Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 185 คำพูดที่ตรงไปตรงมา ? แต่ละคำกรีดแทงราวกับมีด !

เฉินตงที่กำลังเคร่งเครียดหยุดเดินในทันที

ท่านหลงและคุนหลุนเองก็ตกตะลึงและหยุดเดินเช่นกัน

ฉินเย่กำลังทำอะไรอยู่ ?

“ถ้านายอยากตามมาก็เชิญ แต่หากเกินอะไรขึ้น ฉันไม่รับประกันนะ”

น้ำเสียงของเฉินตงเย็นชา หลังจากพูดจบ เขาก็เดินลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็วทันที

ฉินเย่ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบเดินตามไปทันที เขาใช้มือซ้ายและมือขวาโอบไหล่ของท่านหลงและคุนหลุนเอาไว้คนละข้าง

“วางใจเถอะ ชั่วดีอย่างไรฉันก็เป็นคนของตระกูลฉินแห่งซีสู่ ตระกูลหลี่ที่พวกนายพูดถึงคือเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองหลวงใช่ไหม ?”

“ใช่ คุณจะตามไปจริงๆ หรือ ?”

ท่านหลงกล่าวเตือน เรื่องครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ๆ

คุณท่านใหญ่หลี่ลักพาตัวคุณผู้หญิงกลับตระกูลหลี่ เป็นการแตะต้องของล้ำค่าที่สุดของเฉินตง

ที่เฉินตงกล่าวว่าจะพังตระกูลหลี่ให้ราบเป็นหน้ากลองนั้น คงไม่ได้พูดเล่นแน่นอน !

“น่าสนุก แบบนี้สิถึงจะน่าสนุก !”

ฉินเย่หัวเราะออกมาเสียงดัง : “วันๆ เอาแต่แลกเปลี่ยนทักษะกับผู้หญิง จนร่างกายของฉันซูบผอมหมดแล้ว นี่ก็ถือเสียว่าเป็นการออกไปพักผ่อนของฉัน”

ท่านหลงและคุนหลุนไปหน้าแดงก่ำ พูดไม่ออกในทันที

ขณะที่พวกของเฉินตงไปถึงสนามบิน

ก็มีคนจากสำนักงานของตระกูลเฉินมายืนรออยู่นานแล้ว และได้นำทางพวกเขาเดินตรงไปยังทางเดินด้านใน แล้วเข้าไปสู่ลานจอดเครื่องบินส่วนตัว

ด้วยฐานะของตระกูลเฉิน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเรียกใช้เครื่องบินส่วนตัวในเวลาที่ฉุกเฉินเช่นนี้

ขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้น

อุณหภูมิภายในห้องโดยสารก็ลดต่ำลงเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นคุนหลุนหรือว่าท่านหลง ต่างก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินตง ราวกับว่ามีบรรยากาศที่ดูน่าหดหู่และตื่นตระหนก กระจายอยู่รอบตัวของเฉินตง

ต่อให้เป็นคนขวางโลกอย่างฉินเย่ ยังมีท่าทีที่เคร่งขรึมลง และมองเฉินตงนิ่งโดยไม่พูดไม่จา

“คุณชาย กระผมติดต่อกับเจ้าบ้านแล้ว” ท่านหลงอย่างเคร่งขรึม

เฉินตงพยักหน้า

เขามีท่าทีและแววตาที่แสดงออกอย่างเย็นชา

ท่านหลงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ท่าทางของคุณชายในตอนนี้ ราวกับสัตว์ร้ายที่มีอารมณ์โกรธคุกรุ่นอยู่ภายใน

ทันทีที่อารมณ์โกรธนั้นระเบิดออกมา ผลลัพธ์ที่จะตามมาก็คือหายนะ

ท่านหลงลังเลอยู่สักครู่แล้วพูดเตือนว่า : “คุณชาย ตระกูลหลี่เป็นถึงเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ได้โปรด……”

“เขาแตะต้องฉัน ฉันไม่ว่า แต่ถ้าแตะต้องแม่ของฉันฉันไม่มีวันยอม ! ฉันเคยยอมเขาจนถึงที่สุดแล้ว ในเมื่อเขาหน้าไม่อาย ฉันก็จะไม่ไว้หน้าเขาอีกต่อไป !”

คำพูดเพียงประโยคเดียว ทำให้ท่านหลงต้องกลืน คำพูดที่กำลังจะพูดออกมากลับลงท้องไป

เขารู้ดีว่าต่อให้พูดเตือนก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้

ท่านหลงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นจึงหันออกไปมองก้อนเมฆนอกหน้าต่างด้วยความเครียด

เมืองหลวงคืนนี้ เกรงว่าคงเกิดพายุลูกใหญ่แน่นอน……

ฉินเย่แววตาเป็นประกาย เขาหัวเราะและถามขึ้นว่า : “จริงๆแล้วผมกำลังนึกสงสัยว่า คุณเกี่ยวดองกับตระกูลหลี่ได้อย่างไร ?”

“นายรอดูการแสดงก็พอแล้ว” เฉินตงตอบกลับอย่างเย็นชา

ฉินเย่ยักไหล่ แล้วพูดลอยๆ ว่า : “ก็ได้ ผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉินที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนาย กล้าท้าทายกับตระกูลหลี่โดยไม่เกรงกลัวเช่นนี้ ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว !”

ขณะที่พูด เขายังหันไปยกนิ้วหัวแม่มือให้กับเฉินตง

เฉินตงถูขมับด้วยความรู้สึกรำคาญ : “คุนหลุน จับเขาโยนลงไป !”

คุนหลุนหันไปจองฉินเย่ตาเขม็งด้วยสีหน้าดุดัน

ฉินเย่รีบโบกมือเพื่อขอความเมตตา : “ก็ได้ๆ ผมผิดไปแล้วพอใจหรือยัง ?”

“หนวกหู !”

เฉินตงเหลือบมองฉินเย่ด้วยความรำคาญ จากนั้นจึงหลับตาลงและนอนพักผ่อน

ส่วนท่านหลงที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ส่งสายตาเพื่อตักเตือนฉินเย่

ฉินเย่ไม่รู้นิสัยของคุณชาย แต่เขากับคุนหลุนนั้นรู้ดี !

สิ้งล้ำค่าของมังกร ใครกล้าแตะจะต้องตาย !

หากเฉินตงเป็นคนอารมณ์ดีจริงๆ ตอนนั้นเขาคงไม่พยายามแทงตัวเอง เพื่อที่จะช่วยแม่ของเขาแก้แค้นเฉินเทียนเซิงแน่นอน

เมืองหลวง

เป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ระดับนานาชาติอย่างแท้จริง

เป็นเพราะความเหลื่อมล้ำทางด้านฐานะ ทำให้ผู้คนจำนวนมาก หลั่งไหล่มารวมตัวกันอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้

ทำให้เมืองหลวงที่เหล่ามังกรและพยัคฆ์หลบซ่อนตัวอยู่มากมาย ทำให้มีสภาพสังคมที่สลับซับซ้อน

คนที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดในหมู่ผู้อ่อนแอ ก็อาจไม่ใช่คนที่เข้มแข็งเสมอไป

แต่หากสามารถยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดในหมู่ผู้แข็งแกร่งได้ นั่นจึงจะถือว่าเป็นคนที่เข้มแข็ง !

ตระกูลหลี่เองก็เป็นเช่นนี้ !

สามารถยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในเมืองหลวงที่วุ่นวายนี้ได้อย่างมั่นคง แสดงว่าภูมิหลังจะต้องไม่ธรรมดา

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง

โคมไฟในเมืองหลวงเริ่มส่องแสงสว่างและงดงามตระการตา

แต่ท้องฟ้าในคืนนี้ของเมืองหลวงกลับมองไม่เห็นดวงจันทร์และดวงดาว เมืองทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำ

พายุกำลังตั้งเค้า

ปกคลุมเมืองทั้งเมืองเอาไว้

บริเวณชานเมืองของเมืองหลวง

บริเวณจุดชมวิวภูเขาเซียงซาน ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับชมวิวทิวทัศน์ชื่อดังของเมืองหลวง แต่ละวันต้องรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนหลายหมื่นคน

แต่มีเพียงไม่กี่คนที่จะรู้ว่า ในมุมหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปของเขาเซียงซาน มีคฤหาสน์ปราสาทหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่

ที่นี่เป็นเขตหวงห้ามสำหรับคนทั่วไป

จำเป็นจะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของคฤหาสน์ปราสาทเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปได้

และที่นี่ ก็คือที่อยู่ของตระกูลหลี่ !

คฤหาสน์ปราสาทสว่างไสวอยู่ภายใต้ค่ำคืนอันมืดมิด

บรรยากาศในภูเขาค่อนข้างรกร้าง แต่กลับทำให้คฤหาสน์ปราสาทดูลึกลับและเงียบสงบ

ภายในห้อง

หลี่หลานมองห้องที่คุ้นเคยด้วยท่าทีสะลึมสะลือ

ตรงหน้ามีอาหารรสเลิศวางอยู่หลายสิบอย่าง

แต่เธอกลับไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด ดวงตาของเธอแดงก่ำและเต็มไปด้วยน้ำตา

สิ่งที่คุณท่านใหญ่หลี่ทำในวันนี้ สามารถใช้คำว่า “ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย” มาใช้อธิบายได้อย่างแท้จริง และไม่ผ่านการกลั่นกรองแม้แต่นิดเดียว

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเติบโตขึ้นมาในตระกูลหลี่ และรู้ว่าตระกูลหลี่ให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงจนถึงขั้นเลือดเย็นแล้วล่ะก็ เธอคงจะนึกสงสัยแล้วว่าตนเองเป็นลูกแท้ๆ ของคุณท่านใหญ่หลี่จริงๆ หรือไม่

แอ๊ด !

ประตูห้องเปิดออก

คุณท่านใหญ่หลี่เดินเข้ามาข้างใน ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

“หลานเอ๋อ นี่คือห้องที่ลูกเคยอยู่เมื่อก่อน ยี่สิบกว่าปีมานี้ พ่อให้คนเข้ามาทำความสะอาดทุกวัน ไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือยกย้ายข้าวของใดๆ เลย”

“แล้วอย่างไร ?”

หลี่หลานหันมองคุณท่านใหญ่หลี่ด้วยความโกรธ มีน้ำตาเอ่อล้นอยู่เต็มดวงตา

“พ่อรู้ดีว่าลูกยังโทษพ่ออยู่”

คุณท่านใหญ่หลี่ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสง่างาม จากนั้นจึงเหลือบมองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย : “ไม่ถูกปากหรือ ? ถ้าเช่นนั้นพ่อจะใช้ให้คนเททิ้งแล้วทำให้ใหม่”

“อาหารของตระกูลหลี่ ฉันกินไม่ลง”

หลี่หลานกัดริมฝีปาก แต่เป็นเพราะออกแรงมากเกินไป จนถึงขั้นทำให้ริมฝีปากมีเลือดออก

“หลานเอ๋อเอ๋ย ที่ตอนนั้นพ่อทำเช่นนั้น เพราะคิดถึงประโยชน์ส่วนรวม”

คุณท่านใหญ่หลี่ถอนหายใจ แล้วพูดอธิบายว่า : “ลูกเป็นลูกสาว คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ในตระกูลหลี่ก็เพียงพอแล้ว เฉินเต้าหลินคนนั้นทอดทิ้งพวกเจ้าสองแม่ลูก หากพวกเจ้าซึ่งเป็นลูกกำพร้าและหญิงม่ายต้องถือครองทรัพย์สินเหล่านั้นเอาไว้ คงจะต้องถูกคนยักยอกอย่างแน่นอน ในฐานะที่เป็นคนตระกูลหลี่ การทำให้ครอบครัวแข็งแกร่งขึ้น ถือเป็นสิ่งเดียวที่เธอควรจะทำ !”

“ถุย !”

หลี่หลานหัวเราะออกมาทันที เธอจ้องมองไปที่คุณท่านใหญ่หลี่อย่างดุดัน : “คุณกล้าพูดได้อย่างตรงไปตรงมาจริงๆ ! เพื่อความแข็งแกร่งของตระกูลหลี่ คุณจึงไม่จำเป็นต้องสนใจไยดีชีวิตของฉันและเฉินตง อีกทั้งยังยักยอกทรัพย์และบีบบังคับฉันมาตลอดยี่สิบปีอย่างนี้หรือ ?”

“คุณตาบอดหรืออย่างไร ? ถึงฉันจะเป็นลูกสาว แต่ความสามารถของฉันเหนือกว่าบรรดาลูกสุดที่รักของคุณพวกนั้นมากนัก คุณกลัวว่าฉันจะถูกคนยักยอกทรัพย์ จึงบีบบังคับเอาไปอย่างนั้นหรือ ? มันไม่ตลกไปหน่อยหรือ ?”

คำถามที่ร่ายยาวมาเป็นชุด ทำให้ใบหน้าของคุณท่านใหญ่หลี่แดงก่ำและรู้สึกกระสับกระส่าย

หลี่หลานอยู่ในท่าทีหยิ่งผยอง ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเธอต้องการที่จะระบายความคับแค้นใจออกมา

เธอค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วจ้องมองลงมาที่คุณท่านใหญ่หลี่อย่างดูถูก ใบหน้าแสดงออกถึงความเยาะเย้ยถากถาง

“คุณให้ความสำคัญกับลูกสาวมากกว่าลูกชาย คำก็เพื่อความยิ่งใหญ่ของตระกูล สองคำก็เพื่อความยิ่งใหญ่ของตระกูล ถึงขั้นแย่งชิงทรัพย์สินที่เต้าหลินทิ้งเอาไว้ให้ฉันกับเฉินตงอย่างโหดร้าย เพื่อนำมาบำเรอตระกูลหลี่ แต่ลูกชายหน้าโง่ของคุณเหล่านั้นกลับทำให้ตระกูลหลี่ต้องมีสภาพอย่างเช่นทุกวันนี้ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าคุณต้องยอมเชิญฉันกับเฉินตงกลับมาค้ำจุนตระกูลหลี่อย่างนั้นหรือ ?”

น้ำเสียงที่ทรงพลัง แต่ละคำบาดลึกราวกับถูกมีดกรีดลงไปที่หัวใจของคุณท่านใหญ่หลี่

ท่าทีเต็มไปด้วยการดูถูกและเหยียดหยาม

คุณท่านใหญ่หลี่ยืดอกขึ้น สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดถึงขีดสุด

“แกมันเป็นลูกสาวที่หัวรั้นและอกตัญญู !”

เผียะ !

ภาพของไม้เท้าปรากฏขึ้นในตา

และตีลงบนขาขวาของหลี่หลานในทันที

“โอ๊ย !”

หลี่หลานกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เธอล้มลงกับพื้นทันที ความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้ตัวของเธอสั่นเทา เหงื่อกาฬแตกพล่านราวกับสายฝน

คนที่ดื้อรั้นอย่างเธอ ยังคงจ้องมองไปที่คุณท่านใหญ่หลี่อย่างดุดัน

แล้วกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธแค้นว่า

“คุณ……ไม่กล้าตีฉันให้ตายหรืออย่างไร ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset