บทที่ 165 เขาเป็นคุณชายตระกูลเฉิน!
เมื่อความมืดจางหายไป
เมื่อกู้โก๋ฮั้วเห็นใบหน้าที่ชัดเจนของท่านหลงนั้น
โครม!
กู้โก๋ฮั้วก็รู้สึกท้องฟ้ามืดครึ้ม ตาค้างไปทันที
ในช่วงเวลาสั้น ๆ หัวสมองของเขาก็ว่างเปล่า และคลื่นยักษ์ก็เกิดขึ้นในใจของเขา
คนนี้คือ……….ท่านหลง?!
หลายปีมานี้ กู้โก๋ฮั้วไม่มีความคิดเพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งที่อยากจะพบเจ้าบ้านตระกูลเฉิน
แต่สุดท้ายเมื่อยืนอยู่หน้าประตูตระกูลเฉิน คนที่มาต้อนรับเขา เป็นท่านหลงที่รู้ทุกอย่าง
กับท่านหลง เขานั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าเลย
คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน!
แต่ว่า………ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?
ในขณะที่ใจลอย ใบหน้าและหูของกู้โก๋ฮั้วก็แดง
หายใจเร็วและถี่ ลำคอขยาย
ทันใดนั้น เขาก็เซไปข้างหลัง เกือบจะล้มลงกับพื้น แต่หลี่หวั่นชิงที่อยู่ข้างๆได้ยื่นมือมาพยุงเขาเอาไว้
เจิ้งโก๋โส่วที่อยู่ไม่ไกลเห็นภาพนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวหันหน้าสบตากันแวบหนึ่ง ก็ยิ้มแปลกๆ
ในฐานะที่เป็นเพื่อนรักของกู้โก๋ฮั้ว พวกเขานั้นรู้ดีว่ากู้โก๋ฮั้วต้องการที่จะไปพบเจ้าบ้านตระกูลเฉินหลายต่อหลายครั้งแล้ว
เพียงแต่วาสนานี้…………
“ไอ้เมิ่ง เมื่อกี้นายพูดถูกแล้วจริงๆ” เจิ้งโก๋โส่วนั้นรู้ความคิดของกู้โก๋ฮั้ว แต่เขานั้นไม่ได้รู้จักท่านหลง
ท่านเมิ่งยิ้มแล้วลูบคางไปมา “ความปรารถนาหลายปีของไอ้กู้ กลับถูกลูกสาวทำให้สมปรารถนาแล้ว นายว่าพวกเราควรจะหัวเราะมั้ย?”
“ความปรารถนา?” เจิ้งโก๋โส่วมองกู้โก๋ฮั้วสองสามีภรรยาที่อยู่บนเวที
ภายใต้แสงไฟที่สาดส่อง
เฉินตงกอดเอวของกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ กู้ชิงหยิ่งนั้นจับมือหลี่หลานเอาไว้
ท่านหลงนิ่งเงียบอยู่ด้านข้าง มองกู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงที่เดินเข้ามาอย่างรู้ทุกอย่าง
ขาของกู้โก๋ฮั้วสั่นเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะการพยุงของภรรยา เขาถึงขั้นก้าวเท้าแทบไม่ออก
ท่านหลงเป็นเพราะคนรับใช้ของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน
แต่เขานั้นเข้าใจดี ฐานะของคนรับใช้คนนี้
อยู่ในตระกูลเฉิน คนรับใช้คนนี้เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถทำหน้าที่แทนคำสั่งของเจ้าบ้านได้!
มันก็เพียงพอที่จะยืนยันสถานะของท่านหลงได้เป็นอย่างดี!
น่าสงสัย ตกใจ และไม่อย่าจะเชื่อ อารมณ์ทุกอย่างเกาะเต็มหัวใจของเขา หน้าผากของกู้โก๋ฮั้วเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ โดยที่ไม่รู้ตัว
“คุณพ่อคุณแม่ ท่านนี้เป็นคุณแม่ของเฉินตงค่ะ”
กู้ชิงหยิ่งยิ้มเดินเข้ามา จับแขนของกู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิง และแนะนำตัวก่อน
“คุณพ่อคุณแม่ของเสี่ยวหยิ่งสวัสดีค่ะ ฉันเป็นแม่ของตงเอ๋อ” หลี่หลานยิ้มอย่างเป็นมิตร พูดด้วยท่าทางที่สง่างาม
“สวัสดีค่ะ ต่อไปนี้เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” หลี่หวั่นชิงที่ยังสามารถควบคุมตัวเอง ตอบกลับหลี่หลาน
นั่นเป็นเพราะว่า แม้ว่าทุกครั้งเธอจะกลับมาพร้อมกับกู้โก๋ฮั้ว แต่ทุกครั้งที่กู้โก๋ฮั้วไปพบเจ้าบ้านตระกูลเฉินนั้น นั้นไปตัวคนเดียว ดังนั้นเธอจึงไม่รู้จักท่านหลง
“คุณอาทั้งสอง เรื่องเมื่อกี้ ขอให้ท่านทั้งสองโปรดอภัย”
เฉินตงกล่าวขอโทษ สองสามวันนี้เพราะเรื่องรูปถ่าย ทำให้พ่อตากับแม่ยายต้องระงับความโกรธเอาไว้ไม่น้อย คนเป็นพ่อเป็นแม่มีใครที่ไม่สงสารลูกตัวเองบ้างละ
“ไม่เป็นไร ในเมื่อเรื่องเข้าใจผิดได้รับความกระจ่างแล้ว นั่นคือการได้เห็นท้องฟ้าสีครามหลังผ่านเมฆและหมอก”
หลี่หวั่นชิงยิ้มแล้วพูด “ตงเอ๋อ ในเมื่อลูกได้ขอเสี่ยวหยิ่งแต่งงานแล้ว อาจำเป็นที่จะต้องเตือนนายไว้ล่วงหน้า อนาคตข้างหน้า สามีภรรยาต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ห่วงใยใส่ใจกัน หวังว่าลูกจะจำคำพูดเมื่อกี้เอาไว้ ไม่ทอดทิ้งกัน อยู่ด้วยกันตราบจนชั่วชีวิต”
คำพูดนั้นจริงจัง น้ำเสียงนั้นหนักแน่นไม่ติดขัด
แม้จะเป็นการเตือน ความหมายแฝงเหมือนกับการข่มขู่
เฉินตงอดที่จะยิ้มไม่ได้ พยักหน้า
หลี่ว่านชิงตำหนิกู้โก๋ฮั้วที่ใบหน้าแดง ลำคอขยายที่ยืนขาสั่นอยู่ข้างๆ : “คนเป็นพ่ออย่างคุณ ลูกสาวถูกขอแต่งงานพิธีที่สำคัญแบบนี้ คุณไม่ได้คิดจะคุยกับคุณแม่ของตงเอ๋อและตงเอ๋อกับเสี่ยวหยิ่งหน่อยเหรอ?”
กู้โก๋ฮั้วร่างกายสั่นเล็กน้อย พยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ ต้องพูดอะไรหน่อย”
ขณะที่พูด ปั้นเอวของเขาก็โค้งงอขึ้นมา
รูปร่างของกู้โก๋ฮั้วเดิมนั้นก็สูงใหญ่อยู่แล้ว เวลานี้ปั้นเอวยังมาโค้งงออีก มันค่อนข้างแข็งกระด้างและดูทื่อๆ
จากนั้น ภายใต้สายตาประหลาดใจของทุกคน
กู้โก๋ฮั้วก้าวเดินไปข้างหน้าสองก้าว กลับไปยืนอยู่ตรงหน้าท่านหลงที่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
เขายื่นมือทั้งสองข้างออกมา ทำท่ายิ้มๆ
“ท่านหลง คิดไม่ถึง ว่าจะได้มาเจอคุณที่นี่”
คำพูดและการกระทำ ถือว่าสุภาพมาก
ภาพนี้ ทำให้พวกเฉินตงพูดไม่ออก ต่างตกตะลึงกัน
ไม่ไกลจากขอบเวทีเจิ้งโก๋โส่วก็ยิ่งประหลาดใจอย่างมาก กล่าวต่อว่า “ไอ้กู้เป็นบ้าอะไร? เจอหน้าแม่ฝ่ายชาย ทำไมไปทักทายคนแก่ที่อยู่ข้างๆละ?”
“คนแก่คนนี้ ไม่ใช่คนไม่ธรรมดา!” ท่านเมิ่งยิ้มอย่างเรียบเฉย
และบนเวที หลี่หวั่นชิงเป็นคนที่ได้สติก่อน เธอกระแอมไปหนึ่งที กล่าวเตือน “ไอ้กู้ อย่าเสียมารยาท”
เดิมสองสามีภรรยาขึ้นมาบนเวทีก็เพื่อมาเจอพ่อแม่ฝ่ายชาย
กู้โก๋ฮั้วไม่ทักทายกับพ่อแม่ฝ่ายชายก่อน แต่กลับไปทักทายคนแก่ที่อยู่ตรงหน้าก่อน แบบนี้มันช่างเสียมารยาทนัก!
อย่างไรก็ตาม
กู้โก๋ฮั้วกลับมีท่าทีที่จริงจัง “คุณมันแม่บ้าน จะไปรู้อะไร?”
หลี่หวั่นชิงหน้าซีด ไม่รู้จะพูดอะไร
ท่านหลงมองเฉินตงกับหลี่หลานอย่างอายๆ จึงยิ้มแล้วจับมือกับกู้โก๋ฮั้ว “คุณกู้ ไม่เจอกันตั้งนาน”
กู้โก๋ฮั้วรู้สึกตื่นเต้นและดีใจทันที แล้วพูดอย่างเร่งรีบ “ที่ไหนกันที่ไหนกัน ที่จริงครั้งนี้…….. “
ยังไม่ทันรอให้กู้โก๋ฮั้วพูดจบ
ท่านหลงกลับหันหน้าโค้งคำนับให้กับเฉินตง “คุณชาย พิธีขอแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว ได้เวลาที่จะไปจากที่นี่แล้ว”
โครม!
เมื่อคำพูดนี้พูดออกมา เหมือนพื้นดินถูกฟ้าผ่า
ดวงตาของกู้โก๋ฮั้วก็เบิกกว้างทันที ประหลาดใจอย่างมาก
ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาและนิสัยของเขา มันก็ยากที่จะไม่ประหลาดใจ
เขามองเฉินตงด้วยสีหน้าที่ดุดัน
คุณชาย?!
ท่านหลง……..เรียกเฉินตงว่าคุณชาย?
โอ้พระเจ้า!
กู้โก๋ฮั้วหัวใจเต้นระรัว เหมือนกับจะหลุดออกมาจากข้างใน มีความตาเหลือกเหมือนจะเป็นลม
เพื่ออาณาจักรธุรกิจของเขาเอง ไปเยือนตระกูลเฉินหลายครั้ง มีเพียงแต่ท่านหลงที่ออกมาต้อนรับ
ถึงกระนั้น ทุกครั้งท่านหลงก็ปฏิบัติกับเขาอย่างสูงส่ง แสดงออกอย่างชัดเจน ปฏิเสธเขาไปทุกครั้ง
และตอนนี้ ภาพที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าฝันไป
คนที่เขาเคยแหงนหน้ามอง เรียกลูกเขยของเขาว่า………คุณชาย?!
ไม่นานนัก เขาตอบสนองทันที เฉินตงก็แซ่เฉิน ท่านหลงเป็นคนรับใช้ของตระกูลเฉินเรียกเฉินตงว่าคุณชาย
อย่างนั้น………เฉินตง…………..
ความคิดที่น่ากลัวอย่างยิ่งก็ปรากฏขึ้นหัวของกู้โก๋ฮั้ว ซึ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง
“อืม เรากลับบ้านกันเถอะ”
เฉินตงยิ้มมองกู้ชิ่งหยิ่งแวบหนึ่ง
กู้ชิงหยิ่งก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ทันใดนั้นเขย่งเท้าขึ้น ลมหายใจอุ่นของเธอถูกพ่นใส่ที่หูของเฉินตง ในขณะที่กระซิบ “พ่อแม่ของฉันยังอยู่ที่นี่เลย อนาคตฉันต้องกลับบ้านกับคุณอย่างแน่นอน”
ยัยเด็กน้อย……..
เฉินตงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ถูจมูกเบาๆ
เขาพยักหน้าให้กับหลี่หวั่นชิงกับกู้โก๋ฮั้วที่อึ้งอยู่ “คุณอาทั้งสอง พิธีเสร็จสิ้นแล้ว พวกเรากลับก่อนนะครับ วันนี้มีผลกระทบค่อนข้างใหญ่มาก ใต้ภูเขายังรายล้อมไปด้วยสื่อสำนักใหญ่ๆ โปรดยกโทษในความไม่สะดวก พรุ่งนี้ขอเชิญคุณอาทั้งสองไปที่บ้าน เพื่อไปกินเลี้ยงที่บ้าน”
“ได้ๆ พรุ่งนี้พวกเราจะไปให้ตรงเวลาเลยจ้า” หลี่หวั่นชิงยิ้มแล้วพยักหน้า
วันนี้ทำเรื่องเอิกเกริกขนาดนี้
ใต้เขาเทียนซานได้ถูกล้อมรอบไปด้วยกล้องเล็กและกล้องใหญ่ของสำนักข่าวต่างๆ หากยังมีงานกินเลี้ยงในคืนนี้ต่อ จะต้องถูกกล้องใหญ่และกล้องเล็กวิ่งไล่ตามอย่างแน่นอน คงจะวุ่นวายน่าดู
เฉินตงให้สั่งการให้เสี่ยวหม่าจัดการที่เหลือให้เรียบร้อย
จากนั้นเขาก็นั่งรถโรลส์-รอยซ์กับแม่และท่านหลง มีคุนหลุนเป็นคนขับรถ มุ่งหน้าลงเขา
บนเวที
กู้โก๋ฮั้วที่นิ่งงันเป็นไก่ไม้ ใบหน้าแดง นิ่งไม่ขยับเลย
มองดูรถโรลส์-รอยซ์จากไป
สีหน้าของหลี่หวั่นชิงจึงได้หดลงมา “ไอ้กู้ คนเป็นพ่ออย่างคุณ เมื่อกี้ทำไมจึงเสียมารยาทนัก?”
กู้โก๋ฮั้วเหมือนไม่ได้ยิน ทันใดนั้นก็พูดพึมพำ “เขยมังกร………..เป็นเขยมังกรของตระกูลกู้จริงๆ…………”
“พ่อคะ พ่อพูดเพ้อเจ้ออะไรคะ?” กู้ชิงหยิ่งมองกู้โก๋ฮั้วทั้งอายทั้งตกใจ เธอรู้ว่าเขยมังกรที่พ่อตัวเองพูดถึงนั้นคือเฉินตง แต่พูดแบบนี้ มันก็เกินไปหน่อยนะ?
อย่างไรก็ตาม
กู้โก๋ฮั้วจู่ๆก็หันหน้าไปทางหลี่หวั่นชิง จ้องมองเธอด้วยตาทั้งคู่ “เมียจ๋า ตบผม!”