Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 205 ฆ่าให้หมด ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว

เอี๊ยด !

จู่ๆ รถพอร์เชอร์ 911 ก็ขับกวัดแกว่งไปมา และเบรกอย่างกะทันหันจนเกิดเสียงดัง

หลังจากขับกวัดแกว่งเป็นระยะทางหลายสิบเมตร เหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติ

ฉู่เจียนเจียนั่งหลังตรงอยู่บนที่นั่งคนขับ มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยแน่น

สีหน้าของเธอตื่นตระหนกและมีเหงื่อไหลท่วมตัว

เกือบไปแล้ว

เมื่อกี้เกือบไปแล้ว !

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว รถอาจจะพลิกคว่ำไปแล้ว

ฉู่เจียนเจียสูดหายใจลึก แล้วหันไปมองเฉินตงอย่างรู้สึกผิด : “ขอโทษด้วยคุณเฉิน คุณบังคับฉันเองนะ ฉันเพียงแค่อยากจะเจรจาธุรกิจอย่างจริงจังกับคุณเท่านั้น”

เฉินตงในเวลานี้ นอนเอนศีรษะลงไปบนเบาะเรียบร้อยแล้ว

บนใบหน้าของเขายังคงฉาบไปด้วยสีแดงระเรื่อของความมึนเมาอยู่ และหมดสติไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อครู่ตอนที่ยาในตัวของเฉินตงกำลังออกฤทธิ์ หลังจากที่ฉู่เจียนเจียตื่นตระหนก เธอก็รีบลงมืออย่างเด็ดขาดในทันที

เธอตีจนกระทั่งเฉินตงหมดสติไป

ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ช่วงหลายสิบเมตรที่รถขับกวัดแกว่งไปมาเท่านั้น

ในขณะที่กำลังตื่นตระหนก ฉู่เจียนเจียไม่อาจคิดหาวิธีอื่นเพื่อจะมาหยุดยั้งได้ทันจริงๆ

คงไม่สามารถปล่อยให้เฉินตงทำอะไรลงไปโดยขาดสติได้หรอกจริงไหม ?

เธอไม่ใช่จางหยู่หลันเสียหน่อย

“จางหยู่หลัน วิธีการของตระกูลจางของเธอมันสกปรกจริงๆ !”

ฉู่เจียนเจียกล่าวดูถูกตระกูลจางไปหนึ่งประโยค จากนั้นจึงเร่งความเร็วเครื่องของรถพอร์เชอ911ขึ้นอีกครั้ง

……

คืนนี้ เมืองทั้งเมืองกำลังถูกคลื่นใต้น้ำโหมกระหน่ำ

โจวเย่นชิวอยู่ในอารมณ์โกรธและหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เขาใช้อำนาจและกำลังทั้งหมดที่เขามี เพื่อสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่ตึกยู่ฉวนให้ถึงที่สุด

เรื่องนี้ เกี่ยวพันถึงชีวิตของเฉินตง

อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่านักฆ่าทั้งสิบกว่าคนนั้น ต่างพุ่งเป้ามาที่เฉินตงเพียงคนเดียว

ถ้าหากไม่สามารถสืบให้กระจ่างได้

ตระกูลเฉินคงจะต้องโกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟอย่างแน่นอน

ถึงขั้นว่า คนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ทุกคน ก็ไม่อาจหนีจากความรับผิดชอบครั้งนี้ไปได้

ต่อให้เป็นตระกูลจางและตระกูลฉู่ก็ตาม !

มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้โจวเย่นชิวยังรู้สึกโชคดีนั่นก็คือ คุนหลุนและกูหลังพยายามต่อสู้อย่างถึงที่สุดจนสามารถปกป้องเฉินตงให้หนีออกไปได้

ฉู่เจียนเจียเองก็สามารถพาตัวเฉินตงออกไปจากเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานได้อย่างปลอดภัย

ในที่สุด หน่วยข่าวกรองก็รายงานกลับมาว่า ฉู่เจียนเจียพาเฉินตงไปส่งยังโรงพยาบาลลี่จิงเรียบร้อยแล้ว และคนก็อยู่ในอาการปลอดภัย

หลังจากได้ยินข่าวนี้ โจวเย่นชิวก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อย

แต่เขาก็ยังคงนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

ภายในเทียนเก๋อถูกทำความสะอาดจนหมดจด

โจวเย่นชิวไม่กล้าหยุดพัก เขารีบมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลลี่จิงตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ทันที

เฉินตงนอนอยู่ปนเตียงผู้ป่วย ยังคงหมดสติอยู่

ฉู่เจียนเจียคอยนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งคือผู้อำนวยการหลิวและทีมแพทย์ชั้นแนวหน้า

การพยายามช่วยเหลือเกือบครึ่งคืน ทำให้ผู้อำนวยการหลิวและทีมแพทย์ชั้นนำต่างก็อยู่ในสภาพที่อ่อนเพลียไม่น้อย

“คุณหนู เฉินตงเป็นหลานเขยของผม ผมใช้ทีมแพทย์ชั้นยอดที่มีทั้งหมดในโรงพยาบาลเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว คุณวางใจเถอะ”

ผู้อำนวยการหลิวพูดกับฉู่เจียนเจีย

ด้านหนึ่งคือพูดเพื่อปลอบประโลม แต่อีกด้านหนึ่งก็พูดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของแทนกู้ชิงหยิ่ง

อย่างไรเสีย สำหรับผู้อำนวยการหลิวแล้ว การที่ชายหญิงเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยภาวะฉุกเฉินตามลำพัง ก็ถือเป็นเรื่องน่าแปลกอยู่ดี

อีกทั้งรูปร่างหน้าตาของฉู่เจียนเจีย ก็ไม่ด้อยไปกว่ากู้ชิงหยิ่งเลย

“ขอบคุณผู้อำนวยการกับทีมแพทย์ทุกท่านมากค่ะ”

ฉู่เจียนเจียลุกขึ้นโค้งคำนับด้วยท่าทีอ่อนแรง

“คุณดูแลเฉินตงมาทั้งคืนแล้ว ผมจะรีบติดต่อให้คู่หมั้นของเขามาที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด”

ผู้อำนวยการหลิวพูดพลาง ก็พาคณะแพทย์เดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป

ฉู่เจียนเจียนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความอ่อนเพลีย เธอนั่งมองเฉินตงและเหม่อลอยไป

ทันใดนั้นเอง เธอก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในรถขณะที่พาเฉินตงมาส่งที่โรงพยาบาลเมื่อคืน

จากนั้นใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงโดยไม่รู้ตัว มือทั้งสองข้างกุมเข้าหากัน

แต่เมื่อมองดูผ้าพันแผลที่พันอยู่บนร่างกายของเฉินตง เธอก็กัดริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอเอาไว้แน่น จากนั้นจึงกระซิบออกมาเบาๆ

“คุณถามฉันเพียงว่าทำไมตอนนั้นฉันถึงเข้าไปรับมีดแทนคุณ แล้วคุณล่ะ เพราะอะไรถึงเข้าไปรับมีดแทนฉันด้วย ?”

เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ฉู่เจียนเจียก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา

ตอนนั้นเธอให้สัญชาตญาณทั้งหมดที่มีเพื่อปกป้องเฉินตงที่กำลังอ่อนแออยู่

แต่ตอนนั้นเฉินตงเองไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แต่ทำไมยังรับมีดแทนเธออีก

ถ้านี่เป็นสัญชาตญาณจริงๆ ต้องเป็นสัญชาตญาณที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน ?

ผ่านไปสักพัก ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก

คนที่วิ่งเข้ามาคนแรกก็คือกู้ชิงหยิ่ง

เมื่อเห็นเฉินตงที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ดวงตาของกู้ชิงหยิ่งก็แดงก่ำในทันที เธอปาดน้ำตาแล้วโน้มตัวลงข้างเตียง จากนั้นจึงกระซิบเบาๆ ว่า : “เฉินตง……”

คนที่เดินตามเข้ามาติดๆ คือท่านหลงที่มีสีหน้าเคร่งเครียด

ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาก็ทำให้ฉู่เจียนเจียรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

เธอรีบถามกู้ชิงหยิ่งทันที : “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณคือ ?”

“เธอคือคู่หมั้นของคุณชาย”

ท่านหลงหันไปมองฉู่เจียนเจีย : “คุณหนูตระกูลฉู่ ?”

“ฉันคือฉู่เจียนเจีย คุณคือ ?”

ฉู่เจียนเจียมองท่านหลงอย่างสงสัย

“กระผมแซ่หลง” ท่านหลงยิ้มเล็กน้อย “เป็นคนรับใช้ของเจ้าบ้าน

“สวัสดีค่ะท่านหลง” ฉู่เจียนเจียรีบกล่าวทักทาย

ตอนนี้เอง กู้ชิงหยิ่งที่กำลังโศกเศร้าเสียใจอยู่ก็ยืนขึ้นมา

เธอรีบหันไปพยักหน้าเพื่อแสดงความขอบคุณฉู่เจียนเจียทันที : “ขอบคุณมากที่ช่วยเฉินตงไว้”

ระหว่างทางที่มา เธอได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทั้งหมดอย่างละเอียดจากปากของท่านหลงแล้ว

แน่นอนว่า สิ่งที่ท่านหลงรู้มาทั้งหมด ก็ได้ยินมาจากปากของคุนหลุนและกูหลัง

ใครจะไปคิดว่า งานเลี้ยงจะกลายเป็นการลอบสังหารไปได้ ?

กู้ชิงหยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะน่ากลัวและอันตรายขนาดไหน

เป็นเพราะเธอรู้ดีว่า ไม่เพียงแค่เฉินตงเท่านั้นที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ในโรงพยาบาล แม้กระทั่งคุนหลุนและกูหลังเอง ตอนนี้ก็พักอยู่ในห้องพักผู้ป่วยที่อยู่ข้างๆ ในโรงพยาบาลลี่จิงเช่นกัน

“เป็นสิ่งที่ฉันสมควรทำอยู่แล้วค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่างานเลี้ยงจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ เป็นความผิดของเจียนเจียเอง”

ฉู่เจียนเจียโค้งคำนับ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“เรื่องนี้ยังไม่เกี่ยวอะไรกับคุณชั่วคราว”

ท่านหลงพูดออกมาอย่างสงบ แต่น้ำเสียงกลับเย็นชาและเข้มงวด : “กระผมจะต้องสืบหาความจริงออกมาให้ได้ จะไม่ยอมปล่อยคนที่กล้าทำร้ายคุณชายให้ลอยนวลไปได้เด็ดขาด”

ฉู่เจียนเจียรู้สึกตกใจและไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก

ยังไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ชั่วคราว แต่ถ้าหากสืบพบเบาะแสอะไรแล้วล่ะก็ ตระกูลฉู่ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน !

เธอเข้าใจความหมายของสิ่งที่ท่านหลงพูดดี แต่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ให้เธอพูดอะไรไปมากกว่านี้ก็คงไม่มีความหมาย

ตอนนี้เอง

ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออกอีกครั้ง

โจวเย่นชิวรีบเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ

เมื่อเห็นท่านหลงยืนอยู่ในห้อง เขาก็ตกใจจนหน้าซีดเผือดทันที : “ท่านหลง……”

“กระผมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว”

ท่านหลงเอ่ยถามเขาอย่างเย็นชาว่า : “ตอนนี้คุณมาทำอะไรที่โรงพยาบาล ?”

“ฉัน ฉันมาเยี่ยมคุณเฉิน” โจวเย่นชิวอยู่ในท่าทีตื่นตระหนก

ท่านหลงแสดงความไม่พอใจออกมา : “คุณไม่รู้สึกว่าการมาเยี่ยมครั้งนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นหรอกหรือ ? เหตุการณ์เกิดขึ้นที่หมู่ตึกยู่ฉวนของคุณ เรื่องเร่งด่วนขนาดนี้ คุณควรจะเอาเวลาไปรีบสืบหาความจริงออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อมาอธิบายให้คุณชายฟัง !”

น้ำเสียงที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ทำให้รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง

โจวเย่นชิวรีบอธิบาย : “ท่านหลง หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ผมก็รีบถ่ายทอดคำสั่งในทันที ผมให้หน่วยข่าวกรองภายใต้บังคับบัญชาของผมรีบสืบสวนอย่างเต็มกำลังตั้งแต่เมื่อคืนนี้ แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลของผู้กระทำผิดเข้าถึงยากเกินไป”

“นักฆ่าสิบกว่าคน เกินครึ่งที่ถูกคุนหลุนและกูหลังฆ่าตาย แต่ที่เหลืออีกสองสามคน ขณะที่ถูกคุนหลุนและกูหลังจับกุมตัวเอาไว้ ก็ได้กัดยาพิษที่แอบซ่อนเอาไว้ที่ฟันเพื่อฆ่าตัวตาย ดังนั้นหากต้องการสืบหาความจริงให้กระจ่าง ก็คงต้องใช้เวลา”

“นักฆ่ากล้าตาย ? !”

ท่านหลงขมวดคิ้วแน่น จากนั้นแววตาจึงฉาบไปด้วยประกายของความดุดัน : “กระผมและคุณชาย รวมไปถึงเจ้าบ้าน ไม่มีเวลามานั่งรออย่างใจเย็น เวลาของคุณมีไม่มากแล้ว ถ้าหาตัวผู้บงการออกมาไม่ได้ เช่นนั้นทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะต้องถูกจัดการทั้งหมด !”

“ฆ่าให้หมด ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว !”

เปรี้ยง !

โจวเย่นชิว กู้ชิงหยิ่ง และฉู่เจียนเจียต่างตกตะลึง

ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะต้องถูกจัดการทั้งหมด

นั่นไม่ได้หมายรวมถึงตระกูลจางและตระกูลฉู่ด้วยหรอกหรือ ?

ต้องชดใช้ด้วยชีวิตอย่างนั้นหรือ ?

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset