บทที่ 10 พบกันโดยบังเอิญ
ตอนเช้าของวันถัดไป เฉินตงก็เอาอาหารเช้าไปดูแลแม่ที่โรงพยาบาล
อาการป่วยของแม่กำลังดีขึ้นๆในทุกๆวัน ใช้เวลาอีกไม่นานมากก็สามารถออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักรักษาที่บ้านได้แล้ว
เพราะว่าความสัมพันธ์ของท่านหลง ที่โรงพยาบาลแม่ก็ได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน นี่ทำให้เฉินตงสบายใจอยู่พอสมควร
ต่อจากนี้ ก็สมควรที่จะเตรียมตัวเรื่องก่อสร้างย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองได้แล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินออกไปหน้าเวที ลงมือทำงานเอง
งานเมื่อก่อนที่ไท่ติ่ง ถึงแม้จะบอกว่าเป็นเขาที่คอยสั่งการ แต่ว่าพูดไป ด้านบนของเขาก็ยังมีเจ้าหลี่คอยที่จะขโมยความสำเร็จ
แต่ในครั้งนี้ เขาไม่ได้จำเป็นแค่ต้องพลิกโปรเจกต์ย่านสลัม ทำให้ไท่ติ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง
ที่สำคัญก็คือ เขาจะต้องแสดงความสามารถของตัวเองให้คนๆนั้นดู!
เวลายี่สิบกว่าปีแห่งการทอดทิ้งและความผิดหวัง ในปัจจุบันนี้อยู่ๆกลับอยากจะกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง
เงินที่ท่านหลงให้มา ที่จริงแล้วก็รู้ถึงความร้อนรนของเขา
แต่ว่าเฉินตงรู้ดี เงินนั้นสำคัญมาก แต่ว่ามีของบางอย่าง ที่เงินไม่แม้แต่จะสามารถชดเชยได้
พ่อคนนั้นที่ตัวเองไม่เคยพบเจอ ว่าไปจนจบแล้วเหมือนจะกำลังทำการแลกเปลี่ยนกับตัวเองอยู่
ถ้าเกิดว่าเขาประสบความสำเร็จ อย่างนั้นเขาถึงจะสามารถพาแม่กลับเข้าไปอยู่ในตระกูลของคนๆนั้นได้ ได้รับทุกๆอย่างมา เอาแสงแห่งเกียรติยศส่องล้อมรอบตัวแม่
ถ้าเกิดว่าพ่ายแพ้แล้ว อย่างนั้นเขากับแม่ ก็ใช้ชีวิตเหมือนปกติแบบเดิม ส่วนพ่อคนนั้นบางทีอาจจะเหมือนกับไม่มีตัวตน
ความแตกต่างกันอย่างเดียว บางทีอาจจะเป็นบัตรธนาคารลายดอกชงโคที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงใบนั้นเท่านั้น
พึ่งพาอาศัยกันอยู่กับแม่มายี่สิบกว่าปี แม่ยอมสละทุกๆอย่างเพื่อเขา ต่อให้เขาไม่ได้คิดเพื่อตัวเอง แต่ก็ต้องเอาสิ่งที่ควรจะเป็นของแม่แย่งกลับมาไว้ในมือ
เฉินตงค่อยๆเดินออกมาจากโรงพยาบาล ฝีเท้าเชื่องช้า ในหัวกำลังคิดเรื่องโปรเจกต์ก่อสร้างที่ย่านสลัม
ในขณะเดียวกัน
บนถนนด้านนอกโรงพยาบาล การจราจรติดขัด
บนรถออดี้ A4 หวางเห้ามองรถบนถนน ที่ไม่ขยับเลยสักนิด โมโหจนตบมือลงไปบนพวงมาลัยรถ
“แม่งเอ๊ย ไอ้พวกไร้ประโยชน์พวกนี้ทำอะไรกันอยู่นะ? ขับรถขยะคันละไม่กี่หมื่น เอาหน้ามาจากไหนมาทำให้รถติดน่ะห้ะ?”
คิ้วเรียวของหลินเสว่เอ๋อนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับขมวดเล็กน้อย “หวางเห้า เธอเป็นขี้โมโหเวลาขับรถเหรอ? คนอื่นเขาขับรถคันละไม่กี่หมื่นแล้วมันจะทำไม?”
“นี่ผมก็ไม่ได้กลัวว่าเสว่เอ๋อจะไปทำงานสายหรอกเหรอ?”
หวางเห้ายิ้มประจบ แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “จริงสิ เสว่เอ๋อ เมื่อคืนตอนฉันชวนเธอมาเล่นเกมด้วยกันเธอบอกว่าเธอจะไปอาบน้ำ ทำไมตอนหลังก็ไม่ได้ล็อกอินล่ะ? นี่เธอไม่รู้หรือไงว่าฉันรอเธออยู่ในเกม…….”
“เธอหัดเป็นผู้ใหญ่บ้างได้ไหม?” ตาสวยของหลินเสว่เอ๋อมองค้อน ตำหนิออกมา “เมื่อคืนฉันเหนื่อย อาบน้ำเสร็จก็เข้านอนเลย”
ที่จริงเมื่อคืนเพราะว่าเฉินตงไม่ยอมตอบข้อความ เธอเลยกระวนกระวายใจ ไม่มีอารมณ์ใส่ใจหวางเห้าสักนิด
แน่นอน เรื่องนี้ เธอก็ไม่มีทางพูดกับหวางเห้า
หวางเห้าคิ้วขมวด ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ “ธนาคารพวกเธอนี่ทำอะไรกัน? เธอเป็นแค่พนักงานเค้าเตอร์ ยังทำให้เธอเหนื่อยขนาดนี้ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเธอเพิ่งจะทำงานตลอดทั้งคืนมาเองไม่ใช่เหรอ?”
หลินเสว่เอ๋อท่าทางเปลี่ยนไป สายตาวาววับก้มหน้าลง ไม่กล้าที่จะสบตากับหวางเห้า กลัวว่าหวางเห้าจะสังเกตเห็นอะไร
แต่ว่าภาพตรงหน้า ในมุมมองของหวางเห้า กลับคิดว่าหลินเสว่เอ๋อเหนื่อยมากจริงๆ
หวางเห้าพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง “ไม่เป็นไรเสว่เอ๋อ อาทิตย์หน้าครอบครัวฉันก็รวบรวมค่าสินสอดครอบแล้ว พวกเราทั้งสองก็มาหมั้นกัน จากนั้นก็แต่งงาน ถ้าเกิดว่าเธอกลัวเหนื่อย เธอก็ไม่ต้องทำงานแล้ว”
“ไม่ทำงาน เธอเลี้ยงฉันเหรอ?” หลินเสว่เอ๋อเขม็งตาใส่หวางเห้า
หวางเห้าน้ำเสียงติดขัด จากนั้นก็รีบยิ้มประจบออกมา “เลี้ยงก็เลี้ยง เธอเป็นถึงเมียฉันเชียวนะ!”
“เอาอะไรมาเลี้ยงฉัน?” หลินเสว่เอ๋อถาม
หวางเห้าโบกมือ “แน่นอนว่าก็ต้องเป็นพี่สาวของฉันสิ คุณวางใจเถอะ พี่สาวของฉันเลิกกับอดีตพี่เขยไร้ประโยชน์นั่นแล้ว แม่ของฉันกำลังจัดการหาคนรวยให้เธอสักคน ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลไม่มีเงินใช้แล้ว”
คิ้วเรียวของหลินเสว่เอ๋อขมวดแน่นขึ้นไปอีก อยู่ๆเธอก็รู้สึกไม่ดีกับหวางเห้า
ตอนที่หวางเห้าพูดคำพูดนี้ออกมา ไม่กระดากเลยสักนิด ทำไมเขาถึงได้ทำเหมือนมันเป็นเรื่องที่สมควรได้อย่างนี้นะ?
ผู้ชายที่เกาะแม่กินยังมีเหตุผล?
ถึงขนาดที่ เธอยังมีความรู้สึกผิดต่อหวางหนันหนัน
หายใจเข้าครั้งหนึ่ง หลินเสว่เอ๋อก็ถามออกมาอย่างประหลาด “พี่สาวเธอทำอะไรผิด?”
“นี่ไม่ใช่เป็นเรื่องที่สมควรหรือยังไง? เธอเป็นพี่สาวของฉัน ฉันแต่งงานกับเธอก็เพื่อที่ว่าจะได้สืบสกุลต่อไปไง เธอก็ควรจะช่วยฉันสิ” หวางเห้าพูดออกมาเหมือนว่ามันควรจะเป็นแบบนั้น
นี่ยิ่งทำให้หลินเสว่เอ๋อโกรธยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะต้องยอมรับ เธอคงจะอดไม่ได้ที่จะต้องตบหวางเห้าสักครั้ง
เพราะการแต่งงานของเธอกับหวางเห้า ไม่ใช่แค่ทำให้หวางหนันหนันหย่าร้าง ยิ่งไปกว่านั้นทำให้อดีตพี่เขยของหวางเห้ากลายเป็นตัวซวยอีก
อยู่ๆเธอก็รู้สึกเห็นใจผู้ชายที่ชื่อเฉินตงคนนั้นขึ้นมา ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
คิดถึงเฉินตง ดวงตาสวยของหลินเสว่เอ๋อก็มีแววข้องใจ
สายตาเหลือบมองไปที่หวางเห้าที่อยู่ข้างๆ หลินเสว่เอ๋อถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น “หวางเห้า อดีตพี่เขยของเธอชื่อเฉินตง เขาไม่มีเงินจริงเหรอ?”
“ชิ…..เขามันก็แค่ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง) มีเงินเสียเมื่อไหร่” หวางเห้ากลอกตามองบน “ทำไมเธอถึงถามเรื่องนี้อีกแล้วล่ะ?”
หลินเสว่เอ๋อส่ายหน้า ตัวเองคิดว่าผู้ชายคนนั้นบ้าไปแล้วจริงๆ
ชื่อเฉินตงอย่างนี้มีคนใช้ถมเถไป ทำไมตัวเองถึงได้ฟังอะไรก็เชื่ออะไรนะ?
เธออธิบาย “ก็คือว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีลูกค้าคนหนึ่งชื่อเฉินตงมาที่ธนาคาร เอาบัตรธนาคารที่แม้แต่ฉันก็ไม่รู้จักมาถอนเงิน ดังนั้นฉันก็เลยจำได้ดี เห็นเธอบอกว่าอดีตพี่เขยเธอชื่อเฉินตง ฉันก็เลยลองถามดู”
“ฮ่าๆๆๆๆ……เสวเอ๋อ เธอคิดอะไรเนี่ย นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง?”
หวางเห้าหัวเราะจนตัวโยน พูดขึ้นอย่างดูถูก “เฉินตงไอ้สวะนั่นก็คือชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)ที่เหมาะสม พูดถึงอนาคตก็ถือว่าพอมีบ้าง เป็นรองผู้จัดการอยู่ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง แต่ว่าเงินจำนวนน้อยนิดที่เขาหาได้ ก็เอาแต่ไปจ่ายให้กับโรงพยาบาลยื้อชีวิตไอ้แม่ใกล้ตายเอาไว้ มันมีเงิน ชื่อหวางเห้าของฉันก็เขียนกลับหัว!”
แม่ป่วย?
ร่างกายของเสว่เอ๋อกระตุก นึกถึงข้อความนั้นที่เฉินตงตอบตัวเองกลับมาเมื่อคืนในทันที
นี่……ก็เป็นเรื่องบังเอิญ?
หวังเห้ายังคงพูดจนดูถูกต่อไป “แต่ว่านะเสว่เอ๋อ เฉินตงคนนั้นที่เธอเจอก็สุดยอดอยู่เหมือนกัน บัตรธนาคารที่ถืออยู่แม้แต่เธอเองยังไม่รู้จัก จะต้องมีเงินมากแน่ๆใช่ไหม? ไอ้สวะที่เป็นอดีตพี่เขยนั่นของฉันก็ชื่อเฉินตง ทำไมชะตาชีวิตมันถึงได้ต่างกันมากนักนะ?”
ทันใดนั้นสายตาที่เหลือของหวางเห้าก็เหลือไปเห็นที่ประตูทางเข้าของโรงพยาบาลลี่จิง เงาร่างที่คุ้นตาของคนฉายในแววตา
เขาหัวเราะออกมาอย่างไม่ใส่ใจ แล้วพูดขึ้นกับหลินเสว่เอ๋อ “จริงสิเสว่เอ๋อ เธอยังไม่เคยเจออดีตพี่เขยของฉันใช่ไหม? บังเอิญพอดี แนะนำให้เธอรู้จักหน่อย เธอจะได้ดูด้วยพอดีว่าเขาเหมือนกับคนมีเงินไหม?”
พูดจบ เขาก็บังคับพวงมาลัยรถด้วยความรวดเร็ว
รถออดี้ก็ออกมาจากแถวรถติด ขับเข้ามาในประตูโรงพยาบาลลี่จิง
หลินเสว่เอ๋อโดนกระชากจนตกใจเสียยกใหญ่ ร้องขึ้นเสียงหลง “หวางเห้า เธอเป็นบ้าเหรอ? บนถนนใหญ่ขับรถแบบนี้ ไม่รักชีวิตแล้วหรือยังไง?”
ครืด!
รถออดี้จอดขวางอยู่ตรงหน้าของเฉินตง
เฉินตงที่กำลังคิดเรื่องโปรเจกต์ก่อสร้างที่ย่านสลัมก็หยุดฝีเท้าลงในทันที หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น โมโหเล็กน้อย
อีกนิดเดียว!
ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เขาหยุดรถเร็ว รถก็คงจะแล่นมา แล้วก็ชนจนเขาตัวลอยแล้ว!
“หวางเห้า?”
แววตาโมโหของเฉินตงมองไปด้านหน้า มองเห็นหวางเห้าเดินลงมาจากรถพอดี จากนั้นก็ถามขึ้นเสียงเย็น “นี่แกอยากจะฆ่าคนหรือไง?”
“ฮ่าๆๆ……เฉินตง หยอกเล่นน่า ทำให้แกตกใจแล้วสินะ? ขอโทษขอโทษ ฮ่า” หวางเห้าหัวเราะและพูดไปอย่างไม่ใส่ใจ
หยอกเล่น?
เฉินตงอารมณ์เย็นลง เอาชีวิตคนมาเล่น คือการหยอกเล่น?
หวางเห้ากลับไม่ได้สนใจความรู้สึกของเฉินตง ยกมือขึ้นชี้ไปที่โรงพยาบาลลี่จิง “นี่แกคือ……มาเยี่ยมแม่ของแกอีกแล้วสินะ?”
“อืม” เฉินตงตอบกลับไปอย่างเย็นชา
“อาการของเธอในตอนนี้คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่สินะ?”
หวางเห้าฉีกยิ้มประหลาดออกมาแล้วยักไหล่ “ที่จริงเฉินตงยังไงแกก็เป็นอดีตพี่เขยของฉัน เรื่องๆนี้ฉันจำเป็นจะต้องโน้มน้าวแกสักหน่อย แม่ของแกใกล้จะตายแล้ว แกเอาเงินไปจ่ายให้โรงพยาบาล เป็นการไปยื้อชีวิตของแม่แกไว้โดยแท้ ทรมานเธอ ไม่สู้ให้แกปล่อยให้เธอไปสบายๆดีกว่า ป้องกันไม่ให้แกเสียเงินจนหมดในตอนท้าย”
กึก!
มือทั้งสองข้างของเฉินตงกำแน่น เสียงหักข้อนิ้วดังขึ้น
ในขณะเดียวกัน หลินเสว่เอ๋อที่นั่งอยู่บนรถออดี้นั้นนิ่งไปตั้งนานแล้ว
ดวงตากลมสวยของเธอเบิกกว้าง ในสายตาใบหน้าเย็นชานั่นดูเหมือนค้อนหนัก ๆ ตอกลงมาแรงๆลงบนดวงตาของเธอ กับใบหน้าที่อยู่ในความทรงจำของเธอนั้น เหมือนกันเป๊ะๆ
มือเนียนราวกับหยกของเธอยกขึ้นมาปิดริมฝีปากแดง อีกนิดก็เกือบจะกรีดร้องออกมา
จริงๆด้วย…..เป็นผู้ชายคนนั้น!