Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 207 โอกาสพิสูจน์ตนเอง ไม่มีเบาะแสแม้แต่น้อย

ภายในเครื่องบินส่วนตัว บรรยากาศเงียบสงัด

เสียงดังอึกทึกของเครื่องบินรบเหมือนกับเสียงสวดมนต์ที่ดังอื้ออึงอยู่ในหู

“คุณปู่……”

ใบหน้าของจางหยู่หลันซีดเผือดจนไม่หลงเหลือสีแดงอยู่เลยแม้แต่น้อย เธอรีบจับแขนของปู่เอาไว้แน่น

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกสับสน และแววตาของเขาก็ดูลนลาน

เขาเป็นถึงเจ้าบ้านตระกูลจาง ถึงแม้ว่าฐานะของตระกูลจางในเมืองหลวงจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุด แต่ก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน

เมื่อมองออกไปที่กระบอกปืนของเครื่องบินรบที่อยู่นอกหน้าต่าง

ดูราวกับปากของสัตว์ร้ายที่ลึกเข้าไป ทำให้ไม่ต้องรู้สึกสงสัยเลยว่า มันจะสามารถกลืนกินเครื่องบินเข้าไปทั้งลำได้หรือไม่

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงกำหมัดทั้งสองข้าง แล้วก้มศีรษะพูดออกมาอย่างเคร่งเครียดว่า : “เลี้ยวหัวกลับแล้วลงจอด !”

เครื่องบินรบทั้งสองลำขนาบเครื่องบินส่วนตัวไปตลอดทางจนกระทั่งลงจอด จากนั้นจึงบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วหายลับไปในกลีบเมฆ

ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที

แต่กลับทำให้หลังของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

เขาหัวเราะเยาะตัวเอง : “คิดไม่ถึงเลยว่า ชาตินี้ฉันจะได้ลิ้มรสชาติของการที่มีเครื่องบินรบ คอยบินขนาบข้างมาเช่นนี้”

จางหยู่หลันพูดอย่างหวาดกลัว : “คุณปู่ พวกเรา พวกเราจะทำเช่นไรดีคะ ?”

“ในเมื่อเรื่องนี้พวกเราไม่ได้เป็นคนก่อ เมื่อความจริงทุกอย่างกระจ่างแล้ว พวกเราก็จะสามารถกลับไปได้”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางอยู่ในท่าทีสงบ : “หยู่หลันไม่ต้องเป็นห่วง มือของหลานที่ผลักเขาออกไป อย่างมากก็แค่ทำให้ความสัมพันธ์ของตระกูลจางของพวกเรากับเฉินตงจบสิ้นลงก็เท่านั้น เพียงแค่ชดเชยให้นิดหน่อยก็คงเพียงพอ แต่คนที่เขาต้องการจะเอาชีวิตจริงๆ ในครั้งนี้ก็คือคนที่ลอบสังหาร !”

หลังจากที่ได้ยิน

จางหยู่หลันก็รู้สึกใจชื้น

แต่เมื่อนึกถึงท่าทีที่ตัวเธอเองแสดงออกเมื่อคืนนี้ เธอก็รู้สึกผิดขึ้นมา : “ขอโทษด้วยค่ะคุณปู่ เป็นความผิดของหนูเอง”

หลังจากที่ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวงเกิดเรื่องขึ้น

ตระกูลจางเป็นตระกูลที่มั่งคั่งตระกูลแรกในเมืองหลวง ที่ตัดสินใจเดินทางมาหาเฉินตง

ทั้งๆ ที่มีไพ่ใบงามถืออยู่ในมือแล้วแท้ๆ แต่ทุกอย่างกลับพังไม่เป็นท่า

อีกทั้งเรื่องนี้ จางหยู่หลันก็มีส่วนอย่างมาก

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกหดหู่ในใจ แต่ก็ยังส่ายหัวเพื่อแสดงออกว่าไม่เป็นไร

ประตูเครื่องบินเปิดออก

“ไปกันเถอะ”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางลุกขึ้น

ขณะที่ทั้งสองปู่หลานกำลังเดินลงมาจากเครื่องบิน

ท่านหลงก็ยืนรออยู่ด้านล่างด้วยตัวคนเดียวนานแล้ว

“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับทั้งสองท่านกลับมาเมืองนี้อีกครั้ง”

ท่านหลงก้าวขึ้นไปข้างหน้า ยกมือขึ้นคารวะพลางพูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า : “ท่านหลง หากคุณต้องการให้พวกเราอยู่ต่อ ทำเพียงแค่บอกกล่าวกันดีๆ ก็พอแล้ว ถึงขั้นต้องใช้เครื่องบินรบเลยหรือ ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านหลงจางหายไปในทันที : “ถ้าไม่ใช่เพราะส่งเครื่องบินรบไปรับ ป่านนี้เครื่องบินคงจะบินไปถึงเมืองหลวงแล้วกระมัง ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางมีท่าทีอึดอัด

“ก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะกระจ่าง กระผมหวังว่าคุณท่านใหญ่ตระกูลจาง จะพาหลานสาวที่น่ารักของท่าน กลับไปพักอยู่ที่หมู่ตึกยู่ฉวนตามเดิม”

เสียงของท่านหลงฟังดูจริงจัง : “มิเช่นนั้น เมื่อครู่ที่เครื่องบินรบแสดงความเคารพนั้น แต่ทหารที่อยู่ด้านหลัง กระผมเองก็ไม่กล้ารับประกัน”

น้ำเสียงที่ฟังดูเย็นชาทำให้รู้สึกเสียวสันหลัง

“แต่ถึงอย่างไร ฉันเองก็เป็นถึงเจ้าบ้านตระกูลจาง ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือ ?” คุณท่านใหญ่ตระกูลจางทำสีหน้าเศร้าหมอง

แต่ท่านหลงกลับยิ้มอย่างเย้อหยัน : “ตระกูลจางแห่งเมืองหลวง ตระกูลที่เติบโตมาได้เพราะอาศัยพวกเต้นกินรำกิน ถือว่ามีหน้ามีตามากนักหรือ ?”

“แก……” คุณท่านใหญ่ตระกูลจางโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

ในสมัยโบราณ อาชีพนักแสดงถือเป็นอาชีพชั้นต่ำ

คำพูดของท่านหลง เป็นการดูถูกตระกูลจางที่สง่างามของเขาว่าเป็นพวกชั้นต่ำ

“กลับหมู่ตึกยู่ฉวน !”

เสียงเคร่งขรึมของท่านหลงดังขึ้น

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางโกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก : “รบกวนท่านหลงแล้ว”

หลังจากมองดูสองปู่หลานตระกูลจางเดินทางออกจากสนามบินไปแล้ว

สีหน้าของท่านหลงก็ดูเคร่งเครียดขึ้น : “ทุกคนคิดว่าคุณชายเป็นผู้สืบทอดมรดกที่เติบโตอยู่ด้านนอก ทำให้ถูกมองว่าต่ำชั้นกว่าผู้สืบทอดมรดกที่เติบโตภายในบ้านพวกนั้นอย่างนั้นหรือ ? มีดที่แทงคุณชายในครั้งนี้ หากไม่มีใครออกมาชดใช้แล้วล่ะก็ เลือดก็จะต้องล้างด้วยเลือด !”

คำพูดเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง

ตามความเห็นของท่านหลงแล้ว การที่เฉินตงถูกลอบสังหารในครั้งนี้ ถึงแม้จะตกอยู่ในอันตรายไม่น้อย แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้พิสูจน์ตัวเองที่หาได้ยากยิ่ง !

อาศัยเหตุการณ์ในครั้งนี้ แสดงให้คนทั้งโลกเห็นว่า ตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลเฉินของเฉินตงในบ้านตระกูลเฉินนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร

เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตระกูลหลี่ ทำให้เฉินตงเป็นที่จับตามองของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงไม่น้อย

มีทั้งคนที่รู้สึกหวาดกลัวและคนที่ต้องการจะผูกมิตร……ทำให้ตระกูลใหญ่ต่างมีลับลมคมใน

เป็นเพราะตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่งรู้ดีว่า ผู้ที่จะได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉินนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน เป็นเรื่องยากที่จะใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์ได้

อีกทั้งผู้สืบทอดมรดก “นอกคอก” ของตระกูลเฉินคนหนึ่ง อยู่ท่ามกลางตระกูลใหญ่ที่มีลับลมคมในเหล่านั้น จึงเห็นได้ชัดว่าสามารถ “ประสบความสำเร็จ” ได้ง่ายยิ่งกว่าผู้สืบทอดมรดกจริงของตระกูลเฉินเสียอีก

นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางมาของตระกูลจางและตระกูลฉู่ ซึ่งส่งผลให้เกิดการลอบฆ่าครั้งนี้ขึ้น

ไม่เพียงแต่ท่านหลงที่รู้สึกเช่นนี้เท่านั้น แม้แต่เฉินเต้าหลินเองก็ออกคำสั่งมาแล้วด้วยตนเองตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

ให้ใช้โอกาสในครั้งนี้ ประกาศให้ตระกูลใหญ่เหล่านั้นได้รู้ว่า ต่อให้เป็นผู้สืบทอดมรดก “นอกคอก” ของตระกูลเฉิน ก็ไม่ใช่คนที่พวกปลายแถวอย่างพวกเขาจะเข้ามาแตะต้องได้ตามอำเภอใจ !

หากการลอบฆ่า ไม่สามารถสืบหาความจริงให้กระจ่างได้

เช่นนั้น เลือดก็ต้องล้างด้วยเลือด !

ให้คนเหล่านั้นได้รู้ว่า ในฐานะที่เฉินตงเป็นผู้สืบทอดมรดก เพียงแค่มีดเล่มเดียวที่ทำร้ายเขา ก็สามารถทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต้องชดใช้ด้วยชีวิต !

ให้คนเหล่านั้นหวั่นเกรง หวาดกลัว และไม่กล้ากระทำการโดยประมาทกับเฉินตงอีก !

หมู่ตึกยู่ฉวน

โจวเย่นชิวรีบร้อนจนกระทั่งศีรษะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และหายใจเหนื่อยหอบ

เขาดูรายงานที่ทยอยส่งเข้ามาทีละฉบับและโกรธจนกัดฟันแน่น

“ไอ้พวกขยะ ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง !”

ปัง !

โจวเย่นชิวตะโกนด่าทอออกมา จากนั้นจึงโยนข้อมูลทั้งหมดลงถังขยะ

“เวลาหนึ่งคืน หนึ่งคืนเต็มๆ ยังหาเงื่อนงำอะไรไม่เจออีก แล้วจะให้ฉันเลือกขยะอย่างพวกแกเอาไว้ทำไมกัน ?”

ด้วยนิสัยและอารมณ์โดยปกติของโจวเย่นชิวแล้ว เป็นการยากที่จะเห็นเขาตะโกนด่าทอในลักษณะเช่นนี้

แสดงให้เห็นว่าครั้งนี้เขารู้สึกร้อนใจเหมือนถูกไฟลนก้นแล้วจริงๆ

เป็นเพราะโจวเย่นชิวรู้ดีว่า คำพูดที่ท่านหลงพูดว่า “ฆ่าให้หมด ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว” หมายรวมถึงตัวเขาด้วย !

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าผู้บงการในการลอบสังหารครั้งนี้ ได้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี นักฆ่าทั้งสิบกว่าคน เป็นนักฆ่ากล้าตายทั้งหมด เมื่อนักฆ่าสิบกว่าคนตายไป เบาะแสทั้งหมดก็แทบจะไม่หลงเหลืออยู่อีกเลย

ก๊อกๆ !

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ใคร ?”

โจวเย่นชิวตะโกนด้วยความรำคาญ

“ประธานโจว ฉัน ฉู่เจียนเจียเองค่ะ”

โจวเย่นชิวมีท่าทีอ่อนโยนลงเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดว่า : “คุณหนูฉู่ เชิญเข้ามาครับ”

ฉู่เจียนเจียผลักประตูเดินเข้ามา

“ได้เบาะแสบ้างหรือยังคะ ?”

โจวเย่นชิวชี้ไปยังกองข้อมูลที่กองอยู่บนพื้น : “เมื่อนักฆ่ากล้าตายสิบกว่าคนนั้นตายไปหมด เบาะแสก็ไม่หลงเหลืออีก สิ่งที่หน่วยข่าวกรองของผมสืบหามาได้ ก็เป็นข้อมูลเพียงผิวเผินเท่านั้น ไม่สามารถสาวไปถึงตัวผู้บงการได้”

ฉู่เจียนเจียขมวดคิ้วแน่น จากนั้นจึงถอนหายใจออกมา : “วางใจเถอะค่ะ ฉันติดต่อกลับไปที่ตระกูลแล้ว และสั่งให้หน่วยข่าวกรองของตระกูลฉู่ช่วยสืบหาอีกแรงแล้ว”

“เกรงว่าคงจะยากสักหน่อย”

โจวเย่นชิวถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ : “อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เรามีโอกาสสืบหาความจริงให้กระจ่างได้ คุณเชื่อหรือไม่ว่า นักฆ่ากล้าตายสิบกว่าคนเหล่านั้น ไม่ว่าสุดท้ายการลอบสังหารจะทำได้สำเร็จหรือไม่ พวกเขาก็จะกัดยาพิษในปากแล้วกลืนลงท้องเพื่อฆ่าตัวตายอยู่ดี ?”

ฉู่เจียนเจียพยักหน้าแล้วยิ้มเบาๆ : “ประธานโจวพูดถูกต้อง แต่ใครล่ะที่สามารถรวบรวมนักฆ่ากล้าตายจำนวนสิบกว่าคนได้ อีกทั้งยังกล้าเสียสละชีวิตคนนับสิบ และกล้าที่จะลองดีกับผลที่ตามมาจากการท้าทายตระกูลเฉิน ? อย่างน้อยตระกูลฉู่ของเราก็คงไม่กล้า”

โจวเย่นชิวผงะไปชั่วครู่ รู้สึกเหมือนตื่นจากฝัน

“ขอบคุณคุณหนูฉู่มากที่เตือนสติ ตอนนี้ผมพอจะรู้ทิศทางแล้ว การสืบหาน่าจะง่ายขึ้นมาก”

ฉู่เจียนเจียพยักหน้า : “ตอนนี้พวกเราต่างก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ตระกูลจางเองก็คงกำลังใช้หน่วยข่าวกรองด้วยเช่นกัน”

โจวเย่นชิวมีท่าทีตื่นเต้น……

เวลาบ่าย

ในที่สุดเฉินตงก็ฟื้นขึ้นมา

เมื่อเขาหันมองกู้ชิงหยิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย : “คุณรู้เรื่องแล้ว ?”

“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะไม่รู้ได้อย่างไร ?”

ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เธอหยิกแขนของเฉินตงแรงๆ หนึ่งครั้งด้วยความโกรธ : “คนโง่ ทำไมถึงทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายขนาดนี้นะ ? ตอนนี้คุณไม่รู้หรืออย่างไรว่า ไม่ได้มีแม่ของคุณเพียงคนเดียวเท่านั้นนะที่เป็นห่วงคุณ ?”

คิดว่าผมโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ !

เฉินตงรู้สึกจนใจ ใครจะไปรู้ล่ะว่า งานเลี้ยงจะกลายเป็นการลอบสังหารไปได้ ?

เพียงแต่ว่า เมื่อมองดูกู้ชิงหยิ่งที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง จู่ๆ เฉินตงก็นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะหมดสติไป

เขาตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อคืนกับฉู่เจียนเจีย……หรือว่า……

จู่ๆ เฉินตงก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset