Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 224 จริงและปลอม

เสียงตะโกนที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน

ทำให้เฉินตงรู้สึกหวาดกลัว

ส่วนคุนหลุนและกูหลังกลับมีท่าทีที่ดุดันยิ่งขึ้น

“วางมือลง !”

เฉินตงตะคอกออกมาอย่างเย็นชา

“คุณชาย……”

“คุณเฉิน……”

คุนหลุนและกูหลังร้อนใจมาก พวกเขาหันมองเฉินตงพร้อมกัน

จากนั้นจึงหันมองตำรวจที่วิ่งกรูกันเข้ามาจากที่ไกลๆ

เฉินตงอยู่ในท่าทีที่เคร่งขรึม เขากัดฟันพูดออกมาว่า : “อย่าขยับ !”

“เฉินตง……”

กู้ชิงหยิ่งตาแดงก่ำ เธอตกใจจนสีหน้าซีดเผือด

เฉินตงชูมือทั้งสองข้างขึ้น จากนั้นจึงหันหลังกลับ เขาก้มหน้าแล้วค่อยๆ จูบลงบนหน้าผากของกู้ชิงหยิ่ง

“ไม่เป็นไร รอผมกลับมานะ ผมจะต้องกลับมาถ่ายภาพแต่งงานสวยๆ กับคุณแน่นอน จากนั้นก็จะมอบงานแต่งงานที่ทำให้ทุกคนต้องอิจฉาที่สุดให้แก่คุณ”

ทั้งสองสบตากัน

เป็นความอ่อนโยนที่ปลอบประโลมหัวใจราวกับสายน้ำ

กู้ชิงหยิ่งพยักหน้าอย่างแน่วแน่ : “ต้องไม่เป็นไรแน่นอน”

ตำรวจกลุ่มหนึ่งวิ่งตรงเข้ามา แล้วกระจายกำลังกัน รีบเข้าไปกดคุนหลุนและกูหลังลงกับพื้น

ส่วนตำรวจอีกสองสามนาย ก็เข้าไปล้อมเฉินตงเอาไว้ มีตำรวจนายหนึ่งมองสำรวจเฉินตงอย่างละเอียด แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

“พาตัวไป !”

ตั้งแต่ต้นจนจบ ภายใต้คำสั่งของเฉินตง คุนหลุนและกูหลังจึงไม่ได้ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย

ยังดีที่ตำรวจนำตัวเฉินตงไปเพียงแค่คนเดียว โดยไม่ได้ทำอันตรายกู้ชิงหยิ่ง คุนหลุนและกูหลัง

หลังจากที่มองดูรถตำรวจเหล่านั้นขับออกไป

“พี่คุนหลุน เฉินตงไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?”

กู้ชิงหยิ่งพยายามระงับสติอารมณ์ของตนเองเอาไว้ แต่น้ำเสียงก็ยังคงสั่นเครือเล็กน้อย

คุนหลุนสีหน้าเคร่งเครียด : “ผมจะรีบติดต่อท่านหลงกับท่านเจ้าบ้านเดี๋ยวนี้”

เขาอาศัยอยู่ในตระกูลเฉินมานาน จึงรู้ถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์นี้ดี

ตระกูลฉินเปิดเผยแผนการออกมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ถ้าไม่รับจัดการให้เรียบร้อยโดยเร็ว

เหตุการณ์คงจะยิ่งบานปลายใหญ่โตอย่างแน่นอน

ซึ่งนี่ไม่เป็นการดีต่อเฉินตงเลยแม้แต่น้อย

ส่วนเรื่องหลักฐาน หลักฐานบ้าบออะไรกัน !

ความแค้นของตระกูลใหญ่ อย่าว่าแต่ไม่มีหลักฐานเลย เพราะตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องหลักฐานอยู่แล้ว

สิ่งที่ตระกูลฉินต้องการก็คือ กวนน้ำให้ขุ่น

จากนั้นก็จับ “ปลาใหญ่” อย่างคุณชายเอาไว้ !

“กลับโรงแรมกันก่อน”

คุนหลุนใบหน้าเคร่งเครียด สีหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

ร่างกายที่สูงใหญ่กำยำราวกับหอคอยโลหะของเขา แผ่รังสีของความอำมหิตออกมา ทำให้เกิดบรรยากาศที่อึมครึมและน่าอึดอัดเป็นอย่างมาก

แต่สำหรับกู้ชิงหยิ่งและกูหลังแล้วนั้น กลับรู้สึกเหมือนมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างดี

……

เสียงสัญญาณฉุกเฉินของรถตำรวจดังจนแสบแก้วหู

ขบวนรถตำรวจกำลังวิ่งอยู่บนถนนสาธารณะ

ตลอดทางวิ่งด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า

แม้กระทั่งตรงสี่แยกก็ไม่มีการหยุดรถตามสัญญาณไฟจราจร ทำให้รถหลายคันที่สัญจรอยู่บนถนน ต้องหลีกทางให้ด้วยความกลัว

เฉินตงนั่งอยู่บนรถ มือทั้งสองข้างของเขาถูกใส่กุญแจมือเอาไว้

มีตำรวจนั่งขนาบอยู่สองข้างทั้งซ้ายและขวา

ส่วนที่นั่งข้างคนขับ ก็มีตำรวจนั่งอยู่ด้วยอีกรายหนึ่ง เมื่อนับรวมคนขับแล้ว

ก็มีคนจำนวนทั้งสิ้นห้าคนที่อยู่บนรถ

บรรยากาศเงียบสงัด

จนทำให้รู้สึกอึดอัด

เฉินตงมีท่าทีเย็นชา เขาขมวดคิ้วแน่น แล้วมองดูภาพถนนที่รถเคลื่อนผ่านด้านนอกหน้าต่าง

นี่คือสิ่งที่ตระกูลฉินต้องการ

ตอนนี้ต่อให้เขาพูดอะไรมากเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์

แต่เขาแน่ใจว่า หากคืนนี้ไม่มีหลักฐาน อย่างมาก ตำรวจก็คงจับเขาขังเอาไว้สักคืน จากนั้นคงปล่อยตัวเขาออกมา

การแก้แค้นของตระกูลใหญ่ แต่ไหนแต่ไรมาก็มักจะเป็นการกระทำการอย่างลับๆ

มีเพียงแค่ยอมฉีกหน้ากาก แล้วตัดสินใจที่จะร่วมหัวจมท้ายกับอีกฝ่ายแล้วเท่านั้น จึงจะกล้าเปิดเผยเรื่องทุกอย่างออกมาสู่สายตาสาธารณชนอย่างโจ่งแจ้ง

สิ่งที่เขาพอจะคิดได้ ตระกูลฉินเองก็คงจะคิดได้เช่นกัน

แต่เขารู้ดีว่า ถ้าหากท่านหลงและพ่อไม่รีบจัดการเรื่องทุกอย่างให้จบสิ้นโดยเร็ว ไม่แน่ว่าตระกูลฉินก็อาจจะมีแผนการขั้นต่อไปวางเอาไว้แล้วก็ได้

“โถ่เว่ย ร้อนจะตายอยู่แล้ว”

ตำรวจที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับสบถออกมา จากนั้นจึงโยนหมวกลงบนคอนโซลรถ แล้วจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ

แควก !

จากนั้นเขาก็ดึงอินทรธนูที่อยู่บนบ่าออก แล้วโยนทิ้งไปข้างๆ

เฉินตงรู้สึกตกใจทันที

เกิดความงุนงงขึ้นในแววตาของเขา

เขาจ้องมองไปที่หมวกตรงคอนโซลรถ และมองไปที่อินทรธนูที่ถูกโยนทิ้งลงบนเบรกมืออย่างไม่ตั้งใจ

ทำส่งๆ……แบบนี้ก็ได้หรือ ?

เกียรติยศของตำรวจ สามารถโยนทิ้งได้อย่างง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ ?

เขาเหลือบมองตำรวจสองคนที่นั่งขนาบอยู่ทั้งซ้ายและขวาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น

ถึงแม้ทั้งสองคนจะนั่งอยู่อย่างสง่างาม แต่ก็มีอารมณ์บางอย่างปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก

ไม่ใช่ว่าเฉินตงไม่เคยเห็นตำรวจมาก่อน แต่น้อยนักที่จะเห็นตำรวจที่มีท่าทีดังเช่นที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าในตอนนี้

คงจะใช้คำว่า “หละหลวม” มาใช้อธิบายได้ดีที่สุด

ต่อให้จับขอทานมาใส่ฉลองพระองค์ อย่างไรเสียก็ยังเป็นขอทานอยู่ดี นี่เป็นเรื่องของการวางตัว

ถึงแม้จะปิดบังตนเองจากคนทั่วไปได้ แต่เมื่ออยู่ในสายตาของเฉินตงแล้ว ก็ยากที่รอดพ้นสายตา

เป็นเพราะ เขาพบเจอคนมามาก

ผ่านประสบการณ์บนโลกธุรกิจมามาก ทำให้เขามีความสามารถในการมองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

ในที่สุดเฉินตงก็เอ่ยถามออกมา

“ตอนนี้พวกเราจะไปไหนกัน ?”

“หุบปาก !”

ตำรวจที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับตะคอกออกมา

นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นหัวหน้าของคนทั้งหมดที่นั่งอยู่ในรถ

เฉินตงขมวดคิ้ว

จากนั้นจึงมองออกไปนอกหน้าต่าง

รถที่แล่นอยู่บนถนนดูบางตาลงอย่างมากโดยไม่ทันรู้ตัว

ตึกสูงระฟ้า และแสงไฟส่องสว่างบนท้องถนน ค่อยๆ น้อยลงทุกทีๆ

นี่กำลังขับออกไปชานเมือง ?

เล่นตลกอะไรกัน !

เฉินตงหัวใจเต้นแรง ความคิดที่น่ากลัวปรากฏขึ้นในหัวของเขา

……

เวลาเดียวกันนี้

ภายในโรงแรม

“อะไรนะ ? ท่านหลง คุณแน่ใจหรือ ?”

คุนหลุนกระเด้งตัวขึ้นมาแล้วตะโกนอย่างตื่นตระหนก

ทำให้กู้ชิงหยิ่งและกูหลังรู้สึกตกใจพร้อมกัน

ตู้ด !

คุนหลุนกดวางสายโทรศัพท์

“พี่คุนหลุน เกิดอะไรขึ้น ?” กูหลังรีบเอ่ยถามอย่าร้อนใจ

คุนหลุนเป็นทหารรับจ้างฝีมือฉกาจ เป็นคนที่ผ่านความเป็นความตายมา ทำให้กูหลังรู้จักอุปนิสัยของคนประเภทนี้ดี

คนที่ปกติแล้วสามารถนิ่งสงบได้เหมือนน้ำ และสามารถดุร้ายได้เหมือนเสือ แต่ทว่าตอนนี้กลับมีท่าทีที่ตื่นตระหนกอย่างที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ นี่ถือเป็นสิ่งที่เห็นได้ยากยิ่ง

มือขวาของคุนหลุนกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น เขากัดกระพุ้งแก้มอย่างแรง และใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน

เขาพูดคำพูดออกมาประโยคหนึ่งซึ่งทำให้สีหน้าของกู้ชิงหยิ่งและกูหลั่งเปลี่ยนไปในทันที

“เจ้าหน้าที่ของไห่ย่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ตำรวจเมื่อครู่นั้น เป็นของปลอม !”

ตำรวจปลอม ? !

กูหลังยืนอึ้งไป

กู้ชิงหยิ่งตั้งสติกลับมาได้ ใบหน้าของเธอซีดเผือด : “ถ้าอย่างนั้น เฉินตง……”

“ท่านหลงสั่งการให้สำนักงานของตระกูลเฉินในไห่ย่าออกตามหาเรียบร้อยแล้วครับ”

ขณะที่พูด ใบหน้าของคุนหลุนซีดเผือดลงเล็กน้อย เขาล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้ แล้วพูดออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง : “เสี่ยวหยิ่ง ตอนนี้สิ่งที่พวกเราพอจะทำได้คือรอ !”

“แต่ว่า……”

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจเพราะเป็นห่วงเฉินตง

คุนหลุนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น : “ในเมื่อน้ำถูกกวนให้ขุ่นแล้ว คงจะต้องอาศัยอำนาจของตระกูลเฉินเท่านั้น จึงจะสามารถคว้าคุณชายออกมาจากน้ำที่ขุ่นนี้ได้ กำลังของเราสามคนไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับตระกูลฉินได้”

ตำรวจปลอม ทำให้คุนหลุนฉุกคิดขึ้นมาได้

ข่าวจริง ตำรวจปลอม

จริงและปลอม

สิ่งนี้อยู่เหนือความคาดหมาย

เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือตรรกะความคิดของพวกเขาตั้งแต่ต้นโดยสิ้นเชิง

แน่นอนว่าตำรวจปลอมต้องเป็นคนของตระกูลฉิน ตอนนี้คุณชายตกอยู่ในกำมือของตระกูลฉินแล้ว

หากเป็นกำลังของพวกตระกูลเฉิน ก็ไม่สามารถกู้คุณชายออกมาได้ก่อนที่ตระกูลฉินจะลงมือทำอะไรอีก

เช่นนั้น……

คุนหลุนไม่กล้านึกถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา

กู้ชิงหยิ่งใบหน้าซีดเผือด ดวงตากลมโตของเธอแดงก่ำและเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

ตอนนี้ เธอรู้สึกสิ้นหวัง

ในหัวปรากฏแต่ภาพเหตุการณ์ที่เฉินตงถูกจับตัวไปเมื่อครู่ซ้ำไปซ้ำมา

“คุณ คุณรับปากฉันแล้ว ว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”

น้ำเสียงที่น่าเศร้าราวกับมีดอันแหลมคม บาดลึกลงบนหัวใจของคุนหลุนและกูหลัง

ทำให้ทั้งสองได้แค่กล่าวโทษตัวเอง

……

รถตำรวจยังคงส่งเสียงดัง

ถนนค่อยๆ แคบลง ตึกสูงระฟ้าและไฟส่องสว่างก็ค่อยๆ บางตาลง

ทำให้เฉินตงมั่นใจในทันทีว่า รถตำรวจเหล่านี้ กำลังมุ่งหน้าไปทางชานเมือง

ของปลอม !

สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันความคิดที่น่ากลัวที่ปรากฏขึ้นในหัวของเขา

อีกทั้งที่มาของตำรวจปลอมเหล่านี้ แทบจะไม่ต้องเดาเลยว่า เป็นคนที่ตระกูลฉินส่งมาอย่างแน่นอน

ถ้าเช่นนั้น หลังจากที่รถหยุดลงแล้ว จุดจบของเขาจะเป็นเช่นไร ก็คงไม่ต้องเดาแล้ว

เฉินตงสูงหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง

ท่าทีเย็นชาของเขาเปลี่ยนเป็นท่าทีที่แน่วแน่ในทันที

เจตนาฆ่าแผ่ซ่านออกมาจากอกของเขาและทวีความรุนแรงขึ้น ดวงตาของเขาแน่วแน่มั่นคง

เขาแอบขยับกุญแจมือที่อยู่บนมือทั้งสองข้างของเขาอย่างเงียบๆ

การกระทำเช่นนี้ เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขา

แต่……เขาจำเป็นที่จะต้องทำ !

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset