Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 165 เขาเป็นคุณชายตระกูลเฉิน!

บทที่ 165 เขาเป็นคุณชายตระกูลเฉิน!

เมื่อความมืดจางหายไป

เมื่อกู้โก๋ฮั้วเห็นใบหน้าที่ชัดเจนของท่านหลงนั้น

โครม!

กู้โก๋ฮั้วก็รู้สึกท้องฟ้ามืดครึ้ม ตาค้างไปทันที

ในช่วงเวลาสั้น ๆ หัวสมองของเขาก็ว่างเปล่า และคลื่นยักษ์ก็เกิดขึ้นในใจของเขา

คนนี้คือ……….ท่านหลง?!

หลายปีมานี้ กู้โก๋ฮั้วไม่มีความคิดเพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งที่อยากจะพบเจ้าบ้านตระกูลเฉิน

แต่สุดท้ายเมื่อยืนอยู่หน้าประตูตระกูลเฉิน คนที่มาต้อนรับเขา เป็นท่านหลงที่รู้ทุกอย่าง

กับท่านหลง เขานั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าเลย

คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน!

แต่ว่า………ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?

ในขณะที่ใจลอย ใบหน้าและหูของกู้โก๋ฮั้วก็แดง

หายใจเร็วและถี่ ลำคอขยาย

ทันใดนั้น เขาก็เซไปข้างหลัง เกือบจะล้มลงกับพื้น แต่หลี่หวั่นชิงที่อยู่ข้างๆได้ยื่นมือมาพยุงเขาเอาไว้

เจิ้งโก๋โส่วที่อยู่ไม่ไกลเห็นภาพนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวหันหน้าสบตากันแวบหนึ่ง ก็ยิ้มแปลกๆ

ในฐานะที่เป็นเพื่อนรักของกู้โก๋ฮั้ว พวกเขานั้นรู้ดีว่ากู้โก๋ฮั้วต้องการที่จะไปพบเจ้าบ้านตระกูลเฉินหลายต่อหลายครั้งแล้ว

เพียงแต่วาสนานี้…………

“ไอ้เมิ่ง เมื่อกี้นายพูดถูกแล้วจริงๆ” เจิ้งโก๋โส่วนั้นรู้ความคิดของกู้โก๋ฮั้ว แต่เขานั้นไม่ได้รู้จักท่านหลง

ท่านเมิ่งยิ้มแล้วลูบคางไปมา “ความปรารถนาหลายปีของไอ้กู้ กลับถูกลูกสาวทำให้สมปรารถนาแล้ว นายว่าพวกเราควรจะหัวเราะมั้ย?”

“ความปรารถนา?” เจิ้งโก๋โส่วมองกู้โก๋ฮั้วสองสามีภรรยาที่อยู่บนเวที

ภายใต้แสงไฟที่สาดส่อง

เฉินตงกอดเอวของกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ กู้ชิงหยิ่งนั้นจับมือหลี่หลานเอาไว้

ท่านหลงนิ่งเงียบอยู่ด้านข้าง มองกู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงที่เดินเข้ามาอย่างรู้ทุกอย่าง

ขาของกู้โก๋ฮั้วสั่นเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะการพยุงของภรรยา เขาถึงขั้นก้าวเท้าแทบไม่ออก

ท่านหลงเป็นเพราะคนรับใช้ของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน

แต่เขานั้นเข้าใจดี ฐานะของคนรับใช้คนนี้

อยู่ในตระกูลเฉิน คนรับใช้คนนี้เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถทำหน้าที่แทนคำสั่งของเจ้าบ้านได้!

มันก็เพียงพอที่จะยืนยันสถานะของท่านหลงได้เป็นอย่างดี!

น่าสงสัย ตกใจ และไม่อย่าจะเชื่อ อารมณ์ทุกอย่างเกาะเต็มหัวใจของเขา หน้าผากของกู้โก๋ฮั้วเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ โดยที่ไม่รู้ตัว

“คุณพ่อคุณแม่ ท่านนี้เป็นคุณแม่ของเฉินตงค่ะ”

กู้ชิงหยิ่งยิ้มเดินเข้ามา จับแขนของกู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิง และแนะนำตัวก่อน

“คุณพ่อคุณแม่ของเสี่ยวหยิ่งสวัสดีค่ะ ฉันเป็นแม่ของตงเอ๋อ” หลี่หลานยิ้มอย่างเป็นมิตร พูดด้วยท่าทางที่สง่างาม

“สวัสดีค่ะ ต่อไปนี้เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” หลี่หวั่นชิงที่ยังสามารถควบคุมตัวเอง ตอบกลับหลี่หลาน

นั่นเป็นเพราะว่า แม้ว่าทุกครั้งเธอจะกลับมาพร้อมกับกู้โก๋ฮั้ว แต่ทุกครั้งที่กู้โก๋ฮั้วไปพบเจ้าบ้านตระกูลเฉินนั้น นั้นไปตัวคนเดียว ดังนั้นเธอจึงไม่รู้จักท่านหลง

“คุณอาทั้งสอง เรื่องเมื่อกี้ ขอให้ท่านทั้งสองโปรดอภัย”

เฉินตงกล่าวขอโทษ สองสามวันนี้เพราะเรื่องรูปถ่าย ทำให้พ่อตากับแม่ยายต้องระงับความโกรธเอาไว้ไม่น้อย คนเป็นพ่อเป็นแม่มีใครที่ไม่สงสารลูกตัวเองบ้างละ

“ไม่เป็นไร ในเมื่อเรื่องเข้าใจผิดได้รับความกระจ่างแล้ว นั่นคือการได้เห็นท้องฟ้าสีครามหลังผ่านเมฆและหมอก”

หลี่หวั่นชิงยิ้มแล้วพูด “ตงเอ๋อ ในเมื่อลูกได้ขอเสี่ยวหยิ่งแต่งงานแล้ว อาจำเป็นที่จะต้องเตือนนายไว้ล่วงหน้า อนาคตข้างหน้า สามีภรรยาต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ห่วงใยใส่ใจกัน หวังว่าลูกจะจำคำพูดเมื่อกี้เอาไว้ ไม่ทอดทิ้งกัน อยู่ด้วยกันตราบจนชั่วชีวิต”

คำพูดนั้นจริงจัง น้ำเสียงนั้นหนักแน่นไม่ติดขัด

แม้จะเป็นการเตือน ความหมายแฝงเหมือนกับการข่มขู่

เฉินตงอดที่จะยิ้มไม่ได้ พยักหน้า

หลี่ว่านชิงตำหนิกู้โก๋ฮั้วที่ใบหน้าแดง ลำคอขยายที่ยืนขาสั่นอยู่ข้างๆ : “คนเป็นพ่ออย่างคุณ ลูกสาวถูกขอแต่งงานพิธีที่สำคัญแบบนี้ คุณไม่ได้คิดจะคุยกับคุณแม่ของตงเอ๋อและตงเอ๋อกับเสี่ยวหยิ่งหน่อยเหรอ?”

กู้โก๋ฮั้วร่างกายสั่นเล็กน้อย พยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ ต้องพูดอะไรหน่อย”

ขณะที่พูด ปั้นเอวของเขาก็โค้งงอขึ้นมา

รูปร่างของกู้โก๋ฮั้วเดิมนั้นก็สูงใหญ่อยู่แล้ว เวลานี้ปั้นเอวยังมาโค้งงออีก มันค่อนข้างแข็งกระด้างและดูทื่อๆ

จากนั้น ภายใต้สายตาประหลาดใจของทุกคน

กู้โก๋ฮั้วก้าวเดินไปข้างหน้าสองก้าว กลับไปยืนอยู่ตรงหน้าท่านหลงที่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

เขายื่นมือทั้งสองข้างออกมา ทำท่ายิ้มๆ

“ท่านหลง คิดไม่ถึง ว่าจะได้มาเจอคุณที่นี่”

คำพูดและการกระทำ ถือว่าสุภาพมาก

ภาพนี้ ทำให้พวกเฉินตงพูดไม่ออก ต่างตกตะลึงกัน

ไม่ไกลจากขอบเวทีเจิ้งโก๋โส่วก็ยิ่งประหลาดใจอย่างมาก กล่าวต่อว่า “ไอ้กู้เป็นบ้าอะไร? เจอหน้าแม่ฝ่ายชาย ทำไมไปทักทายคนแก่ที่อยู่ข้างๆละ?”

“คนแก่คนนี้ ไม่ใช่คนไม่ธรรมดา!” ท่านเมิ่งยิ้มอย่างเรียบเฉย

และบนเวที หลี่หวั่นชิงเป็นคนที่ได้สติก่อน เธอกระแอมไปหนึ่งที กล่าวเตือน “ไอ้กู้ อย่าเสียมารยาท”

เดิมสองสามีภรรยาขึ้นมาบนเวทีก็เพื่อมาเจอพ่อแม่ฝ่ายชาย

กู้โก๋ฮั้วไม่ทักทายกับพ่อแม่ฝ่ายชายก่อน แต่กลับไปทักทายคนแก่ที่อยู่ตรงหน้าก่อน แบบนี้มันช่างเสียมารยาทนัก!

อย่างไรก็ตาม

กู้โก๋ฮั้วกลับมีท่าทีที่จริงจัง “คุณมันแม่บ้าน จะไปรู้อะไร?”

หลี่หวั่นชิงหน้าซีด ไม่รู้จะพูดอะไร

ท่านหลงมองเฉินตงกับหลี่หลานอย่างอายๆ จึงยิ้มแล้วจับมือกับกู้โก๋ฮั้ว “คุณกู้ ไม่เจอกันตั้งนาน”

กู้โก๋ฮั้วรู้สึกตื่นเต้นและดีใจทันที แล้วพูดอย่างเร่งรีบ “ที่ไหนกันที่ไหนกัน ที่จริงครั้งนี้…….. “

ยังไม่ทันรอให้กู้โก๋ฮั้วพูดจบ

ท่านหลงกลับหันหน้าโค้งคำนับให้กับเฉินตง “คุณชาย พิธีขอแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว ได้เวลาที่จะไปจากที่นี่แล้ว”

โครม!

เมื่อคำพูดนี้พูดออกมา เหมือนพื้นดินถูกฟ้าผ่า

ดวงตาของกู้โก๋ฮั้วก็เบิกกว้างทันที ประหลาดใจอย่างมาก

ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาและนิสัยของเขา มันก็ยากที่จะไม่ประหลาดใจ

เขามองเฉินตงด้วยสีหน้าที่ดุดัน

คุณชาย?!

ท่านหลง……..เรียกเฉินตงว่าคุณชาย?

โอ้พระเจ้า!

กู้โก๋ฮั้วหัวใจเต้นระรัว เหมือนกับจะหลุดออกมาจากข้างใน มีความตาเหลือกเหมือนจะเป็นลม

เพื่ออาณาจักรธุรกิจของเขาเอง ไปเยือนตระกูลเฉินหลายครั้ง มีเพียงแต่ท่านหลงที่ออกมาต้อนรับ

ถึงกระนั้น ทุกครั้งท่านหลงก็ปฏิบัติกับเขาอย่างสูงส่ง แสดงออกอย่างชัดเจน ปฏิเสธเขาไปทุกครั้ง

และตอนนี้ ภาพที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าฝันไป

คนที่เขาเคยแหงนหน้ามอง เรียกลูกเขยของเขาว่า………คุณชาย?!

ไม่นานนัก เขาตอบสนองทันที เฉินตงก็แซ่เฉิน ท่านหลงเป็นคนรับใช้ของตระกูลเฉินเรียกเฉินตงว่าคุณชาย

อย่างนั้น………เฉินตง…………..

ความคิดที่น่ากลัวอย่างยิ่งก็ปรากฏขึ้นหัวของกู้โก๋ฮั้ว ซึ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง

“อืม เรากลับบ้านกันเถอะ”

เฉินตงยิ้มมองกู้ชิ่งหยิ่งแวบหนึ่ง

กู้ชิงหยิ่งก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ทันใดนั้นเขย่งเท้าขึ้น ลมหายใจอุ่นของเธอถูกพ่นใส่ที่หูของเฉินตง ในขณะที่กระซิบ “พ่อแม่ของฉันยังอยู่ที่นี่เลย อนาคตฉันต้องกลับบ้านกับคุณอย่างแน่นอน”

ยัยเด็กน้อย……..

เฉินตงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ถูจมูกเบาๆ

เขาพยักหน้าให้กับหลี่หวั่นชิงกับกู้โก๋ฮั้วที่อึ้งอยู่ “คุณอาทั้งสอง พิธีเสร็จสิ้นแล้ว พวกเรากลับก่อนนะครับ วันนี้มีผลกระทบค่อนข้างใหญ่มาก ใต้ภูเขายังรายล้อมไปด้วยสื่อสำนักใหญ่ๆ โปรดยกโทษในความไม่สะดวก พรุ่งนี้ขอเชิญคุณอาทั้งสองไปที่บ้าน เพื่อไปกินเลี้ยงที่บ้าน”

“ได้ๆ พรุ่งนี้พวกเราจะไปให้ตรงเวลาเลยจ้า” หลี่หวั่นชิงยิ้มแล้วพยักหน้า

วันนี้ทำเรื่องเอิกเกริกขนาดนี้

ใต้เขาเทียนซานได้ถูกล้อมรอบไปด้วยกล้องเล็กและกล้องใหญ่ของสำนักข่าวต่างๆ หากยังมีงานกินเลี้ยงในคืนนี้ต่อ จะต้องถูกกล้องใหญ่และกล้องเล็กวิ่งไล่ตามอย่างแน่นอน คงจะวุ่นวายน่าดู

เฉินตงให้สั่งการให้เสี่ยวหม่าจัดการที่เหลือให้เรียบร้อย

จากนั้นเขาก็นั่งรถโรลส์-รอยซ์กับแม่และท่านหลง มีคุนหลุนเป็นคนขับรถ มุ่งหน้าลงเขา

บนเวที

กู้โก๋ฮั้วที่นิ่งงันเป็นไก่ไม้ ใบหน้าแดง นิ่งไม่ขยับเลย

มองดูรถโรลส์-รอยซ์จากไป

สีหน้าของหลี่หวั่นชิงจึงได้หดลงมา “ไอ้กู้ คนเป็นพ่ออย่างคุณ เมื่อกี้ทำไมจึงเสียมารยาทนัก?”

กู้โก๋ฮั้วเหมือนไม่ได้ยิน ทันใดนั้นก็พูดพึมพำ “เขยมังกร………..เป็นเขยมังกรของตระกูลกู้จริงๆ…………”

“พ่อคะ พ่อพูดเพ้อเจ้ออะไรคะ?” กู้ชิงหยิ่งมองกู้โก๋ฮั้วทั้งอายทั้งตกใจ เธอรู้ว่าเขยมังกรที่พ่อตัวเองพูดถึงนั้นคือเฉินตง แต่พูดแบบนี้ มันก็เกินไปหน่อยนะ?

อย่างไรก็ตาม

กู้โก๋ฮั้วจู่ๆก็หันหน้าไปทางหลี่หวั่นชิง จ้องมองเธอด้วยตาทั้งคู่ “เมียจ๋า ตบผม!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset