Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 213 แสดง !

ท่าทีที่จริงจังของฉินเย่

ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันรู้สึกประหลาดใจพร้อมกัน

จางหยู่หลันเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาอันงดงามของเธอเป็นประกาย เธอมองไปที่ฉินเย่ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ

ก่อนหน้านี้ฉันเคยรังเกียจที่เขาฆ่าพ่อของตัวเอง

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า จู่ๆ ตอนนี้ เขาจะมาช่วยพูดเพื่อขอความเห็นใจให้แก่ฉัน !

“จริงใจ ? มีอะไรไม่สบายใจ ?”

เฉินตงหลุดขำออกมา จากนั้นจึงยกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่ผ้าพันแผลที่อยู่บนหน้าอกของเขา แล้วพูดอย่างดุดันว่า : “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันโชคดี ป่านนี้ฉันคงไม่ได้มานอนอยู่ที่นี่หรอก คงจะถูกฝังอยู่ใต้ดินแล้ว !”

น้ำเสียงจริงจัง

ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาพร้อมกัน

“คุณ……” ฉินเย่โกรธจนหน้าแดง และกำลังอ้าปากพูด

แต่เฉินตงกลับพูดตัดบทของเขา : “หรือคุณคิดว่าชีวิตอันมีค่าของผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉินอย่างผม มีค่าเพียงแค่พันล้านกัน ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางหน้าถอดสีและรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

พันล้าน เทียบไม่ได้กับชีวิตของผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉินหนึ่งชีวิตจริงๆ

เรื่องนี้เขารู้ดีแก่ใจ

ตระกูลเฉินเป็นตระกูลที่มั่งคั่งที่สุด ใช่ว่าจะเอามาล้อเล่นกันได้ !

ผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉิน ต่อให้โอกาสที่จะเป็นเจ้าบ้านคนต่อไปจะมีอยู่น้อยมากก็ตาม แต่อย่างไรเสียฐานะผู้สืบทอดมรดกก็ยังคงเป็นของจริงอยู่

ถ้าหากชีวิตของผู้สืบทอดมรดกมีค่าเทียบเท่ากับเงินเพียงแค่พันล้านจริงๆ เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าถ้าหากตระกูลเฉินคิดอยากจะซื้อชีวิตของผู้สืบทอดมรดกของตระกูลใหญ่ตระกูลอื่น ก็สามารถซื้อได้อย่างง่ายดายหรอกหรือ ?

ที่คุณท่านใหญ่ตระกูลจางเสนอออกไปว่าพันล้าน

นั่นเป็นเพราะเขาคำนวณมาแล้วว่า ภายในระยะเวลาอันสั้น ตระกูลจางสามารถนำเงินสดออกมาได้มากที่สุดเพียงเท่านี้ !

ส่วนเงินที่เหลือ ได้ลงทุนไปในโครงการต่างๆ หมดแล้ว ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ !

“คุณเฉิน ฉันสำนึกผิดแล้ว หยู่หลันรู้สึกสำนึกผิดแล้วจริงๆ”

จู่ๆ จางหยู่หลันก็ร้องไห้ออกมา ตัวของเธอสั่นเทา น้ำตาไหลรินออกมาราวกับสายฝน

เธอรู้ดีว่า ตอนนี้มีฉินเย่ออกหน้าเพื่อช่วยพูดขอความเห็นใจให้แก่ตระกูลจางของเธอ ถ้าหากเธอยังดื้อรั้นอยู่ มีแต่จะทำให้ตัวเองต้องตกที่นั่งลำบาก

ในเวลาคับขันเช่นนี้ เหลือเพียงวิธีเดียวคือขอร้องให้เฉินตงยกโทษให้

ให้เธอกับปู่ได้เดินทางกลับเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด

เสียงร้องไห้ดังก้องอยู่ภายในห้องพักผู้ป่วย

แต่ใบหน้าของเฉินตงยังคงเย็นชา และไม่พูดไม่จา

“เฉินตง คุณยังเห็นผมเป็นพี่น้องอีกหรือเปล่า ?”

น้ำเสียงของฉินเย่ดุดันยิ่งขึ้น : “ถ้าในใจของคุณยังเห็นผมเป็นพี่น้องอยู่อีกล่ะก็ ก็ถือเสียว่าเรื่องนี้ให้แล้วกันไป พันล้านก็ถือว่าเพียงพอแล้ว จางหยู่หลันเองก็ยอมคุกเข่าให้คุณแล้ว หรือคุณจะต้องให้เธอชดใช้ด้วยชีวิตถึงจะพอใจ ?”

“ฉินเย่ ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะยอมพูดแทนคนนอกเช่นนี้ !”

ใบหน้าเย็นชาของเฉินตงหันมองไปที่ฉินเย่ด้วยความประหลาดใจ

“ผมไม่ได้พูดแทนคนนอก เพียงแต่รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะบลงได้แล้ว !”

ฉินเย่พูดพลาง ก็เดินตรงเข้าไปหาจางหยู่หลัน จากนั้นจึงยื่นมืออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น : “ลุกขึ้นเถอะ มีผมอยู่ วันนี้เขาไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก”

“ฉินเย่……”

ดวงตาของจางหยู่หลันสั่นไหว เธอจ้องมองฉินเย่ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยคาบน้ำตา

ตอนนี้ ในใจของเธอรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก

เธอรู้สึกกล่าวโทษตัวเองที่ก่อนหน้านี้เคยปฏิเสธเขาด้วยความรังเกียจ เพียงเพราะได้ยินข่าวที่ร่ำลือกันมา

“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้เห็นคุณ ผมก็ตกหลุมรักคุณทันที”

ฉินเย่ยิ้มโปรยเสนห์ออกมา แววตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่มั่นคง : “ผม ฉินเย่ เป็นสัตว์เดรัจฉานในสายตาของคนทั่วไป เป็นลูกที่ฆ่าพ่อของตัวเอง แต่ถ้าหากผมมีความรัก ไม่ว่าเทวดาหน้าไหนก็เข้ามาขวางผมไม่ได้ !”

เปรี้ยง !

จางหยู่หลันเนื้อตัวสั่นเทา รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า

ทันใดนั้นเอง เธอรู้สึกเหมือนตกอยู๋ในภวังค์ เธอยื่นมืออันเรียวงามของเธอออกไปให้ฉินเย่ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น

“หยู่หลัน หนู……” คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที

นี่เรากำลังมาขอรับผิดกับเฉินตงอยู่

ถึงแม้ฉินเย่จะเป็นคนของตระกูลฉิน แต่ฐานะก็ยังเทียบกับเฉินตงไม่ได้อยู่ดี

ตอนนี้จางหยู่หลันลุกขึ้น จะถือว่ารับโทษได้อย่างไร นี่ถือว่าเป็นการท้าทายชัดๆ !

พรึ่บ !

ฉินเย่ถือโอกาสโอบตัวของจางหยู่หลันที่กำลังร้องไห้อยู่เข้ามาไว้ในอ้อมกอด แล้วพูดอย่างดุดันว่า : “เธอเป็นผู้หญิงของผม ผมจะปกป้องเธอเอง !”

คำพูดนี้ ทำให้จางหยู่หลันหัวใจเต้นระส่ำ

และทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางพูดอะไรไม่ออก

เฉินตงหรี่ตาลง บรรยากาศหนาวเหน็บเริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

“ฉินเย่ ในสายตาของนาย ไม่มีพี่น้องคนนี้อยู่เลยหรือ ?”

จู่ๆ บรรยากาศภายในห้องพักผู้ป่วยก็หนาวเย็นขึ้นทันที

“เฉินตง แน่นอนว่าผมเห็นคุณเป็นพี่น้อง แต่คุณต่างหากที่ไม่เห็นผมเป็นพี่น้อง !”

ฉินเย่ยังคงใช้ท่าทีและคำพูดที่เชือดเฉือน เขาตะโกนกลับไปว่า : “ตระกูลจางมาขอรับโทษด้วยความจริงใจ แต่คุณยังคงติดใจเอาความอยู่ แล้วเรื่องที่ผมปกป้องจางหยู่หลัน คุณคิดที่จะติดใจเอาความด้วยหรือเปล่า ?”

ยังไม่ทันรอให้เฉินตงพูดตอบกลับมา

จู่ๆ ฉินเย่ก็ยกมือขึ้น แล้วชี้นิ้วไปยังมีดปอกผงไม้ที่วางอยู่ที่หัวเตียง

เป็นมีดปอดผลไม้ที่กู้ชิงหยิ่งวางเอาไว้เมื่อครู่

“หรือถ้าคุณยังรู้สึกว่ามันยังไม่พอ คุณก็เอามีดเล่มนั้นมาแทงผมสิ หนึ่งแผลแลกกับหนึ่งแผล !”

“ฉินเย่ !”

จางหยู่หลันรู้สึกตกใจมาก ดวงตาคู่สวยของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและฉาบไปด้วยแววตาของความหวาดกลัว

ทันใดนั้นเอง

บรรยากาศภายในห้องพักผู้ป่วยก็เงียบสงัด

ทุกคนต่างตกตึง

แต่เมื่อเทียบกับความตกตะลึงของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางแล้ว ที่พวกของเฉินตงทั้งสามคนรู้สึกตกตะลึงก็เป็นเพราะว่า……

นี่มันแสดงสมจริงเกินไปไหม ?

ทุกสิ่งดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง

ทันใดนั้นเอง กู้ชิงหยิ่งก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า : “เฉินตงคะ ฉันว่าพอแค่นี้เถอะ คุณกับฉินเย่เองก็เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน”

หลังจากได้ยิน

เฉินตงก็หันไปมองกู้ชิงหยิ่งด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

สาวน้อย ช่างแสดงได้ถูกเวลาเสียจริง ?

เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วก้มหน้าลง และพูดด้วยความจนใจ : “ไปเถอะ”

หลังจากได้ยินคำนี้

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการให้อภัย เขาตัวสั่นไปทั้งตัว

“ขอบคุณคุณเฉิน ขอบคุณคุณเฉิน”

ดวงตาของจางหยู่หลันสั่นไหว มีน้ำตาไหลรินออกมาราวกับสายฝน

“ไปกันเถอะ”

ฉินเย่มีท่าทีที่อ่อนโยนลง เขากอดจางหยู่หลันเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งก็ประคองคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเดินออกจากห้องไป : “เฉินตง เรื่องนี้ถือว่าผมติดค้างคุณแล้ว ขอบคุณมาก”

แววตาของเฉินตงลึกซึ้ง เขานั่งมองทั้งสามคนเดินจากไป

“เฮ้อ……”

เขาเอนตัวลงไปที่หัวเตียง แล้วถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงหันมองกู้ชิงหยิ่งด้วยความโล่งใจ : “ถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะได้คุยช่วยพูดแทนผมหนึ่งประโยคล่ะก็ ผมไม่รู้จะต่อบทคำพูดของเจ้าหมอนั่นอย่างไรดีจริงๆ”

บรรยากาศภายในห้องผ่อนคลายลงทันที

“พวกคุณแสดงกันสมจริงเกินไปแล้ว”

กู้ชิงหยิ่งหันมองอย่างตำหนิ

ส่วนท่านหลงที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาตั้งแต่ต้นจนจบก็หัวเราะเสียงดังออกมา : “ถ้าไม่แสดงให้สมจริงสักหน่อย ปู่หลานตระกูลจางจะยอมเชื่อได้อย่างไร ?”

เฉินตงพยักหน้า จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า : “เรื่องนี้จะต้องจำเอาไว้ให้แม่น เจ้าหมอนั่นพูดเองนะว่าเขาติดค้างพวกเราอยู่”

ขณะที่พูด เขาก็บิดขี้เกียจ แล้วขยับมือทั้งสองข้าง

“ท่านหลง ช่วยผมทำเรื่องย้ายออกจากโรงพยาบาลหน่อย พักอยู่ที่นี่มาตั้งหลายวัน น่าจะเพียงพอแล้ว”

“คุณชาย……”

“คนโง่……”

ท่านหลงและกู้ชิงหยิ่งหน้าถอดสีพร้อมกัน

เฉินตงส่ายหัว : “พอแล้ว ที่เหลือค่อยพักฟื้นหลังจากออกจากโรงพยาบาล เอาแต่พักอยู่ในโรงพยาบาลตลอดเช่นนี้ เรื่องในบริษัทเองผมก็ไม่วางใจ อีกอย่าง ถ้าหากพักที่นี่ต่อไปอีกล่ะก็ เรื่องนี้คงจะปิดแม่ของผมไม่มิดอีกต่อไปอย่างแน่นอน”

เฉินตงพูดอย่างแน่วแน่ ทำให้กู้ชิงหยิ่งและท่านหลงไม่อาจพูดอะไรมากได้อีก

ท่านหลงช่วยเฉินตงทำเรื่องย้ายออกจากโรงพยาบาลแล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว

ตอนที่ทั้งสามคนเดินทางกลับถึงเขตวิลล่าเขาเทียนซาน

ฉินเย่กำลังส่งข้อความให้เฉินตงพอดี

เมื่อเปิดอ่านดู

“คืนนี้ฉันไม่กลับไปกินข้าวแล้ว คุณท่านใหญ่ตระกูลจางกลับเมืองหลวงไปตามลำพัง ส่วนหยู่หลันจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักระยะ”

เฉินตงอึ้งไป

รวดเร็วขนาดนี้เลยหรือ ?

เขารู้สึกตกตะลึงจริงๆ ไอ้หมอนี้คือเสือผู้หญิงของแท้เลย !

เฉินตงอึ้งไปสักพัก จากนั้นจึงส่งข้อความตอบกลับไปว่า : “อย่าลืมป้องกันให้ดี”

ข้อความของฉินเย่ก็ตอบกลับมาภายในเสี้ยววินาทีเช่นกัน

“ไอ้บ้าเอ๊ย ! ขอบคุณมาก ! พรุ่งนี้รอฟังข่าวดีจากผม ยังไงคืนนี้เธอเสร็จผมแน่ !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset