Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 216 มีดเฉือนร่างยี่สิบครั้ง!

ท้องฟ้ายามค่ำคืน

ฝูงกาบินวน และส่งเสียงครวญคราง

เหมือนระฆังแห่งความตาย

ในป่าใกล้สุสาน

ขณะที่แสงไฟส่องระยิบ

ฉินเย่ถูกมัดไว้บนต้นไม้ใหญ่

สวมชุดลำลอง ที่ขาดรุ่งริ่ง เลือดสดๆที่ไหลหยดเต็มร่างกาย อย่างกับศพเลือด

ต้นไม้บนลำตัวเหนือศีรษะของเขา ถูกตอกด้วยเชือกเหล็กสองคู่ที่แขวนลงมาในแนวตั้ง

ตะขอเหล็กที่แหลมคม เจาะทะลุผ่านกระดูกสะบักของเขา ปลายตะขอสีขาวที่เปื้อนเลือดเนื้อเล็กน้อยส่องประกายเย็นยะเยือกภายใต้แสงไฟ

ความเจ็บปวดที่รุนแรง ทำให้ร่างกายของฉินเย่สั่นไม่หยุด

ใบหน้าของเขาดูซีดเผือดไร้สีเลือด

เสียงร้องของความเจ็บปวดที่ ซึ่งมันถูกบีบออกมาจากฟันของเขา

แต่ดวงตาของเขายังคงสว่างไสวราวกับดวงดาว และในนั้นมันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

ฉึก..ฉึก..ฉึก…ฉึ……….

เสียงพลั่วขุดดินดังรอยมา จากไม่ไกล

ในความคลุมเครือ ยังสามารถมองเห็นเงาร่างที่บิดเบี้ยวของพลั่วที่กำลังแกว่งไปมาในป่า

พรึบ!

ชายวัยกลางคนตรงหน้าเขา ใช้ใบมีดกรีดกล้ามเนื้อบนไหล่ของฉินเย่จนฉีกขาด

เนื้อหนังพลิกออกในทันที เลือดสดๆไหลทะลักออกมา

ฉินเย่สั่นสะท้านไปทั้งตัว และส่งเสียงครวญครางออกจากลำคอเล็กน้อย

“ อึดมากสินะ ตอนตะขอเหล็กเจาะผ่านสะบักแกกรีดร้องเสียงดัง แต่กับบาดแผลสิบสามแผลบนร่าง แกแค่แค่นเสียงคร่ำครวญเท่านั้น ”

แม้ว่าชายวัยกลางคนจะกำลังยิ้ม แต่ยังคงสัมผัสถึงความเยือกเย็นในตัวเขา และเขาส่ายหัวแสร้งทำเป็นเสียใจ “ น่าเสียดายจริงๆ ความสามารถและจิตใจที่แข็งกล้าของแก ถ้าอาศัยอยู่ในตระกูลฉินอย่างสงบ แกย่อมมีคุณสมบัติที่จะแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลในอนาคตข้างหน้า แม้ว่านายจะกินอยู่อย่างฆ่าเวลาไปวันๆ แกก็ยังสามารถอยู่รอดไปจนถึงวันที่แก่ตาย ”

“ แต่นายดันจะหนีออกมา นี่ถือเป็นความเสียหายของตระกูลฉินจริงๆ ”

ฉินเย่ค่อยๆเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่เปื้อนเลือดราวกับเป็นสัตว์ป่าที่กินคน

สายตาที่โกรธแค้น มองชายวัยกลางคนด้วยความอาฆาต

ฉินเย่ยิ้ม

ด้วยความเจ็บปวดจากแผลบนมุมปาก ทำให้รอยยิ้มของเขาดูดุร้ายและน่ากลัว

“ ถุย!”

น้ำลายที่ปนเปื้อนด้วยเลือด ถุยใส่หน้าชายหนุ่ม

ฉินเย่ยิ้มแล้วพูดว่า “อาสาม คุณไม่กลัวว่าผมจะฆ่าคุณด้วยเหรอ? ”

ใช่แล้ว ชายวัยกลางคนผู้นี้ คืออาสามของฉินเย่ ฉินเจิ้งตระกูลฉิน

ฉินเจิ้ง กะพริบตาด้วยความโกรธ

เขาเช็ดเลือดบนใบหน้าออกอย่างใจเย็น และมองหน้าฉินเย่ด้วยความชั่วร้าย “ ไม่ต้องกังวล หลุมทางนั้นที่ขุดไว้ให้แก ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ”

ฉินเจิ้ง ถอยหลังออกไปสองก้าว บิดเอวยืดเส้นยืดสาย แล้วเอามีดที่ถืออยู่ในมือเสียบไว้บนต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ

“ เย่เอ๋อเอ๊ย จะว่าไปแกก็ถือว่าเป็นหงส์มังกรในตระกูลฉิน แต่น่าเสียดาย ที่แกไม่มีโอกาสได้ฆ่าอาสามแล้ว อีกสักพักแกก็จะได้ลงไปนอนในหลุมนั้นแล้ว”

“ ตระกูลฉินก็ถือว่าเมตตาแกมากแล้ว ที่ไม่ทิ้งขว้างศพแกไว้ในป่าร้าง แถมยังฝังแกไว้ในสุสานที่ดีที่สุดของเมืองนี้ ก็นับว่าเป็นบุญของแกแล้ว แน่นอนนี่ก็เป็นความปรารถนาของอาสามเช่นกัน ตอนแกกลายเป็นผี ก็ไม่ต้องคิดถึงอานะ!”

ฉินเจิ้งค่อยๆนั่งลงบนหิน จุดบุหรี่ สูบเข้าอย่างชื่นใจ และพ่นควันออกทางลมหายใจ

เขาหัวเราะเยาะตัวเอง “อันที่จริงอาสามก็นับถือแกนะ แกแน่มาก ที่กล้าฆ่าพ่อตัวเอง ถึงแม้ว่าพ่อของแกจะเป็นพี่ชายคนรองของอา แต่อาก็คิดว่าแกทำได้ถูกแล้ว แต่นายยังฆ่าได้ง่ายเกินไป แกควรจะทำเหมือนกับที่อากำลังทำกับแกอยู่ ค่อยๆทรมานช้าๆ จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ”

ขณะที่พูด ดวงตาของฉินเจิ้งฉายแววดุร้าย

ทันใดนั้นเขาหันกลับไปจ้องฉินเจิ้งด้วยความโกรธ “แกฆ่าก็ฆ่าแล้ว ออกจากตระกูลฉินก็แล้ว แต่เรื่องที่แกทำ มันกำลังบังคับให้ตระกูลฉินฆ่าแกชัดๆ เย่เอ๋อเอ๊ย แกนี่มันโง่จริงๆเลย”

น้ำเสียงที่แฝงด้วยความสงสาร

ฉินเย่กลับยิ้มอย่างเหยียดหยาม “แมวร้องไห้ หนูแกล้งเมตตา”

ความเจ็บปวด ทำให้เขาพูดออกมาอย่างสะอึกสะอื้น

“ห้ามพูดจาไร้มารยาทเช่นนี้ แกมันดื้อรั้นอกตัญญูจริงๆ!”

ฉินเจิ้งลุกขึ้นทันที และดึงมีดออกจากต้นไม้

พรึบ!

ร่างกายของฉินเย่สั่นสะท้าน ถูกเฉือนไปอีกแผลหนึ่งบนแขนด้านซ้าย เลือดสาดกระเด็นไปทั่ว

แต่เขายังคงแค่ส่งเสียงคร่ำครวญออกมาเล็กน้อย

อากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

ขี้ดินที่ติดเปื้อนใต้เท้าของฉินเย่ ก็เปียกปอนไปด้วยเลือด

ความเจ็บปวดทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว ราวกับบ้าคลั่ง มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนไป นั่นก็คือดวงตาอันสว่างคมชัดที่เต็มไปด้วยเกลียดชัง

“เจ้าบ้านออกคำสั่ง ให้เฉือนร่างแกยี่สิบครั้ง ก่อนที่จะเอาแกไปฝัง ยังเหลืออีกตั้งหกครั้งน่ะ!”

ฉินเจิ้งน้ำเสียงเย็นชา แววตาดุร้าย มือขวากำมีดที่เลือดไหลหยด และมีอาการตัวสั่นเล็กน้อย

ในฐานะคนตระกูลฉิน ที่เคยผ่านความลำบากมามากมาย

แต่ในขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับฉินเย่ เขายังคงมีความหวาดกลัว

“ ฉันก็ถือว่าเมตตาแกพอสมควรแล้ว ที่ไม่ไปหาเรื่องหญิงสาวคนนั้น ทำไมแกยังต้องเกลียดชังฉันเช่นนี้ ”

ฉินเจิ้งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“นั่นมันเป็นเพราะคุณเกรงกลัวอำนาจ……ตระกูลจางต่างหาก!” ฉินเย่กล่าวอย่างดูถูก

“ หุบปาก!”

ครั้งที่สิบห้า เฉือนลงอย่างเหี้ยมหาญ

หากเป็นผู้อื่น คงต้องส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างกับฆ่าหมู แต่ฉินเย่กลับแข็งแกร่งจนทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัว

“ แกจะเกลียดฉันไม่ได้นะ นี่เป็นคำสั่งจากทางบ้าน ไอ้ลูกอกตัญญู สมควรตาย” ฉินเจิ้งรูม่านตาหดเกร็ง

ความกลัวที่ส่องระยิบระยับผ่านทางดวงตา

เพียงแค่จ้องตากัน

พลังของอาสามคนนี้ก็ดูเหมือนจะพ่ายแพ้ให้กับรุ่นหลานอย่างฉินเย่ไปแล้ว

ฉินเย่ทนความเจ็บปวดอย่างทุกข์ทรมาน และเป่าลมหายใจออกแรงๆ เขาหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

“ ตราบใดที่ผมยังไม่ตาย ผมจะทำลายล้างตระกูลฉินด้วยมือของผมเอง ”

“ แกตายแน่ ”

พรึบ!ครั้งที่สิบห้า เฉือนลงอย่างเหี้ยมหาญ

หากเป็นผู้อื่น คงต้องส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างกับฆ่าหมู แต่ฉินเย่กลับแข็งแกร่งจนทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัว

“ แกจะเกลียดฉันไม่ได้นะ นี่เป็นคำสั่งจากทางบ้าน ไอ้ลูกอกตัญญู สมควรตาย” ฉินเจิ้งรูม่านตาหดเกร็ง

ความกลัวที่ส่องระยิบระยับผ่านทางดวงตา

เพียงแค่จ้องตากัน

พลังของอาสามคนนี้ก็ดูเหมือนจะพ่ายแพ้ให้กับรุ่นหลานอย่างฉินเย่ไปแล้ว

ฉินเย่ทนความเจ็บปวดอย่างทุกข์ทรมาน และเป่าลมหายใจออกแรงๆ เขาหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

“ ตราบใดที่ผมยังไม่ตาย ผมจะทำลายล้างตระกูลฉินด้วยมือของผมเอง ”

“ แกตายแน่ ”

พรึบ!

พรึบ!

มีดเฉือนลง ครั้งที่สิบหก

เลือดสดๆไหลทะลักออกมา

ร่างของฉินเย่เต็มไปด้วยเลือดที่กำลังไหลหยด เขากัดฟันทนความเจ็บปวด และไม่หยุดที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

และเขายังคงจ้องมองฉินเจิ้ง ด้วยสายตาที่ดุร้าย

“ บัดซบเอ๊ย ตระกูลฉินผู้ซึ่งมีนามเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเมือง ที่แท้ก็เป็นได้แค่ พวกเดรัจฉานสวมเสื้อผ้า”

พรึบ!

มีดเฉือนลง ครั้งที่สิบเจ็ด

สมาชิกของตระกูลฉินหลายคนที่ขุดหลุมอยู่ไม่ไกล ก็กำลังหันมามอง

ทุกคนต่างหน้าซีด หวาดกลัว และเกรงจนตัวสั่น

จากนั้นพวกเขาก็หันกลับไปถือพลั่วขุดหลุมต่อ แต่มืออ่อนแรงไปทั้งสองข้างและสั่นเล็กน้อย

“ ในฐานะที่ผมเกิดมาในตระกูลฉิน ฉินเย่โปรดขอให้ตระกูลฉินฆ่าผมเถิด”

เสียงแห่งความตาย ดังก้องไปทั่วป่า

ชั่วค่ำคืน เสียงร้องของอีกาดังยิ่งกว่าเดิม

ฉินเจิ้งตัวสั่นมากขึ้น ขณะที่สบตาฉินเย่ ทำให้เขารู้สึกหนาวเย็นจากปลายฝ่าเท้าขึ้นมาจนถึงหัวศีรษะ

พรึบ!

มีดเฉือนลง ครั้งที่สิบแปด

ฉินเย่พลันหัวเราะออกมา เลือดไหลออกมาจากปากและจมูก

แต่แววตาของเขายังคงไม่เปลี่ยน

“ ฉินเย่จะเป็นคนที่ฆ่าพ่อและทำลายล้างตระกูลฉินเอง ผมขอสาบานต่อคุณแม่ในที่นี้!”

ตูมมม!

ฉินเจิ้งราวกับถูกฟ้าผ่า

ทันใดนั้น เขาหน้าเกรงอย่างสุดขีด และในเวลาเดียวกันเขารู้สึกหวาดกลัวในใจ

“ บ้าเอ๊ย แกมันบ้า เจ้าบ้านพูดไม่ผิดจริงๆ แกมันสมควรตาย”

พรึบ!

มีดเฉือนลง ครั้งที่สิบเก้า

ฉินเจิ้งหัวเราะอย่างสะใจ “ แก..แกไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะ หลุมตรงนั้นขุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เฉือนลงครั้งสุดท้ายนี้ อาสามจะส่งแกขึ้นสวรรค์เอง คำสาบานของแกมันก็เป็นได้แค่เรื่องไร้สาระ”

ฉึกกก!

มีดถูกยกขึ้นอย่างแรง ละส่องแสงประกายเย็นยะเยือก

ฉินเย่ส่งยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ฉันมีพี่น้องคนหนึ่ง”

“เฉินตง? เขามาไม่ทันแล้ว กว่าเขาจะหาแกเจอ แกก็หลับสบายไปละ อีกอย่างแกคิดว่าลูกสวะอย่างเขาจะมีโอกาสไปสู่ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลของตระกูลเฉินได้เหรอ จะสามารถพาแกเป็นคนร่ำรวยได้เหรอ? ”

หวือออ!

มีดที่ยาวคมสะท้อนแสง กำลังจะฟันลงสู่ศีรษะ

ครั้งที่ยี่สิบ!

ทันใดนั้น

เสียงดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง

“เขาพูดถูก น้องชาย ผมมาแล้ว!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset