Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 208 แพะรับบาป

ยังดีที่กู้ชิงหยิ่งไม่ทันสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเขา

เฉินตงรู้สึกผิดและโทษตัวเอง

แต่ความทรงจำของเขาเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนนั้นก็ดูจะเลือนรางเป็นอย่างมาก

เขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับฉู่เจียนเจียหรือไม่

คิดว่าควรจะหาเวลาถามฉู่เจียนเจียให้รู้เรื่อง แต่ว่าเรื่องทำนองนี้……ควรจะเอ่ยปากเช่นไรดี ?

เขาสูดหายใจเขาหนึ่งครั้ง และพยายามคิดความคิดที่วุ่นวายในสมองเอาไว้

แววตาของเฉินตงดูเย็นชาลงเล็กน้อย

ตระกูลจาง !

อาการแปลกๆ ของเขาที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เห็นได้ชัดว่าถูกวางยา

ถ้าหากนักฆ่าเป็นคนวางยา จะใช้ยาที่ทำให้รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัวเช่นนั้นหรือ ?

เห็นได้ชัดว่าตระกูลจางเป็นคนทำ

“วิธีการของตระกูลจางต่ำช้าจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อคืนยังเคราะห์ดี ผมคงจะต้องตายในที่เกิดเหตุไปแล้วแน่ๆ ?”

นี่คือความคิดของเฉินตง

ตอนที่ยาออกฤทธิ์ ทำให้เขาแขนขาอ่อนแรง ถ้าไม่ใช่เพราะคุนหลุนและกูหลังต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อปกป้องเขาเอาไว้ และให้ฉู่เจียนเจียแบกเขาออกมา ป่านนี้เขาคงจะตายไปแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะถูกตระกูลจางวางยา ด้วยฝีมือการต่อสู้ของเขา จะพลาดท่าโดนมีดแทงเช่นนั้นหรือ ?

“คุณคิดอะไรอยู่ ?”

กู้ชิงหยิ่งสัมผัสได้ถึงความโกรธที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินตง จึงรู้สึกกลัวเล็กน้อย

เฉินตงส่ายหัว จากนั้นจึงถามว่า : “ท่านหลงล่ะ ?”

“เขาออกไปสืบเรื่องเมื่อคืนแล้ว”

กู้ชิงหยิ่งโน้มตัวลงแล้วพูดเสริมว่า : “คุณรีบดูแลตัวเองให้หายดีเถอะ พวกเรายังไม่ได้บอกคุณป้า คุนหลุนกับกูหลังเองก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ตอนนี้พักอยู่ห้องข้างๆ ส่วนเรื่องลอบสังหาร พวกของท่านหลงจะต้องสืบหาความจริงให้กระจ่างได้อย่างแน่นอน”

เมื่อรู้ว่าคุนหลุนและกูหลังไม่เป็นอะไร เฉินตงเองก็แอบรู้สึกโล่งใจไม่น้อย

ตอนนี้เอง ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก

ท่านหลงเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าเฉินตงฟื้นแล้ว ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ท่านหลง สืบได้อะไรบ้าง ?” เฉินตงถาม

ท่านหลงส่ายหัวอย่างจนใจ : “สืบยากมากครับ ไม่เพียงแต่ฝั่งของโจวเย่นชิวที่พยายามสืบหาอย่างสุดความสามารถเท่านั้น แม้แต่เจ้าบ้านเองก็ใช้หน่วยข่าวกรองของตระกูลเพื่อสืบหา แต่ก็ยังมืดแปดด้าน”

เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาคงไม่บีบบังคับให้โจวเย่นชิวต้องเป็นผู้รายงานเพียงผู้เดียวเท่านั้น

อันที่จริงแล้ว ตอนที่เฉินตงเกิดเรื่อง ทันทีที่ได้รับข่าว ท่านหลงก็รีบรายงานเฉินเต้าหลินทันที

หน่วยข่าวกรองของตระกูลเฉิน เริ่มปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว

“แม้แต่ตระกูลเฉินก็สืบไม่ได้อย่างนั้นหรือ ?”

เฉินตงรู้สึกตกใจจนอ้าปากค้าง

ตระกูลเฉินถือเป็นตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุด มีฐานะที่สูงส่ง จึงมีหน่วยข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพถึงขั้นที่คนธรรมดาทั่วไปยากที่จะจินตนาการได้

“นักฆ่าทั้งสิบกว่าคนล้วนแล้วแต่เป็นนักฆ่ากล้าตายทั้งสิ้น ตอนนั้นคุนหลุนและกูหลังได้ทำการสังหารไปกว่าครึ่ง ส่วนคนที่เหลือที่ถูกจับกุมตัว ต่างก็กัดยาพิษที่ซ่อนเอาไว้ในปากเพื่อฆ่าตัวตาย ทำให้เบาะแสที่เหลือหายไปจนหมดสิ้น”

ท่านหลงขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ไม่เพียงเท่านี้ แม้กระทั่งที่มาที่ไปของนักฆ่าสิบกว่าคนนี้ก็ไม่มีใครรู้ ราวกับว่าไม่เคยมีคนสิบกว่าคนเหล่านี้อยู่บนโลกใบนี้มาก่อน แต่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา”

“แม้แต่หน่วยข่าวใต้ดินก็ไม่มีเบาะแสอะไรเลยหรือ ?” เฉินตงขมวดคิ้วแน่น

ท่านหลงพยักหน้า : “ไม่มีเลยครับ”

บรรยากาศภายในห้องพักผู้ป่วยเงียบสงัด

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที

จู่ๆ เฉินตงก็หัวเราะออกมา

“คนที่สามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างสะอาดหมดจดตั้งแต่ต้นจนจบเช่นนี้ได้ คิดว่าคงจะมีศักยภาพไม่น้อย”

เฉินตงเลิกคิ้วแล้วหันมองท่านหลง : “ท่านหลง คุณว่าตระกูลหลี่ หรือ……ตระกูลเฉินล่ะ ?”

เมื่อคำว่า “ตระกูลเฉิน” หลุดออกมาจากปาก ทำให้ท่านหลงแววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที

“คุณชายหมายความว่า……ภัยมืดอยู่ใกล้ตัว ?”

ท่านหลงได้สติทันที ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นหน่วยข่าวกรองของตระกูลเฉิน โจวเย่นชิว หรือแม้กระทั่งตระกูลจางและตระกูลฉู่ ต่างก็ไม่คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

เฉินตงพยักหน้า : “ถ้าจะพูดว่าสามารถปิดบังได้อย่างมิดชิด ก็มีคนจำนวนมากที่สามารถทำได้ แต่ถ้าหากไม่มีความแค้นต่อกัน พวกเขาก็คงไม่คิดโจมตีฉัน และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ จะต้องมีความกล้าด้วย !”

ท่านหลงขมวดคิ้วแล้วใคร่ครวญ

ถ้าคนที่มีทั้งความแค้นและความกล้าขนาดนี้ ก็คงจะมีเพียงตระกูลหลี่และตระกูลเฉินเท่านั้นที่น่าสงสัยที่สุด !

“กระผมจะกลับไปรายงานเจ้าบ้านเดี๋ยวนี้ครับ”

ท่านหลงหันหลังเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป

เฉินตงนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง

กู้ชิงหยิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ กะพริบตาปริบๆ จากนั้นจึงขยับริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอเอ่ยถามว่า : “เฉินตง เป็นไปได้จริงๆ หรือคะ ?”

แน่นอนว่า เธอหมายถึงตระกูลเฉินมีโอกาสเป็นผู้ลงมือลอบสังหาร

เฉินตงยิ้มกว้างออกมาอย่างมีเลศนัย : “ผลลัพธ์อาจจะออกมาไม่เหมือนที่เราคาดเดาเอาไว้”

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกงุนงง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อ

เวลาผ่านไปสองวัน

ภายใต้การสืบหาอย่างสุดความสามารถของโจวเย่นชิว ดูเหมือนว่าทั้งเมืองจะถูกทำให้ตื่นตระหนกขึ้นมา

หลังจากนั้น โจวจุนหลงเองก็ได้รับคำสั่งจากท่านหลง ให้สั่งหน่วยข่าวกรองของเขาให้ปฏิบัติการ

ดูเหมือนว่าภายใต้เมืองที่ดูสงบ จะมีพายุใหญ่ที่กำลังแอบก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ

ถึงขั้นว่าทำให้ตระกูลจางและตระกูลฉู่ต้องยอมร่วมมือกันเพื่อสืบหาความจริง

แม้กระทั่งเมืองหลวงเอง ก็ดูจะไม่สงบสุขนัก

ก่อนหน้านี้เมืองหลวงเพิ่งเจอมรสุมลูกใหญ่ของตระกูลหลี่

และการที่ตระกูลจางและตระกูลฉู่ร่วมมือกันเพื่อสืบหาความจริง ยิ่งทำให้มรสุมลูกนั้น ดูจะทวีความรุนแรงขึ้น

หลังจากที่ตระกูลใหญ่ต่างๆ รู้เรื่อง ต่างก็รู้สึกตกใจไปตามๆ กัน

การลอบสังหารผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉิน เท่ากับประกาศตัวเป็นศัตรูกับตระกูลเฉินโดยตรง !

ไม่ช้า ตระกูลใหญ่ต่างๆ ก็พุ่งเป้าไปที่ตระกูลหลี่ว่าเป็นผู้ต้องสงสัย

หากดูจากความแค้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลี่ขัดแย้งกับตระกูลเฉินมากที่สุด

เพราะเฉินตงเองก็เป็นคนดึงศักดิ์ศรีอันสูงส่งของตระกูลหลี่ลงมาเหยียบย่ำจนจมดิน

คฤหาสน์ปราสาทตระกูลหลี่

คุณท่านใหญ่หลี่นั่งอยู่อย่างหงอยเหงาที่ริมหน้าต่าง เขานั่งมองคนงานที่กำลังรีบซ่อมแซมสวนดอกไม้อยู่

ด้านหลัง หลี่เอซานยืนอยู่ด้วยท่าทีเคร่งขรึม : “พ่อครับ ตอนนี้คนข้างนอกต่างก็กำลังวิพากษ์วิจารณ์ว่าเราเป็นผู้บงการการลอบสังหารเฉินตงในครั้งนี้”

“สืบ ! ไปสืบหาความจริงมาให้ฉันให้ได้ !”

คุณท่านใหญ่หลี่พูดด้วยความโกรธ : “เรื่องสกปรกเช่นนี้ ตระกูลหลี่ของพวกเราไม่ยอมรับเด็ดขาด ฉันยังต้องการให้เฉินตงรับช่วงตระกูลหลี่ต่อ ยิ่งไปกว่านั้นฉันไม่กล้าไปท้าทายอำนาจของตระกูลเฉินหรอก”

เฉินตงและเฉินเต้าหลิน ทำลายเกียรติอันสูงส่งของตระกูลหลี่จนไม่เหลือชิ้นดีเพียงชั่วข้ามคืน

แต่ทว่าคุณท่านใหญ่หลี่ไม่โง่ขนาดนั้น

เขาไม่เคยมีความคิดที่จะลอบสังหารเฉินตงมาก่อน

เพราะนี่ไม่ต่างกับเฉินตงและเฉินเต้าหลิน ที่ใช้วิธียอมหักไม่ยอมงอ

“ตระกูลจางและตระกูลฉู่กำลังตามสืบทั่วเมืองหลวงจนแทบพลิกแผ่นดินแล้ว ก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย” หลี่เต๋อซานพูดอย่างจนใจ

“ถึงแม้พวกเราจะไม่พบเบาะแสอะไรก็ตาม แต่ก็จำเป็นต้องสืบ ที่เป็นเรื่องของการแสดงออก !”

แววตาของคุณท่านใหญ่หลี่เป็นประกายเหมือนมีไฟลุกโชน ตอนนี้ในเมื่อตกเป็นผู้ต้องสงสัย ถ้าหากไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจออกมา แล้วจะเป็นที่ยอมรับของคนภายนอกได้อย่างไร ?

“เข้าใจแล้วครับ” หลี่เต๋อซานค่อยๆ เดินออกไป

วันที่สาม

เฉินตงที่กำลังได้รับการปรนนิบัติดูแลอย่างดีจากกู้ชิงหยิ่งในระหว่างการพักฟื้นอย่างสบายใจ จู่ๆ ก็ถูกโจวเย่นชิวเข้ามาขัดจังหวะ

“ไม่รู้จักเคาะประตูหรืออย่างไร ?”

เฉินตงท่าทีเย็นชา แสดงออกถึงความไม่พอใจ

“ขอโทษด้วยครับคุณเฉิน”

โจวเย่นชิวหางตากระตุก เขารีบกล่าวขอโทษในทันที

“มีเรื่องอะไร ?” เฉินตงถาม

“สืบได้เรื่องแล้วครับ !”

คำพูดของโจวเย่นชิว ทำให้เฉินตงลุกนั่งขึ้นมา

จากนั้น โจวเย่นชิวก็รีบยื่นข้อมูลหนึ่งฉบับให้แก่เฉินตง

และในขณะเดียวกันก็พูดว่า : “นี่ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่ผมสืบหามาได้เท่านั้น ยังรวมไปถึงสิ่งที่หน่วยข่าวกรองของโจวจุนหลง ตระกูลจางและตระกูลฉู่ รวมไปถึงตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวงสืบหาออกมาได้ มีผลออกมารงกันทุกประการ”

ผลตรงกันทุกประการ ?

เฉินตงรู้สึกอึ้งเล็กน้อย

จากนั้นเขาจึงหยิบข้อมูลขึ้นมาอ่านดู

จังหวะนี้เอง

ท่านหลงก็เดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพอดี และเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องพักผู้ป่วย

ท่านหลงยิ้มอย่างจนใจ แล้วพูดว่า : “คุณชาย ไม่ต้องอ่านแล้วครับ นั่นคือแพะรับบาป”

แพะรับบาป ? !

เฉินตงผงะไป

โจวเย่นชิวหน้าถอดสีทันที เขาหันไปมองท่านหลงอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

ท่านหลงลูบคางของเขา แล้วพูดออกมาอย่างผิดหวัง : “สามารถทำให้ตระกูลตระกูลหนึ่งกลายเป็นแพะรับบาปได้ ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังคนนี้จะต้องมีอำนาจมากมายมหาศาลขนาดไหนกัน ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset