Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 222 สามีตัวเองยังจำผิดได้อีกหรือ ?

ดูเหมือนว่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินจะร่วมมือกับตระกูลฉิน

สิ่งนี้ทำให้เฉินตงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนกำลังแบกรับความรู้สึกร้อนใจเอาไว้

การที่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินพยายามหาทางเลี่ยงตระกูลเฉินและพ่อ แล้วไปร่วมมือกับตระกูลฉิน ทำให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยิ่งสามารถทำทุกอย่างได้สะดวกขึ้น

อีกทั้งตระกูลฉินเองก็เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในซีสู่

และตอนนี้ฉินเย่เอง ก็เห็นได้ชัดว่ากลายเป็นศัตรูกับตระกูลฉินไปแล้ว

หากทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันลงมือแล้วละก็ เกรงว่าคงจะเกิดผลกระทบเป็นวงกว้างอย่างแน่นอน

หลังจากที่วิตกกังวลกับเรื่องนี้มาหลายวัน เฉินตงก็ยอมที่จะปล่อยวาง

เรื่องที่ไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แล้วจะมัวเก็บเอามาคิดอยู่ทำไม ?

ไม่ช้าเขาก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดให้กับการทำงานอีกครั้ง

แน่นอนว่าเรื่องส่วนใหญ่ที่เขากำลังเตรียมการก็คือเรื่องงานแต่งระหว่างเขากับกู้ชิงหยิ่ง

เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน สำหรับการเตรียมงานแต่งงานให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดนั้น ถือว่าเป็นเวลาที่กระชั้นชิดพอดู

แต่ทว่า ไม่เมื่อกำหนดฤกษ์แต่งงานเอาไว้แล้ว ก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก

ยังดีที่มีท่านหลงและแม่คอยช่วยเหลือเรื่องการจัดหาโรงแรมและจัดการรายละเอียดยิบย่อยในงานแต่งงาน

ส่วนเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งมีหน้าที่เพียงแค่เลือกชุดแต่งงานและถ่ายภาพแต่งงานเท่านั้น

ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก

เพื่อที่จะเก็บภาพความทรงจำในชุดแต่งงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้แก่กู้ชิงหยิ่ง

เฉินตงจึงนึกถึงฉู่เจียนเจีย ซึ่งมีทีมช่างภาพระดับแนวหน้าของวงการบันเทิงอยู่ในมือ

หลังจากฉู่เจียนเจียทราบเรื่อง ก็รีบแนะนำทีมช่างภาพระดับแนวหน้าทีมหนึ่งให้แก่เฉินตงด้วยความยินดี

ส่วนสถานที่สำหรับถ่ายภาพแต่งงาน เนื่องด้วยเวลากระชั้นชิดเป็นอย่างมาก บวกกับขั้นตอนในการตกแต่งภาพหลังการถ่ายต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน ดังนั้นในที่สุดพวกเขาจึงเลือกไห่ย่า

เวลากลางคืน อากาศเย็นเล็กน้อย

“คุณชายครับ พรุ่งนี้ไปถ่ายภาพแต่งงานที่ไห่ย่า กระผมแนะนำว่าควรจะพาคุนหลุนกับกูหลังไปด้วยนะครับ” ท่านหลงกล่าว

หลังจากการพักรักษาตัวช่วงหนึ่ง ถึงแม้ร่างกายของคุนหลุนและกูหลังจะไม่ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็เกือบหายเป็นปกติแล้ว

ส่วนอาการบาดเจ็บของเฉินตงนั้นหายดีแล้ว

ที่ท่านหลงแนะนำเช่นนี้

ก็เป็นเพราะกังวลเกี่ยวกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและตระกูลฉิน

เฉินตงพยักหน้า และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า : “พ่อยังไม่ส่งข่าวอะไรมาอีกหรือ ?”

“ครับ”

ท่านหลงขมวดคิ้วแล้วพยักหน้า : “ท่านเจ้าบ้านกล่าวว่า ช่วงนี้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเอาแต่กินเจและสวดมนต์อยู่ในห้องพระไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในบ้าน”

เฉินตงรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าตลก

มือถือสาก ปากถือศีล ?

จะไม่นึกถึงความรู้สึกของสิ่งศักดิ์สิทธิ์หน่อยหรือ ?

“แต่ก็หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นก่อนงานแต่งงานระหว่างฉันกับเสี่ยวหยิ่งนะ”

เฉินตงบิดขี้เกียจแล้วพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม

ท่านหลงยิ้มพลางพูดว่า : “พรุ่งนี้ขอให้คุณชายเดินทางอย่างสบายใจเถอะครับ ส่วนเรื่องพิธีแต่งงานภายในบ้าน กระผมจะดูแลจัดการให้เป็นอย่างดี”

“อย่าลืมช่วยบอกเจ้าหมอนั่นแทนผมด้วยว่า ให้เขารีบหายให้ทันเวลา จะได้มาร่วมงานแต่งงานของผม และมาทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้แก่ผม”

เฉินตงยิ้มไปพลางพูดไปพลาง

……

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

เครื่องบินส่วนตัวบินขึ้นจากสนามบินชานเมือง มุ่งหน้าสู่ไห่ย่า

บนเครื่องบินมีเพียงเฉินตง กู้ชิงหยิ่ง คุนหลุนและกูหลัง รวมสี่คนเท่านั้น

ส่วนทีมช่างภาพจะบินตรงจากเมืองหลวงสู่ไห่ย่า

เฉินตงนั่งมองก้อนเมฆที่ล่องลอยอยู่นอกหน้าต่างพลางขมวดคิ้วแน่น

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตั้งแต่วินาทีที่เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เฉินตงก็รู้สึกกระสับกระส่าย

รู้สึกราวกับว่า การไปไห่ย่าในครั้งนี้ จะต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

“คุณมีเรื่องไม่สบายใจหรือคะ ?” กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม

เฉินตงส่ายหัว

กู้ชิงหยิ่งพูดอย่างโกรธเคือง : “ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด”

ขณะที่พูด เธอก็ยื่นแก้วน้ำร้อนให้แก่เฉินตง : “ดื่มน้ำสักหน่อยนะคะ อย่าคิดมากเลย”

เฉินตงรับแก้วน้ำมา ริมฝีปากของเขาเพิ่งจะสัมผัสลงบนแก้ว

เปรี๊ยะ !

มีเสียงดังเบาๆ เกิดขึ้น แก้วที่อยู่ในมือของเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วร่วงลงสู่พื้น

น้ำเปียกชุ่มไปทั่วตัวของเขา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เฉินตงสะดุ้งและขมวดคิ้วแน่น

ถึงขั้นลืมที่จะเช็ดน้ำที่เปียกชุ่มอยู่บนตัว กลับกลายเป็นกู้ชิงหยิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นคนเช็ดให้แทน

“ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ ?”

หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งเช็ดน้ำที่เปียกชุ่มอยู่บนตัวของเฉินตงเรียบร้อยแล้ว เธอก็เงยหน้าขึ้นไปมองเฉินตง และเห็นสีหน้าของเขาที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก

“คุณว่า ที่แก้วใบนี้แตก จะเป็นลางบอกเหตุอะไรไหม ?”

แววตาของเฉินตงลึกซึ้ง น้ำเสียงเคร่งเครียด

“ก็เป็นลางบอกว่าน้ำที่รินเมื่อกี้ร้อนเกินไป ร้อนจนกระทั่งทำให้แก้วแตก ตอนที่คุณเพิ่งจะหยิบขึ้นมา บังเอิญว่าแก้วก็แตกพอดี”

กู้ชิงหยิ่งทำสีหน้าเบื่อหน่าย และพูดออกมาอย่างอดไม่ได้ : “คนโง่ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณมัวแต่นั่งเครียดอยู่ตลอดเวลา ? คุณกำลังกลัวอะไรกันแน่ ?

เฉินตงหัวเราะเยาะตัวเอง

อาจเป็นเพราะช่วงนี้ฉันรู้สึกกังวลเกินไปจริงๆ

“อารมณ์ดีหน่อยสิคะ ครั้งนี้เราไปถ่ายภาพแต่งงานกันนะ” กู้ชิงหยิ่งโอบเฉินตงเข้ามาไว้ในอ้อมแขน แล้วพูดปลอบโยนว่า “ถ้าคุณอารมณ์ไม่ดีแล้วละก็ ภาพที่ถ่ายออกมาจะต้องขี้เหร่แน่นอน”

เฉินตงหัวเราะออกมาทันที

เวลาสิบโมงเช้า

เครื่องบินลงจอดที่สนามบินนานาชาติไห่ย่า

มีท่านหลงคอยช่วยจัดการตารางเวลาต่างๆ ของตระกูลเฉิน ทำให้ทุกอย่างถูกตระเตรียมเอาไว้อย่างเรียบร้อยตั้งแต่เนิ่นๆ

หลังจากพวกของเฉินตงทั้งสี่คนเดินออกจากสนามบิน ก็ขึ้นนั่งบนรถของตระกูลเฉิน แล้วมุ่งหน้าเพื่อไปเข้าพักที่โรงแรมไห่หลงวานทันที

ภายในห้องพักชั้นพิเศษ จะมองเห็นวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลสีฟ้าและชายหาดได้พอดี

เป็นบรรยากาศแบบเมืองร้อนและเป็นธรรมชาติ

ในฐานะที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ทำให้ไห่ย่าไม่เคยขาดแคลนนักท่องเที่ยว

ไม่ว่าจะช่วงไหนฤดูไหน บนชายหาดก็จะมีคนนอนอาบแดดอยู่เสมอ

เมื่อมองดูวิวทิวทัศน์อยู่สักพัก

เฉินตงรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก หลังจากวางกระเป๋าเดินทางลงเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตั้งใจที่จะออกไปเดินเล่นริมชายหาดกับกู้ชิงหยิ่ง

อีกสักพักกว่าที่ทีมช่างภาพจะมาถึง หลังจากมาถึงแล้ว ก็ยังมีเรื่องอีกมากมายที่จะต้องวางแผนและจัดการ

ดังนั้นวันนี้คงจะยังไม่ได้เริ่มถ่าย

หลายปีมานี้ เขาไม่มีเวลาที่จะผ่อนคลายตนเองจริงๆ เลยสักครั้ง

ตอนนี้จึงควรจะใช้โอกาสนี้ พักผ่อนให้เต็มที่ นั่งดูวิวทิวทัศน์และสนุกกับชีวิตให้เต็มที่

ห้องพักของกู้ชิงหยิ่งอยู่ติดกับห้องพักของเฉินตง เป็นห้องพักชั้นพิเศษเช่นเดียวกัน

ก๊อกๆ !

เฉินตงเคาะประตู

รออยู่สักพักประตูก็ยังไม่เปิด

เฉินตงขมวดคิ้ว เมื่อครู่เขาเข้าห้องพร้อมๆ กับกู้ชิงหยิ่ง

ทำไมเธอถึงยังเก็บสัมภาระไม่เสร็จอีก ?

เขาเคาะประตูอีกครั้ง รออยู่สักพักประตูก็ยังไม่เปิดออกเช่นเคย

เฉินตงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหากู้ชิงหยิ่ง

เสียงเรียกสายโทรศัพท์เพิ่งจะดังได้หนึ่งครั้งก็มีคนกดรับสาย

“ที่รัก ผมเคาะประตูนานแล้วนะ”

“หา ? ฉันไม่ได้อยู่ในห้องเสียหน่อย !”

กู้ชิงหยิ่งอุทานด้วยความตกใจ จากนั้นจึงพูดคำพูดแปลกๆ ออกมา : “เดี๋ยวก่อนนะ แล้วทำไมคุณถึงอยู่ที่หน้าห้องของฉันได้ ? คุณไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกหรือ ?”

เปรี้ยง !

เฉินตงรู้สึกตกใจราวกับถูกฟ้าผ่า

“ตายแล้ว จำคนผิดแล้ว จำคนผิดแล้ว ที่รัก คุณรอเดี๋ยวนะ ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้”

เสียงของกู้ชิงหยิ่งดังออกมาจากโทรศัพท์ จากนั้นจึงกดวางสายไป

เฉินตงยืนตะลึงอยู่ที่เดิม

แม้แต่สามีของตนเอง ก็จำผิดอย่างนั้นหรือ ?

ผ่านไปห้านาที

กู้ชิงหยิ่งทำปากจู๋ เอามือสองข้างประสานกัน ท่าทางเหมือนกับเด็กที่ทำความผิด แล้วเดินออกมาจากลิฟต์

เฉินตงมองกู้ชิงหยิ่งด้วยท่าทีเฉยเมย

กู้ชิงหยิ่งแลบลิ้นออกมา แล้วเขย่าแขนของเฉินตง : “อย่าโกรธเลยนะคะ ฉันจำคนผิดจริงๆ”

“สามีตัวเองคุณยังจำผิดได้อีกหรือ ?”

เฉินตงแสร้งทำเป็นโกรธ

“ฉันจำคนผิดจริงๆ”

กู้ชิงหยิ่งอธิบายว่า : “เมื่อครู่พอฉันจัดเก็บสัมภาระเสร็จก็ออกมาจากห้องพัก แล้วบังเอิญเห็นคนที่มีลักษณะท่าทางคล้ายกับคุณเดินเข้าลิฟต์ไปพอดี ฉันยังคิดเลยว่าคุณไม่ยอมรอฉัน ฉันก็เลยรีบเดินตามไป หลังจากที่ตามขึ้นลิฟต์ไปไม่ทัน เมื่อลงไปถึงชั้นล่าง ฉันก็เลยรีบตามหาคุณ”

“ฉันยังตะโกนเรียกคุณไปสองครั้ง เมื่อครู่ยังนึกสงสัยเลยว่าทำไมคุณถึงยิ่งเดินยิ่งเร็ว”

“แล้วยังไงต่อ ?” เฉินตงเลิกคิ้ว

“เขาไว้เครา ไม่หล่อเหมือนสามีของฉัน”

กู้ชิงหยิ่งเอาหัวมุดเข้าไปในอ้อมแขนของเฉินตง ราวกับลูกแมวตัวเล็กๆ ที่กำลังออดอ้อน : “เลิกโกรธได้แล้ว ฉันจะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่คุณเอง”

เฉินตงไม่อาจเสแสร้งได้อีกต่อไปแล้ว เขาหลุดขำออกมา

จากนั้นจึงลูบหัวของกู้ชิงหยิ่งด้วยความเอ็นดู : “คุณชนะแล้ว ไปกันเถอะ ไปกินอาหารมื้อใหญ่กัน”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset