Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 173 เรื่องในตอนนั้น

บทที่ 173 เรื่องในตอนนั้น

ย้อนคิดไปถึงตอนนั้น เสียงของหลี่หลานเหมือนติดขัดอยู่ในลำคอ

อดไม่ได้ที่หยุดไปครู่หนึ่ง

สีหน้าอารมณ์เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

เฉินตงขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้เร่ง

ครู่ใหญ่ หลี่หลานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์แล้ว ก็กล่าวต่อ “ตอนนั้นแม่กับพ่อของหนูเจอกันในงานเลี้ยงระดับสูงในงานหนึ่ง มันเป็นรักแรกพบ”

“และในตอนนั้น พ่อของลูกนั้นมีคุณสมบัติเป็นผู้สืบทอดแล้ว กำลังออกไปฝึกฝน เพื่อแข่งขันเป็นเจ้าบ้าน”

ภายใต้แสงไฟ สายตาที่ลึกๆของเธอ ค่อยๆเปิดประตูของความทรงจำออกอย่างต่อเนื่อง

แต่สีหน้า กลับค่อยๆดุดัน เกลียดชัง

“แม่กับพ่อของลูกมาถึงเมืองแห่งนี้ ก็ตั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว สร้างธุรกิจที่เป็นของเรา พ่อนายเป็นคนที่มีความสามารถและกล้าหาญมาก เขาโดดเด่นกว่าผู้สืบทอดคนอื่นๆในตระกูลเฉิน”

“ในตอนนั้น แม่ท้องลูกอยู่ พ่อของลูกไม่อยากห่างจากเราสองแม่ลูก ก็เลยคิดอยากจะปฏิเสธตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉิน แต่กลับต้องประสบกับความไม่พอใจและการบีบบังคับของเจ้าบ้าน”

“แบบนี้ก็ต้องบีบบังคับด้วยเหรอ?”

เฉินตงไม่ค่อยเข้าใจ “พ่อยินดีที่จะสละตำแหน่งเจ้าบ้าน มันเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งสำหรับผู้มีสิทธิ์สืบทอดที่พ่ายแพ้ไม่ใช่เหรอ?”

“กฎของตระกูลตั้งแต่ไหนแต่ไรก็คือผู้ที่ชนะทุกคน ก็จะได้เป็นเจ้าบ้าน!”

หลี่หลานยิ้มอย่างขมขื่น “แต่หลังจากการสิ้นสุดการแข่งขัน คนสุดท้ายที่ชนะกลายเป็นเจ้าบ้านแล้ว ก็จะไม่มีโอกาสในการเลือกอีกเจ้าบ้านนั้นต้องเป็นพ่อของลูกเท่านั้น กฎของตระกูลนั้นฝ่าฝืนไม่ได้”

เฉินตงขมวดคิ้วลึกๆ บางทีนี่อาจจะเป็นความลับที่ทำให้ตระกูลเฉินรุ่งโรจน์มาโดยตลอดละมั้ง?

สิ่งที่เรียกว่าผู้แข่งขันการชนะ มันเหมือนกับการเลี้ยงกู่ เมื่อเลี้ยงจนเป็นราชากู่แล้ว ก็จะเป็นเวลาที่เจ้าบ้านคนใหม่ขึ้นรับตำแหน่ง

คนที่สามารถอยู่ในกลุ่มคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ชนะ ไม่ว่าความสามารถด้านไหน ก็สุดยอดทั้งนั้น!

หลี่หลานกล่าวอย่างต่อเนื่อง “ตอนนั้นเจ้าบ้านตระกูลเฉินกับคุณหญิงใหญ่คนนั้น ร่วมมือกันบีบบังคับให้พ่อของลูกกลับไปรับตำแหน่งเจ้าบ้าน สิ่งที่ใช้ในการข่มขู่ก็คือชีวิตของเราสองแม่ลูก”

ม่านตาของเฉินตงหดลง ในอกความหดหู่กำลังเพิ่มสูงขึ้น

สองมือ อดไม่ได้ที่จะแอบกำหมัดเอาไว้

ใช้ชีวิตคนในการข่มขู่ ตระกูลเฉินช่างเผด็จการนัก!

“เหมือนกับที่ลูกเห็น ตระกูลเฉินนั้นไม่เห็นค่าของชีวิตคนเลย ตอนนั้นพ่อของลูกเพื่อจะปกป้องเราสองแม่ลูก จึงทำได้เพียงต้องแบกคำว่าทิ้งลูกทิ้งเมีย เพื่อกลับไปตระกูลเฉิน รับตำแหน่งเจ้าบ้าน”

ดวงตาของหลี่หลานแดงเล็กน้อย “น้ำตาคลอเบ้า อันที่จริง แม้ว่าพ่อของลูกจะจากไป แต่ธุรกิจที่แม่กับเขาสร้างกันขึ้นมานั้น มันก็เพียงพอที่จะทำให้เราสองแม่ลูกอยู่ได้ทั้งชาติ แต่แล้ว……….”

มาแล้ว!

เฉินตงตื่นเต้น ตั้งใจฟังอย่างมาก

“แต่แล้ว……….แม่เกลียดมันมาก! เกลียดที่ทำไมต้องเกิดในบ้านตระกูลหลี่? ตระกูลหลี่นั้นเป็นเหมือนสัตว์เดรัจฉานที่กินคน!”

หลี่หลานทุบหน้าอกของเธอ ในที่สุดน้ำตาในดวงตาของเธอก็ไหลอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เสียงของเธอสั่น “หลังจากที่พ่อของลูกจากไป ตระกูลหลี่ก็มาหาเราสองคนถึงบ้าน พวกเขาต้องการธุรกิจที่พ่อของลูกสร้างขึ้น และพวกเขาอาศัยที่แม่เป็นของตระกูลหลี่ยิ่งแย่งชิงมันไป!”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ใบหน้าของหลี่หลานดูหน้าดุร้ายและบิดเบี้ยว

เกลียดชัง โกรธอารมณ์หลายต่อหลายอย่าง ได้เขียนไว้บนใบหน้าทั้งหมด

สีหน้าของเฉินตงมืดมนจนขีดสุด ความหดหู่ในใจกลายเป็นเปลวไฟแห่งความโกรธ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“ตอนนั้นแม่อยากจะปฏิเสธตระกูลหลี่ เพื่อแสวงหาอนาคตที่มั่นคงสำหรับเราสองแม่ลูก แต่ในเวลานั้นตระกูลหลี่ทั้งโลภและหยิ่งผยอง ก็คือตาของลูก ที่ข่มขู่และรังแกเด็กกำพร้าและหญิงม่ายอย่างเราสองคน ใช้อำนาจของตระกูลหลี่ในการบีบบังคับ ทำให้แม่ต้องยอมมอบธุรกิจออกไป” “

“เพราะการต่อต้านที่รุนแรงของแม่ คุณตาของลูกก็ได้คัดชื่อของแม่ออกจากบัญชีรายชื่อของตระกูลหลี่ จึงได้มีภาพความทรงจำของลูก ที่เราสองแม่ลูกต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก”

แกระ!

ข้อนิ้วมือสองข้างของเฉินตงดังขึ้น

มีแสงแห่งความเย็นชาในดวงตาของเขา มองไปยังแม่ที่น้ำตากำลังนองเต็มใบหน้า เกือบจะร้องไห้ “แต่แม่คือคนตระกูลหลี่ และแม่ก็เป็นลูกสาวของเขานะ เขาทำไมถึงโหดเหี้ยมขนาดนี้?”

“เห่อๆ………ลูกสาว?”

หลี่หลานยิ้มอย่างเศร้า ๆ และเช็ดน้ำตาออกจากมุมหางตาของเธอ “ตงเอ๋อ ลูกจำเอาไว้ ในตระกูลหลี่ จะรักลูกชายมากกว่าลูกสาวลูกชายถึงจะเป็นคนที่คู่ควรในบ้าน และผู้หญิงเป็นเพียงสิ่งที่มีก็ได้ไม่มีก็ได้ แม้ว่าแม่จะมีเชื้อสายโดยตรง แต่เมื่ออยู่ในบ้านไม่เพียงไม่มีสิทธิ์ในการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้าน แม้แต่ทรัพยากรอื่นๆก็ไม่ได้ด้วย!”

พูดถึงตอนท้าย หลี่หลานเกือบจะร่ำไห้

ความอยุติธรรมทั้งหมด เป็นเหมือนแผลเป็นที่ตกสะเก็ด และเมื่อย้อนความทรงจำ รอยแผลเป็นก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง

รักลูกชายมากกว่าลูกสาว?

เฉินตงหรี่ตาจนเป็นเส้นตรง และร่างกายของเขากระจายไปด้วยความเย็น

มุมปากของเขา โค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว ยิ้มอย่างเย็นชา

นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว?

ตระกูหลี่ยังมีความคิดที่โบราณคร่ำครึแบบนี้อีกเหรอ?

ผู้ชายอยู่ที่สูง ผู้หญิงจะมีหรือไม่มีก็ได้?

ช่างเหลวไหลสิ้นดี!

“มันน่าประหลาดใจมากใช่มั้ย? ตอนนั้นแม่ก็ประหลาดใจเหมือนกัน ยิ่งเกลียดตัวเองที่เป็นผู้หญิงและต้องมาเกิดในบ้านตระกูลหลี่”

หลี่หลานพยายามอั้นความรู้สึกที่หัวใจพังทลายเอาไว้ “เล่าต่อ ความโหดร้ายของคุณตา มันมากกว่าที่แม่คิดเอาไว้มาก ตอนนั้นไม่เพียงแต่บีบบังคับจนแย่งกิจการของพ่อของลูกไป ยังทำทุกวิถีทาง เพื่อกดขี่แม่ที่อยู่ในเมืองนี้ ไม่ให้โอกาสแม่ได้ลืมตาอ้าปากเลย!”

เสียงร่ำไห้ดังขึ้นอย่างน่าอนาถ

ร่างกายของหลี่หลานสั่นเทา ใบหน้าแดง น้ำตาไหลไม่หยุด

รอยแผลเป็นถูกเปิดออก ความเจ็บปวดที่รุนแรง หากวันนี้ไม่ใช่เพราะความลับถูกเปิดเผย จึงต้องบอกกับเฉินตง ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีวันเต็มใจที่จะทนทุกข์ทรมาน

“แม่………”

สีหน้าของเฉินตงเปลี่ยนไปอย่างมาก กอดแม่ตัวเองเอาไว้ “ไม่เป็นไรครับ มีผมอยู่ มีผมอยู่ ทุกอย่างมันต้องดีขึ้น”

เขากังวลแม่จะโกรธจนกระทบหัวใจ

ฝันร้ายนี้ ความทรงจำที่ละเอียด ไม่ใช่สิ่งที่ร่างกายในตอนนี้ของแม่จะทนได้อย่างแน่นอน

เต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรม เผด็จการอย่างโจ่งแจ้ง

ตระกูลหลี่ไม่เพียงแต่รังแกเด็กกำพร้าแม่หม้ายอย่างพวกเขา ถึงขั้นไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ทางสายเลือด!

“ขอโทษด้วย ตงเอ๋อ เป็นแม่ที่ผิดต่อลูก ตอนนั้นหากแม่เข้มแข็งกว่านี้ ชีวิตวัยเด็กของลูกก็คงไม่ต้องมืดมนแบบนี้”

หลี่หลานร้องไห้อย่างเจ็บปวด เอาแต่โทษตัวเอง

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้สนใจ”

เฉินตงส่ายหัว พลางลูบหลังของแม่แล้วกล่าวปลอบ “เราได้เดินออกมาแล้ว ลูกสามารถที่จะค้ำฟ้าให้แม่ได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเฉินหรือตระกูลหลี่ ก็ไม่สามารถที่จะรังแกเราได้อีก”

หลี่หลานพยักหน้า กัดริมฝีปากเอาไว้

แม้ว่าจะพยายามฝืนไม่มีเสียงร้องไห้ แต่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด

แววตานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่รุนแรง

เฉินตงปลอบโยนอย่างใจเย็น ใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม อารมณ์ของหลี่หลานจึงค่อยสงบลง ออกมาจากความทรงจำที่เจ็บปวดในตอนนั้นได้

“แม่ครับ ตอนนี้คนของตระกูลหลี่มาเพื่ออะไร?”

น้ำเสียงของเฉินตงแฝงด้วยความเย็นชา ตามเสียงร้องไห้ที่เจ็บปวดของแม่ เขานั้นได้เห็นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตาเป็นคนนอกไปแล้ว ไม่ใช่คนตระกูลหลี่เท่านั้น

น้ำเสียงของหลี่หลานยังสะอื้นเล็กน้อย

เธอยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “เพราะว่า พวกเขารู้ว่าลูกชายของหลี่หลานนั้นเก่งกาจ!”

“ก็เลยจะให้เรื่องราวในตอนนั้น เล่นซ้ำอีกครั้ง?” เฉินตงเลิกคิ้ว

ไม่สนใจสายสัมพันธ์ ไม่สนใจว่าเป็นลูกสาว ลงมือแย่งชิงกิจการที่พ่อเหลือไว้ให้แม่ ใบหน้าของคุณตาคนนั้น หากจะแสดงซ้ำอีกครั้ง เฉินตงก็ไม่มีความประหลาดใจเลยแม้แต่นิดเดียว

หลี่หลานส่ายหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ รอยยิ้มยิ่งอยู่ยิ่งสดใส

“เขา อยากจะเชิญลูกกลับตระกูลหลี่ ไปสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้าน!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset