Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 215 ฝังพี่น้องของฉัน ?

ปัง !

มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น จากนั้นสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป

สีหน้าของเฉินตงหมองหม่นลงทันที ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่

“พวกเขา” ที่ฉินเย่พูดถึง เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่เขารู้จัก แต่ทว่าเป็นใครกันแน่

“คุณชาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?” ทานหลงเอ่ยถาม

“มีคนคิดจะฆ่าฉินเย่”

เฉินตงกัดฟันพูดแล้วลุกขึ้น : “แม่ครับ เสี่ยวหยิ่ง ฟ่านลู่ พวกคุณทานข้าวกันไปก่อน ท่านหลงกับผมจะไปดูสักหน่อย”

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารหน้าถอดสีทันที

ท่านหลงรีบลุกขึ้น

กู้ชิงหยิ่งนั่งมองตาปริบๆ และกำลังที่จะอ้าปากพูด

แต่หลี่หลานกลับกดไหล่ของเธอเอาไว้เบาๆ เพื่อเป็นการห้ามปราม

“ระวังตัวด้วย !” หลี่หลานกำชับ

เฉินตงหันมองกู้ชิงหยิ่งหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงหะนไปพยักหน้ากับผู้เป็นแม่

หลังจากที่เฉินตงและท่านหลงออกไปแล้ว

หลี่หลานจึงหันมองกู้ชิงหยิ่งที่สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวลอย่างอ่อนโยน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า : “ป้ารู้ดีว่าหนูเป็นห่วงตงเอ๋อ แต่หนูต้องรู้ว่า การเลือกเจ้าบ้านของตระกูลเฉินนั้น จะถูกคัดสรรมาจากผู้ที่สามารถเอาชีวิตรอดและกุมชัยชนะได้ ผู้ชนะคือราชา เจ้าบ้านไม่อาจเลี้ยงให้เติบโตอยู่ภายในเรือนกระจกได้ การนองเลือดและการฆ่าฟันเท่านั้น จึงจะสามารถสรรหาคนที่เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าบ้านได้อย่างแท้จริง”

เป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมา

แต่ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ

เฉินตงต้องการขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉิน หนทางข้างนากจึงจำเป็นต้องพบเจอกับความลำบากยากเข็ญ เช่นเดียวกับที่เฉินเต้าหลินเคยเจอในตอนนั้น

……

บนรถโรลส์-รอยซ์

เฉินตงนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ ใบหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

เขาพยายามต่อสายโทรศัพท์หาฉินเย่ติดต่อกันถึงสามครั้ง ทำให้เขาแน่ใจว่าโทรศัพท์ของฉินเย่เสียแล้วแน่นอน

เมื่อไม่มีช่องทางการติดต่อ ก็ยากที่จะรู้ตำแหน่งที่อยู่ที่ชัดเจนของฉินเย่ได้

ถ้าต้องการหาฉินเย่ให้พบ คงต้องอาศัยวิธีการของเขาแล้ว

“ท่านหลง……” เฉินตงพูดออกมาอย่างเคร่งเครียด

แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ

จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาตัดบทสนทนาของเฉินตง

เป็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา

เฉินตงกดรับสายโทรศัพท์

“เฉิน คุณเฉิน……ฉินเย่ ฉินเย่ตกอยู่ในอันตราย !”

จางหยู่หลัน !

เฉินตงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“คุณอยู่ที่ไหน ?” น้ำเสียงของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก

ปลายสาย จางหยู่หลันกำลังร้องไห้อยู่ น้ำเสียงของเธอสะอึกสะอื้น และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็พูดชื่อสถานที่ออกมาได้อย่างรวดเร็ว

สิบนาทีผ่านไป

ในที่สุดเฉินตงก็หาจางหยู่หลันในย่านใจกลางเมืองจนพบ

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน จางหยู่หลันนั่งขดตัวอยู่คนเดียวบนขอบถนน ตัวของเธอสั่นเทา

รอบๆ มีคนมุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก และมีหลายคนที่คอยยืนดูแลอยู่ข้างๆ

เห็นได้ชัดว่าที่เมื่อครู่จางหยู่หลันโทรศัพท์เข้ามานั้น เป็นการขอความช่วยเหลือจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมา

เมื่อเห็นเฉินตง จางหยู่หลันก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยโฮออกมาทันที

“เลิกร้องได้แล้ว !”

เฉินตงมีท่าทีเย็นชา และดุเสียงเข้ม : “ฉินเย่อยู่ที่ไหน ?”

ท่าทีเย็นชา และน้ำเสียงที่ดุดัน

ทำให้คนที่ยืนอยู่โดยรอบต่างขมวดคิ้ว

ผู้หญิงที่สวยสดงดงามอย่างจางหยู่หลัน ร้องไห้ถึงขนาดนี้ คนที่ยืนอยู่รอบข้างต่างรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย

แต่เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ กลับมีทีท่าเช่นนี้ ?

“พี่ชาย พูดให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม ไม่เห็นเหรอว่าคุณหนูท่านนี้กำลังร้องไห้อยู่ ?”

มีคนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมา

“เข้ามาสิ ?”

เฉินตงหันหน้ากลับไปจองคนที่พูดด้วยท่าทีที่น่ากลัว ทำให้คนผู้นั้นรู้สึกกลัวจนหัวหด แล้วเดินถอยหลังกลับเข้าไปยืนในฝูงชน

“ตอนนี้ฉันสั่งให้เธอหยุด แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟัง ขึ้นรถไปกับฉัน !”

ราวกับว่ามีความหนาวเย็นแผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินตง เขาหันหลังเดินกลับขึ้นรถโรลส์-รอยซ์ไป

คนที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างก็รู้สึกหวาดกลัว ค่อยๆ ถอยร่นลงไป เพื่อเปิดทางให้แก่เขา

หลังจากขึ้นรถ

ในที่สุดจางหยู่หลันก็ร้องไห้แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกมา

“ฉินเย่ ถูกคนของตระกูลฉินจับตัวไปแล้ว”

เปรี้ยง !

เฉินตงรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ท่านหลงที่กำลังขับรถอยู่ก็หน้าถอดสีด้วยเช่นกัน

ไม่แปลกใจเลยที่จางหยู่หลันเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายขนาดนี้

หากเป็นตระกูลฉิน ต่อให้ลงข่าวหน้าหนึ่ง ก็คงไม่มีใครสนใจ

“คนตระกูลฉิน ฆ่าฉินเย่ ?”

เฉินตงหันไปมองท่านหลงด้วยความงุนงง

ท่านหลงเองก็เหลือบมองเฉินตง ทั้งสองมองหน้ากันไปมา และรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก

“เขาอยู่ไหน ?” เฉินตงถาม

“ไม่ ไม่รู้ พวกเขาบอกแค่ว่าจะฝังฉินเย่ !” จางหยู่หลันนั่งตรงเบาะหลังด้วยท่าทีที่สิ้นหวัง ดวงตาของเธอแดงก่ำ น้ำตาไหลรินลงมาราวกับสายฝน

ฝังแล้ว ? !

เฉินตงขมวดคิ้ว เกิดความคิดขึ้นในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว

จู่ๆ เขาก็นึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งออกมาได้

“ท่านหลง ไปที่สุสานจิ่วหลงซาน”

“คุณชายแน่ใจหรือครับว่าอยู่ที่นั่น ?”

“ที่ที่ฉันพอจะนึกออกว่าเหมาะที่จะฝังคนก็คงจะหนีไม่พ้นสุสานแล้ว ชั่วดียังไงฉินเย่ก็เป็นคนตระกูลฉิน ในเมื่อคนตระกูลฉินต้องการจะฝังฉินเย่เพื่อรักษาหน้าตา ก็คงไม่ใจร้ายใจดำถึงขั้นจะฝังที่ไหนก็ได้หรอกกระมัง ?”

ท่านหลงลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็หันหัวรถกลับ แล้วขับมุ่งหน้าไปยังสุสานจิ่วหลงซาน

แต่เพื่อความปลอดภัย เขาจึงใช้โทรศัพท์โทรติดต่อกับผู้เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดไปตลอดทางว่าพอจะมีเบาะแสหรือไม่

บรรยากาศภายในรถเงียบสงัด

เห็นได้ชัดว่าจางหยู่หลันตกอยู่ในอาการตกใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะนั่งอยู่ที่เบาะหลัง แต่ก็ยังคงนั่งขดตัวอยู่

เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตายังคงไหลอาบสองข้างแก้ม

จู่ๆ เสียงของเฉินตงก็ดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัด : “ท่านหลง ตระกูลใหญ่มีกฎเกณฑ์เช่นนื้ หากพวกเขาถูกขับไล่ออกจากวงศ์ตระกูล ก็จะต้องรีบกำจัดให้สิ้นซากอย่างนั้นหรือ ?”

“น่าขำสิ้นดี !”

ท่านหลงหัวเราะเยาะออกมา : “ไม่มีตระกูลใหญ่ตระกูลไหนที่จะใจแคบถึงขั้นนี้หรอก ในเมื่อเป็นตระกูลใหญ่ ก็ใช่ว่าจะถูกใครคนใดคนหนึ่งในตระกูลสั่นคลอนฐานะเอาได้ง่ายๆ ในเมื่อถูกขับไล่ออกมาแล้ว นั่นก็ถือเป็นฝันร้ายของคนที่ถูกขับไล่ออกมา สำหรับตระกูลใหญ่แล้ว ไม่มีความสำคัญเลยสักนิด”

“สมาชิกในตระกูลทุกคน ต้องพึ่งใบบุญของวงศ์ตระกูล ถึงจะมีโอกาสเจริญก้าวหน้าได้ ส่วนคนที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลนั้น ก็เหมือนคนที่ตัดปีกของวงศ์ตระกูล”

ท่านหลงเงียบไปสักพัก แล้วจึงพูดต่อว่า : “ยิ่งไปกว่านั้น หากยังมีตระกูลใหญ่ที่มีความคิดที่ใจแคบเช่นนี้อยู่จริง คุณชายคิดว่าจะสามารถพัฒนาขึ้นไปเป็นตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่งได้หรือไม่ ?”

เฉินตงลูบจมูกแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

อันที่จริงแล้ว การที่จะสามารถขึ้นเป็นตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่งและยืนอยู่ได้อย่างเต็มภาคภูมิในจุดที่อยู่สูงสุดได้นั้น จะต้องอาศัยวิธีการและความสามารถเป็นหลัก แต่การรู้จักเห็นอกเห็นใจก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน

เพียงเพราะถูกขับไล่ออกจากตระกูล จึงต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก เรื่องนี้ไม่ทำให้สมาชิกในวงศ์ตระกูลดูไร้คุณธรรมไปหน่อยหรือ ?

เพียงแค่ถูกขับไล่ออกจากวงศ์ตระกูล แต่ก็ยังมีโอกาสกลับไปกราบไหว้บรรพบุรุษได้นี่

ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลใหญ่นั้นเห็นแก่ชื่อเสียงและหน้าตาเป็นที่สุด เรื่องเช่นนี้หากแพร่งพรายออกไป มีแต่จะทำให้วงศ์ตระกูลต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง

ทางค่อยๆ แคบลง จนในที่สุดก็ไม่มีถนนให้ไปต่อ

“แล้วทำไมฉินเย่ถึงต้องถูกกำจัดด้วย ?”

เฉินตงพึมพำออกมาเบาๆ สิ่งที่คือสิ่งที่เขารู้สึกสงสัยอยู่ในใจที่สุด

ตอนนั้นหลังจากที่ฉินเย่ฆ่าพ่อของตัวเองแล้ว เขาก็ได้เงินนับหมื่นล้านเพื่อซื้อชีวิตของตนเองจากตระกูลฉิน จนทำให้ตระกูลฉินขึ้นแท่นเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในซีสู่

แต่หลังจากนั้น ตระกูลฉินก็เลี้ยงดูฉินเย่ราวกับว่าเขาเป็นคนไร้ค่า

หลังจากฉินเย่ใช้ชีวิตให้หมดไปวันๆ เพื่อรอคอยความตาย ในที่สุดเขาก็เต็มใจที่จะถูกขับไล่ออกจากวงศ์ตระกูล

หากพูดกันตามเหตุผลแล้ว เขาไม่ควรถูกฆ่าไม่ใช่หรือ ?

ตอนนี้เอง

มีคลิปวิดีโอถูกส่งมายังโทรศัพท์ของท่านหลง

ท่านหลงขับรถไปพลาง เปิดคลิปวิดีโอดูไปพลาง

จากนั้นจึงหัวเราะเยาะตัวเอง : “แก่แล้ว แก่แล้วจริงๆ สมองเลยสู้คุณชายไม่ได้ เป็นเหมือนกับที่คุณชายคิดเอาไว้ไม่มีผิด ฉินเย่ถูกคนจับตัวขึ้นไปบนสุสานจิ่วหลงซาน”

เฉินตงสีหน้าเคร่งเครียด

บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยเจนตาฆ่าที่รุนแรง

ทำให้ท่านหลงและจางหยู่หลันรู้สึกหวาดกลัวจนเสียวสันหลัง

“คิดที่จะฝังพี่น้องของฉันในสุสานอย่างนั้นหรือ ? วันนี้ฉันจะรอดูซิว่า ใครจะฝังใครกันแน่ ?”

ในขณะเดียวกัน

ภายในสุสานจิ่วหลงซาน

มีหลุมศพอยู่เป็นจำนวนมาก

บรรยากาศยามค่ำคืนมืดมิด

ชวนให้รู้สึกขนลุก

“โอ๊ย !”

เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัดของสุสาน

มีฝูงกาฝูงใหญ่บินขึ้นจากในป่าบนภูเขาที่อยู่ไกลออกไป

มีเสียงร้องของกางที่แสบแก้วหูดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด……

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset