หลี่หวั่นชิงถอนหายใจ เธอหันมองกับข้าวที่วางอยู่เต็มโต๊ะ และสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาอีก : “จะไม่เข้าไปยุ่งก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าปล่อยให้เสี่ยวหยิ่งกินไม่ได้นอนไม่หลับเช่นนี้ต่อไป คิดว่าร่างกายคงจะรับไม่ไหวแน่นอน”

เธอพูดกับกู้โก๋ฮั๋วว่า : “ฉันจะเอาข้าวไปให้เสี่ยวหยิ่ง แล้วจะลองเอ่ยถามดู ส่วนคุณก็ทานข้าวของคุณไป ห้ามตามไปแอบฟังที่ประตูเด็ดขาด”

“เชอะ……ผมเป็นถึงประธานของบริษัทชิงหยิ่น มีชื่อเสียงโด่งดัง ทำไมจะต้องไปคอยแอบฟังคนอื่นด้วย ?” กู้โก๋ฮั๋วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

หลี่หวั่นชิงเหลือบมองอย่างตำหนิหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงหยิบจานขึ้นมาแล้วเลือกตักอาหารที่กู้ชิงหยิ่งชอบกิน แล้วเดินตรงไปที่ห้องของกู้ชิงหยิ่ง

หลังจากได้ยินเสียงเรียก ในที่สุดกู้ชิงหยิ่งก็เปิดประตูให้ผู้เป็นแม่เข้าไปในห้อง

เมื่อกู้โก๋ฮั๋วเห็นประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง เขาก็รู้สึกน้อยใจ : “พอแม่เรียกยอมเปิดประตู แต่พอพ่อเรียกกลับไม่กิน น่าโมโหจริงๆ”

ขณะที่กำลังทานอยู่นั้น กู้โก๋ฮั๋วก็ไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีก เขาคีบกับข้าวใส่ลงไปในถ้วย จากนั้นก็ค่อยๆ ย่องไปที่ประตูห้องของกู้ชิงหยิ่ง แล้วเอาหูแนบที่ประตูเพื่อแอบฟัง

แต่เขายังไม่ทันที่จะฟังรู้เรื่อง ประตูลานก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น

“คุณกู้ครับ มีจดหมายส่งมาถึงพวกคุณครับ !”

จดหมาย ?

กู้โก๋ฮั๋วขมวดคิ้ว เขาถือถ้วยข้าวและตะเกียบเดินตรงไปที่ลานอย่างรวดเร็ว แล้วรับจดหมายมาจากมือของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

ซองจดหมายหนามาก ด้านบนซองระบุชื่อผู้รับว่า : กู้ชิงหยิ่ง

แต่ตอนนี้ภรรยากับลูกสาวกำลังพูดคุยเปิดใจกันอยู่ภายในห้อง

บวกกับท่าทีที่ผิดปกติของลูกสาวตลอดสองวันที่ผ่านมา ทำให้กู้โก๋ฮั๋วฉีกซองจดหมายออกดูด้วยความอยากรู้

เมื่อเห็นรูปถ่ายแต่ละรูปที่อยู่ในซองจดหมาย กู้โก๋ฮั๋วก็อึ้งไปในทันที

เขาจ้องตาเขม็ง และยิ่งรู้สึกตกตะลึงมากยิ่งขึ้น

ความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

ถึงขั้นที่เส้นเลือดบริเวณหางตาของเขากระตุกอย่างรวดเร็ว !

เพล้ง !

กู้โก๋ฮั๋วโยนถ้วยข้าวและตะเกียบที่ถืออยู่ในมือลงบนพื้นอย่างแรง เขากัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธ : “เฉินตง นายกล้ารังแกลูกสาวของฉัน นายสมควรตาย”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset