Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 201 ศึกชิงรักหักสวาท

หลังจากนิ่งไปสักพัก

เฉินตงก็ยิ้มออกมา

เมื่อเทียบกับนามบัตรของตระกูลจางแล้ว นามบัตรใบนี้ดูจะทันสมัยกว่า

บนนามบัตร มีเพียงแค่เบอร์โทรศัพท์กับข้อความหนึ่งบรรทัด

เนื้อหาของข้อความคือ : ต้องการเจรจาเรื่องธุรกิจ

ผู้ที่ลงนามคือ : ฉู่เจียนเจีย

เฉินตงวางนามบัตรลงแล้วคิดอะไรบางอย่าง

ในที่สุด เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายโทรศัพท์

ปลายสายกดรับโทรศัพท์

“สวัสดีครับ ใช่คุณเฉินตงไหมคะ ?”

น้ำเสียงที่ฟังดูเยือกเย็นดังขึ้นมาจากปลายสาย

เฉินตงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย : “ผมเองครับ ไม่ทราบว่าคุณหนูฉู่เจียนเจียต้องการเจรจาธุรกิจอะไรกับผมหรือครับ ?”

“สองทุ่มคืนนี้ ไปคุยกันที่เทียนเก๋อ หมู่ตึกยู่ฉวน”

ตู๊ด !

โทรศัพท์ถูกตัดสายไปทันที

เฉินตงรู้สึกตกใจเล็กน้อย

หลังจากดูนามบัตรเรียบร้อยแล้ว เขาก็รู้จุดประสงค์ในการมาของตระกูลฉู่ดี ว่าเหมือนกับจุดประสงค์ของตระกูลจางทุกประการ

แต่มีการดึงดูดความสนใจที่ต่างออกไปจากตระกูลจาง ตระกูลฉู่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเกินไปหรือเปล่า ?

แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันแล้ว เฉินตงกลับยินดีที่จะพบกับฉู่เจียนเจียคนนี้มากกว่า

ไม่ใช่เป็นเพราะอีกฝ่ายเปิดเผยตรงไปตรงมาจนสามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้

แต่เป็นเพราะสไตล์ของตระกูลจางและตระกูลฉู่นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

การเชื้อเชิญของตระกูลจางทำให้เขาเกิดคาดเดา แต่การแสดงออกของจางหยู่หลัน ทำให้เขาล้มเลิกความคิด

แต่นามบัตรของฉู่เจียนเจียนั้น เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่าต้องการร่วมทำธุรกิจ การแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทำให้เป็นการง่ายที่ทั้งสองฝ่ายจะทำความรู้จักกันมากขึ้น

“คืนนี้พี่ตงจะไปจริงๆ หรือครับ ?”

กูหลังถาม

เฉินตงพยักหน้า : “ทำธุรกิจนี่ ก็ต้องไปตามนัดสิ”

“หรือจะให้ผมไปเป็นเพื่อนดี ถึงอย่างไรครั้งนี้ก็อยู่ในสถานที่ของโจวเย่นชิว” กูหลังรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย

เฉินตงลังเลอยู่สักครู่ จากนั้นจึงพยักหน้าตอบรับ

ไม่ใช่ว่าจะเป็นกังวลเรื่องโจวเย่นชิว เพียงแต่เมื่อคิดดูแล้ว รูปลักษณ์ของกูหลังคงไม่เหมือนกับฉินเย่ จนทำให้คนอื่นจำผิดได้หรอกใช่ไหม ?

หลังจากกูหลังออกไปได้เพียงไม่นาน ก็มีหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยโทรเข้ามา

เฉินตงรับสายโทรศัพท์

“คุณเฉิน ผมคือจางไท่เยว่จากตระกูลจางแห่งเมืองหลวง”

“สวัสดีครับคุณท่านใหญ่ตระกูลจาง” เฉินตงขมวดคิ้ว

จางไท่เยว่พูดต่อ : “เรื่องนั้นเมื่อสองวันก่อน ผมไม่คิดเลยว่าหลานสาวของผมจะทำเรื่องโง่ๆ เช่นนั้นลงไป ผมต้องขอโทษอย่างสุดซึ้งจริงๆ ดังนั้นคืนนี้เวลาสองทุ่ม ผมจึงตั้งใจเป็นพิเศษที่จะจัดงานเลี้ยงมื้อค่ำให้แก่คุณเฉินที่เทียนเก๋อ หมู่ตึกยู่ฉวน และผมจะพาหลานสาวของผมไปกล่าวขอโทษต่อหน้าคุณเฉิน”

หมู่ตึกยู่ฉวน ?

เทียนเก๋อ ?

เวลาสองทุ่มเช่นเดียวกัน ?

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างประหลาด : “ต้องขอขอบคุณในความหวังดีของคุณจาง แต่ว่าเมื่อครู่ผมเพิ่งรับปากที่จะไปพบกับตระกูลฉู่แห่งเมืองหลวงคืนนี้ ที่เทียนเก๋อหมู่ตึกยู่ฉวนในเวลาสองทุ่มเช่นเดียวกัน”

“อะไรนะ ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกตกใจ จากนั้นจึงรีบพูดว่า : “ขออภัยด้วย คุณเฉินโปรดรอสักครู่”

จากนั้นสายโทรศัพท์ก็ตัดไป

เฉินตงแสยะยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าตระกูลจางและตระกูลฉู่จะมีพรหมลิขิตต่อกันเป็นอย่างมาก เพราะว่ามีเป้าหมายที่เหมือนกัน แม้กระทั่งสถานที่นัดหมายก็ยังเป็นที่เดียวกัน

คิดๆ ดูแล้วก็มีเหตุผล

หมู่ตึกยู่หยวนถือเป็นสถานที่ชั้นยอดของเมืองนี้

แน่นอนว่ายังด้อยกว่าคลับสี่ยิ่น

แต่คลับสี่ยิ่นมีลักษณะพิเศษ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าไปได้

หมู่ตึกยู่หยวนของโจวเย่นชิว สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า

การที่ตระกูลจางและตระกูลฉู่แห่งเมืองหลวงจะเลือกใช้เทียนเก๋อ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจนัก

เฉินตงถูจมูกไปมาแล้วบ่นพึมพำ : “ไม่รู้ว่าคืนนี้จะเจอกับตระกูลไหนกันแน่ ?”

ขณะที่พูด เขาก็ต่อสายโทรศัพท์หาท่านหลง เพื่อถามสถานการณ์ของตระกูลฉู่

……

โรงแรมไท่ซาน

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ มือของเขากำโทรศัพท์เอาไว้แน่น

“คุณปู่ เป็นอะไรไปคะ ?” จางหยู่หลันเอ่ยถามด้วยความสงสัย

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางพูดว่า : “นัยเด็กตระกูลฉู่นั่น คำนวณเอาไว้เป็นอย่างดี ต่อให้ยังเดินทางมาไม่ถึงแต่กลับเชิญคุณเฉินเอาไว้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังเลือกที่เทียนเก๋อ หมู่ตึกยู่ฉวนเหมือนพวกเรา และเลือกเวลาเดียวกับพวกเราอีกด้วย”

“เป้นแบบนี้ไปได้อย่างไร ?”

จางหยู่หลันยกมือขึ้นปิดปากของเธอด้วยความประหลาดใจ

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางพูดอย่างโมโหว่า : “ไปหมู่ตึกยู่ฉวนกับปู่เดี๋ยวนี้ ให้โจวเย่นชิวรับปากให้ได้ว่าคืนนี้ เทียนเก๋อมีเพียงพวกเราเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ หากไม่มีสถานที่สำหรับจัดเลี้ยงแล้ว ปู่จะดูซิว่านังเด็กตระกูลฉู่นั่นจะอวดเก่งได้อย่างไร !”

……

เลิกงานในช่วงเย็น

เฉินตงเลิกงานตรงเวลา

คุนหลุนขับรถมาจอดรออยู่ที่ข้างถนนนานแล้ว

หลังจากขึ้นรถกับกูหลังแล้ว ก็มุ่งตรงไปยังหมู่ตึกยู่ฉวนทันที

เฉินตงไม่ได้สนใจว่าคืนนี้ที่หมู่ตึกยู่ฉวนจะเป็นงานเลี้ยงของใครกันแน่

ถ้าหากเป็นฉู่เจียนเจีย ก็นั่งลงเพื่อพูดคุยสักครู่

แต่ถ้าหากเป็นจางหยู่หลัน ก็คงทำเพียงแค่กลับโดยไม่สนใจ

หลังจากฟังท่านหลงพูดในช่วงบ่าย เฉินตงก็ได้รู้จักตระกูลฉู่มากยิ่งขึ้น ตระกูลฉู่เองก็ทำธุรกิจด้านภาพยนตร์และสื่อบันเทิง แต่มักจะถูกตระกูลจางนำหน้าด้านธุรกิจหนึ่งก้าวมาโดยตลอด

แต่ตระกูลฉู่ยังมีธุรกิจด้านอื่น ที่เติบโตและยิ่งใหญ่กว่าธุรกิจด้านภาพยนตร์และสื่อบันเทิง ดังนั้นหากจะพูดกันตามตรงก็คือ จริงๆ แล้วตระกูลฉู่นั้นแข็งแกร่งกว่าตระกูลจางเล็กน้อย

แต่ทว่า เพียงแค่การแข่งขันกันในธุรกิจด้านภาพยนตร์และสื่อบันเทิง ก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองตระกูลกลายเป็นคู่แข่งกันได้แล้ว

จึงไม่แปลกที่ทั้งสองฝ่ายจะมาด้วยจุดประสงค์เดียวกัน

“คุณชาย ดูเหมือนว่าตอนนี้ ตระกูลจางและตระกูลฉู่มาเพื่อผูกมิตร ความวุ่นวายในตระกูลหลี่ครั้งนี้ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเราใช่ไหมครับ ?” คุนหลุนขับรถพลางพูดติดตลกไปพลาง

แต่เฉินตงกลับส่ายหัว : “ตระกูลจางและตระกูลฉู่ลงหลักปักฐานอยู่ในเมืองหลวง ถึงแม้จะเป็นตระกูลที่มั่งคั่ง แต่ก็ยังไม่ใช่ชนชั้นสูงที่มีความโดดเด่นจริงๆ ทั้งสองตระกูลไม่สามารถเป็นเครื่องหมายแทนเมืองหลวงทั้งเมืองได้”

คุนหลุนขมวดคิ้ว แต่กลับรู้สึกว่ามีเหตุผล

ขณะที่รถขับเข้าไปในหมู่ตึกยู่ฉวน

ก็เป็นเวลาสองทุ่มพอดี

หลังจากลงจากรถ เฉินตงพาคุนหลุนกูหลังเดินตรงไปยังเทียนเก๋อ

เวลาเดียวกันนี้

ภายในเทียนเก๋อ กลับมีบรรยากาศที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง

อากาศเย็นยะเยือกทนทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก

โจวเย่นชิวหันมองทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหม่า มือทั้งสองข้างถูกันไปมา มีเหงื่อไหลอาบอยู่ตรงหน้าผาก

หลังจากที่เขาสร้างหมู่ตึกยู่ฉวนขึ้นมา และสร้างกฎเกณฑ์ของเทียนเก๋อขึ้น เขาก็มีโอกาสต้อนรับแขกที่ร่ำรวยและมีอำนาจมากหน้าหลายตา

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เป็นสิ่งที่เขาเพิ่งพบเจอเป็นครั้งแรก

ทำให้เขาเองก็ทำตัวไม่ถูก

ทั้งสองตระกูลล้วนแล้วแต่เป็นตระกูลที่มั่งคั่งของเมืองหลวง และทั้งสองตระกูล ก็ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะให้เขายอมเปิดเทียนเก๋อ และใช้การต้อนรับในระดับที่เยี่ยมที่สุดเหมือนกัน

แต่ที่สำคัญก็คือ ตระกูลฉู่เป็นผู้ลงชื่อจองไว้ก่อน แต่ตระกูลจางต้องการที่จะแย่ง

ถึงแม้เขาจะเป็นผู้นำของธุรกิจห้างสรรพสินค้าในเมืองนี้ แต่ก็คงยังไม่โง่ถึงขึ้นที่จะลูบคมทั้งสองตระกูลพร้อมกัน

จึงทำให้เกิดฉากที่น่าอับอายปรากฏอยู่ตรงหน้า

ตระกูลจางและตระกูลฉู่นั่งร่วมอยู่ในโต๊ะเดียวกัน

อีกทั้งล้วนแล้วแต่มีจุดประสงค์เดียวกันก็คือ ต้องการจัดงานเลี้ยงให้กับเฉินตง !

“ฉู่เจียนเจีย ฉันเชิญคุณเฉิน เธอก็เชิญคุณเฉิน ตั้งแต่เล็กจนโต ทำไมเรื่องทุกอย่าง เธอต้องคอยแต่จะทำตามฉันด้วย ?”

ใบหน้าอันงดงามของจางหยู่หลันบูดบึ้ง เธอเหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วกล่าวตำหนิ

คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ เป็นหญิงสาวที่สวมเครื่องแต่งกายแบบนักธุรกิจสีดำของ OL มีรูปร่างที่สูงโปร่งและสง่างาม มัดผมหางม้าและสวมแว่นตา แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่โดดเด่นของเธอ

ส่วนประกอบทุกอย่างบนใบหน้าล้วนงดงามราวกับถูกจัดวางเอาไว้ ถือเป็นหญิงสาวที่หน้าตาสวยคนหนึ่งเลยทีเดียว

เมื่อเทียบกับจางหยู่หลันแล้ว อาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่การแต่งกายของเธอกลับดูสง่างามและภูมิฐานกว่า

“ฉันแค่อยากเจรจาเรื่องธุรกิจกับคุณเฉิน” น้ำเสียงของฉู่เจียนเจียเยือกเย็นเหมือนกับบุคลิกของเธอ

“เจรจาเรื่องธุรกิจ ? มาตั้งไกลเพื่อมาเจรจาเรื่องธุรกิจที่นี่เนี่ยนะ ?”

จางหยู่หลันหัวเราะเยาะออกมา แล้วลุกยืนขึ้น : “นังแรดอย่างเธอ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าอยากที่จะเข้าใกล้เฉินตง เธอคิดจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน ? ไม่ว่าจะเรื่องรูปร่างหน้าตา เธอคิดว่าเฉินตงจะชอบเธออย่างนั้นหรือ ?”

“ชาตินี้เธอคงจะใหญ่แค่หน้าอกแต่ไม่มีสมองสินะ” ฉู่เจียนเจียขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วทำท่าทีดูถูกเหยียดหยาม

“แก……” จางหยู่หลันโกรธจนหน้าแดงทันที

สถานการณ์เริ่มร้อนระอุขึ้น

สีหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางดูไม่สบอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ห้ามปราม

โจวเย่นชิวนั่งมองด้วยความตกตะลึงจนอ้าปากค้าง หัวใจของเขาเต้นแรง

ทั้งสองคนนี้……เป็นสิ่งล้ำค่าของตระกูลจางกับตระกูลฉู่ แต่กลับกำลังชิงรักหักสวาทเพื่อแย่งชิงเฉินตงกันอย่างนั้นหรือ ?

มันเป็นเรื่องที่สมควรไหม ?

ทำไมถึงแสดงออกมาโดยไม่คำนึงถึงฐานะและชื่อเสียงเลยแม้แต่น้อยเช่นนี้ ?

ทันใดนั้นเอง

โจวเย่นชิวก็เห็นคนทั้งสามปรากฏตัวขึ้น

เขาแอบถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งใจในทันที จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน : “คุณเฉิน ในที่สุดคุณก็มาเสียที”

จางหยู่หลันและฉู่เจียนเจียที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ต่างก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกันในทันที แม้แต่คุณท่านใหญ่ตระกูลจางเองก็ยืนขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงวัยวุฒิและฐานะของเขา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset